คิดว่า SWITZERLAND คงเป็นประเทศในฝันของเพื่อนๆ หลายๆ คนเหมือนกันเนอะ ทริปนี้อาจไม่เหมือนที่ฝันไว้เท่าไหร่ แต่ก็ประทับใจมากๆ เลยค่ะ ไปกลับมาเป็นปีแต่ก็อยากจะไปอีกนะ และต้องไปอีกแน่นอน
review นี้อาจไม่ได้รายละเอียดการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ เน้นดูรูปเพลินๆ ละกันนะคะ
เผื่อจะช่วยกระตุ้นให้ใครหลายๆ คนได้เก็บกระเป๋าไปเที่ยวอย่างที่ฝันซักที
วันนี้เราเลยแว๊บจากงานที่ต้องทำ มากโขอยู่ มาปัดฝุ่นรูปเมื่อปีก่อน ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวประเทศเล็กๆ แต่น่ารักอย่าง SWITZERLAND กันจร้า
ทริปนี้ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง เราบิน TG บินตรงค่ะ นั่งจนเมื่อยก้น ตื่นมาบิดอยู่หลายรอบก็ยังไม่ถึงซะที แต่พอเครื่องบินใกล้จะ landing มองออกนอกหน้าต่างไปเห็นวิวภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ สวยจัง เริ่มตื่นเต้นแต่ก็เก็บอาการอยู่หน่อยๆ เพราะอายน้องที่มาด้วยกัน ว่าแต่อากาศจะหนาวแค่ไหนกันน้า
ถึงสนามบิน Zurich สิ่งแรกที่เหล่าสมาชิกต่างแยกย้ายกันไปทำคือเปลี่ยนเสื้อผ้าฮ่ะ เพราะอากาศข้างนอกสนามบินตอนนี้เป็นเลขตัวเดียวและน่าจะเย็นลงเรื่อยๆ วุ่นวายกันน่าดู กว่าจะได้แบกกระเป๋าขึ้นรถบัสกันได้ วี่แววสนุกสนานเริ่มแล้วคร้า
จุดหมายแรกสุดเมื่อมาถึง ก็เริ่มด้วยการเติมพลังทานอาหารเช้ากันก่อน มื้อนี้พวกเราฝากท้องที่ CONTI HOTEL เป็น buffet อาหารเช้าทั่วไป ที่ทางบริษัททัวรืจองไว้ แม้ไม่ค่อยถูกปากซักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องกินจร้าจะได้มีแรงแบกกล้อง
เก็บภาพบรรยากาศในห้องอาหารของทที่นี่ซักหน่อย เมื่อภารกิจปากท้องเรียบร้อยก็เดินทางต่อกันดีกว่า
จุดหมายต่อไป เรามุ่งหน้าสู่กรุงเบิร์น ระยะทาง 156 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสก็ประมาณ 2 ชั่วโมง
กรุงเบิร์น นครหลวงอันเก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และสวยงามเป็นอยำงยิ่งจนได้รับการอนุรักษ์ ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้
แวะ Rose Garden ชมบรรยากาศสวยงามของกรุงเบิร์นที่สร้างขึ้นในยุคกลางของยุโรป อากาศเย็นๆ กำลังดีเลยคร้า
เมืองนี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย และยังเป็นเมืองที่มีน้ำพุมากที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรปเลยคร้า เค้าเล่ามางี้
แยกย้ายกันเดินเล่นถ่ายรูป แยกย้ายกันหามุมดีดีโพสท่ากันใหญ่ อากาศกำลังดีไม่หนาวจนเกินไป ชิวมากๆ เลยจร้า
SWITZERLAND ใช้ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลี เนื่องจากมีภูมิประเทศติดกับประเทศนั้นๆ อ่ออีกภาษานึงก็คือ ภาษาอังกฤษนั่นเองจร้า ดังนั้นเราก้สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับพนักงานร้านค้าต่างๆ ได้สบายๆ เลยคร้า...ส่วนเรานั้นก็เมื่อยมือกันไป อิอิ
แชะภาพวิวจนพอใจแล้ว ก็เดินดูสมาชิกโพสท่าถ่ายรูปเพลินๆ กันไป บริเวณนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดถ่ายรูป คือถ่ายกับท่าน Albert Einstein วันนี้ท่านน่าจะ happy เพราะมีสาวๆ แวะเวียนกันมานั่งข้างๆ บ้างล่ะ กอดคอบ้างล่ะ เอาภาพน่ารักๆ ของเพื่อนร่วมทริปนี้มาฝากกัน
เอาภาพเผลอๆ ของหนุ่มๆ ในทริปนี้กันบ้างเนอะ นี่ตื่นมาก็หล่อเลยอิอิ
เก็บภาพกันพอสมควร...(ที่แรกก็เล่นเอา memory card เกือบเต็ม...555) ก่อนไปชมเบิร์นกันต่อเก็บภาพสดใสๆ ของเด็กๆ กันอีกซักแชะ แล้วเดินทางต่อกันค่ะ
จุดหมายต่อไป คือ Baeren Graben หรือ บ่อหมี สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ซึ่งทางการของเมืองเบิร์นได้จัดสรรงบประมาณขยายบ่อหมีให้กว้างขึ้นลงไปจนถึงแม่น้ำอาเร่อะในปี 2007 ที่ผ่านมานี้เอง
บริเวณทางเดินมีการแกะสลักเหมือนจะเป็นชื่อคน สงสัยนะว่าคือใคร หรืออะไร แต่ตอนนั้นเริ่มเหนื่อยเลยขี้เกียจถามคร้า แชะๆ รูปก็พอเนอะ
สำหรับสมาชิกที่พยายามเดินหาเจ้าหมี จนเหนื่อย หากเกิดหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำ บริเวณอาคารใกล้ๆ ก็มีร้านอาหาร และร้านขายของฝาก
บางคนก็เข้าไปชิมเบียร์ บางคนก็ลองไอติมเย็นๆ บางคนก็ได้แว๊บเข้าห้องน้ำ
บริเวณนี้เราสามารถชมเมือง บ้านเมืองของกรุงเบิร์นได้อย่างใกล้ชิด
ถ่ายรูปเล่นกับวิวแม่น้ำ แม่น้ำอะไรไม่รู้สินะ แต่ใสมากๆ เลยค่ะ เดินเล่นเก็บบรรยากาศรอบๆ ได้อีกหน่อย ก่อนที่ฝนจะตก
ใกล้เที่ยงพอดีกับท้องที่เริ่มหิว อาจเพราะเมื่อเช้าทานไปไม่อยู่ท้อง ดังนั้น station ต่อไปก็มื้อเที่ยงเลยคร้า กับภัตรคารอาหารจีน
อาหารมื้อนี้อร่อยดีค่ะ หรือเพราะ agency เอาน้ำพริกนรกมาเสิร์ฟด้วยก็ไม่รู้ กินกับข้าวสวยร้อนๆ แสนจะฟินค่ะ
อิ่มอาหารมื้อหลักแล้ว ก่อนเดินทางต่อ ก็แวะ family mart ซะหน่อย ซื้อน้ำซื้อขนมเผื่อไว้กินระหว่างทาง
ที่นี่สมาชิกของเราส่วนใหญ่จะได้องุ่น กับสตอเบอร์รี่ลูกโตติดไม้ติดมือกันออกมาคนละกล่องสองกล่องค่ะ
จากนั้นบัสก็พาพวกเรามุ่งหน้าสู่ นครเจนีวา (GENEVA) ระยะทางจากเบิร์นไปเจนีวา ประมาณ 155 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางก็ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ วิวระหว่างทางก็ประมาณนี้เลยคร้า
บางรูปถ่ายผ่านกระจกรถบัส มันก็จะเบลอๆ หน่อยนะคร้า
รถที่นี่วิ่งเลนส์ขวา พวงมาลัยอยู่ทางด้านซ้าย นั่งไปเพลินๆ ชมรถสวยๆ ราคาแพงๆ กันไปฟินๆ ๆ อย่างคันนี้เป็นรถของ Switzerland สังเกตจากป้ายทะเบียนที่มีธงชาติติดอยู่
ส่วนตัวย่อ GE ก็คือเป็นรถของเมือง Geneva นั่นเอง
เจนีวา เป็นพันธรัฐที่เล็กที่สุดของ Switzerland ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา (Lac Laman)
บรรยากาศทะเลสาบที่มีเรือจอดเต็มไปหมดก็เพลินตาดีค่ะ
แวะชมทะเลสาปเจนีวา และน้ำพุจรวด (Jet d’eau) ที่สร้างขึ้นเพื่อระบายแรงดันน้ำ โดยความสูงของระดับน้ำที่พุ่งขึ้นไปสูงถึง 140 เมตร
เป็นอีกสัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา แวะเดินชมสวนอังกฤษ และถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ ที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบบอกถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาที่มีต่อเจนีวา
ถ่ายภาพกันจนอิ่ม จากนั้นก็เดินทางสู่เมืองโลซานน์ ระยะทางจากเจนีวา ประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที
คืนนี้เราพักกันที่เมืองโลซานน์ check in และทานอาหารค่ำที่โรงแรม ก่อนจะออกไปเดินเล่นสำรวจเมืองกันซะหน่อย
ที่นี่มี starbuck พรุ่งนี้เช้ายังไงก็ต้องมาจิบกาแฟที่นี่ซักหน่อย แวะถ่ายภาพและเข้าไปเดินเล่นในสถานีรถไฟเมืองโลซานน์ ก่อนจะเข้าที่พัก เพื่อเก็บแรงไว้ซ่าในวันพรุ่งนี้ต่อไป
เอาภาพที่พักคืนแรกที่โลซานน์มาฝากกันซะหน่อย
เช้าวันนี้หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พักกันเรียบร้อยแล้ว ได้กาแฟเพิ่มความสดชื่น ก็ออกเดินทางกันต่อ นับว่าเป็นสิริมงคลชีวิตของพวกเรามาก ที่ได้มีโอกาสตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ของปวงชนชาวไทย
พวกเราได้เข้าเยี่ยมชม โรงเรียนเอกอล นูแวล เอดลา ซืออิส โรมองค์ (Ecole Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองแชลลี ซูร โลซานน์ (Chally sur - Lausanne) โรงเรียนที่พระองค์ทรงศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึก แล้วเดินเยี่ยมชมรอบๆ แยกย้ายกันเก็บภาพความทรงจำว่าครั้งนึงเราได้มาที่นี่แล้ว
จากนั้นก็ออกเที่ยวชมเมืองโลซานน์ ชมบรรยากาศที่แสนสงบของเมืองแห่งนี้ เดินเล่นถ่ายรูปริมทะเลสาป ซึ่งเป็นทะเลสาปกั้นพรมแดนกับประเทศฝรั่งเศส
แวะเดินเล่นต่อ ณ บริเวณสวนสาธารณะ Denantou Park ถ่ายรูปกับศาลาไทย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาป
ทางเดินมาผ่านสวนสวยๆ บรรยากาศดีดี อดไม่ได้ที่จะแอบถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ร่วมทริปซะหน่อย
สดใสกันไปทั้งคน ทั้งวิวเลยจร้า
แล้วก็ไม่ลืมที่จะเดินไปถ่ายรูปกับรูปปั้นลิงนักปราชญ์
ลิงนักปราชญ์ คือรูปปั้นลิงสามตัวในท่าทาง ปิดตา ปิดหู ปิดปาก ซึ่งหมายความถึงการไม่พูด ไม่ดู ไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดีนั่นเอง
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอยืมรูปตัวเองในกล้องคนอื่นมาลงบ้างน้า อิอิ
อีกฝั่งของทะเลสาปที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ก็เป็นโบสถ์ เป็นโรงแรม ตอนนี้เดินไปไม่ไหวแล้วค่ะ ขอซูมไปเก็บภาพไว้ดูเล่นก็พอเนอะ
จากนั้นก็เดินเล่นเรียบชายหาด ถ่ายรูปเล่นกันหน่อย แม้อากาศจะไม่ค่อยเป็นใจ มีฝนโปรยอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็ไม่ได้สดใสน้อยลงเลยคร้า ถ่ายรูปไป เดินไปยังพิพิธภัณฑ์โอลิมปิค ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก เราไม่ได้เข้าไปชมข้างในหรอกนะ แค่เดินเล่นๆ ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เท่านั้น
[CR] แบกกล้องตะลุย . . . "SWITZERLAND"
คิดว่า SWITZERLAND คงเป็นประเทศในฝันของเพื่อนๆ หลายๆ คนเหมือนกันเนอะ ทริปนี้อาจไม่เหมือนที่ฝันไว้เท่าไหร่ แต่ก็ประทับใจมากๆ เลยค่ะ ไปกลับมาเป็นปีแต่ก็อยากจะไปอีกนะ และต้องไปอีกแน่นอน
review นี้อาจไม่ได้รายละเอียดการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ เน้นดูรูปเพลินๆ ละกันนะคะ
เผื่อจะช่วยกระตุ้นให้ใครหลายๆ คนได้เก็บกระเป๋าไปเที่ยวอย่างที่ฝันซักที
วันนี้เราเลยแว๊บจากงานที่ต้องทำ มากโขอยู่ มาปัดฝุ่นรูปเมื่อปีก่อน ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวประเทศเล็กๆ แต่น่ารักอย่าง SWITZERLAND กันจร้า
ทริปนี้ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง เราบิน TG บินตรงค่ะ นั่งจนเมื่อยก้น ตื่นมาบิดอยู่หลายรอบก็ยังไม่ถึงซะที แต่พอเครื่องบินใกล้จะ landing มองออกนอกหน้าต่างไปเห็นวิวภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ สวยจัง เริ่มตื่นเต้นแต่ก็เก็บอาการอยู่หน่อยๆ เพราะอายน้องที่มาด้วยกัน ว่าแต่อากาศจะหนาวแค่ไหนกันน้า
ถึงสนามบิน Zurich สิ่งแรกที่เหล่าสมาชิกต่างแยกย้ายกันไปทำคือเปลี่ยนเสื้อผ้าฮ่ะ เพราะอากาศข้างนอกสนามบินตอนนี้เป็นเลขตัวเดียวและน่าจะเย็นลงเรื่อยๆ วุ่นวายกันน่าดู กว่าจะได้แบกกระเป๋าขึ้นรถบัสกันได้ วี่แววสนุกสนานเริ่มแล้วคร้า
จุดหมายแรกสุดเมื่อมาถึง ก็เริ่มด้วยการเติมพลังทานอาหารเช้ากันก่อน มื้อนี้พวกเราฝากท้องที่ CONTI HOTEL เป็น buffet อาหารเช้าทั่วไป ที่ทางบริษัททัวรืจองไว้ แม้ไม่ค่อยถูกปากซักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องกินจร้าจะได้มีแรงแบกกล้อง
เก็บภาพบรรยากาศในห้องอาหารของทที่นี่ซักหน่อย เมื่อภารกิจปากท้องเรียบร้อยก็เดินทางต่อกันดีกว่า
จุดหมายต่อไป เรามุ่งหน้าสู่กรุงเบิร์น ระยะทาง 156 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสก็ประมาณ 2 ชั่วโมง
กรุงเบิร์น นครหลวงอันเก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และสวยงามเป็นอยำงยิ่งจนได้รับการอนุรักษ์ ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้
แวะ Rose Garden ชมบรรยากาศสวยงามของกรุงเบิร์นที่สร้างขึ้นในยุคกลางของยุโรป อากาศเย็นๆ กำลังดีเลยคร้า
เมืองนี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย และยังเป็นเมืองที่มีน้ำพุมากที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรปเลยคร้า เค้าเล่ามางี้
แยกย้ายกันเดินเล่นถ่ายรูป แยกย้ายกันหามุมดีดีโพสท่ากันใหญ่ อากาศกำลังดีไม่หนาวจนเกินไป ชิวมากๆ เลยจร้า
SWITZERLAND ใช้ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลี เนื่องจากมีภูมิประเทศติดกับประเทศนั้นๆ อ่ออีกภาษานึงก็คือ ภาษาอังกฤษนั่นเองจร้า ดังนั้นเราก้สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับพนักงานร้านค้าต่างๆ ได้สบายๆ เลยคร้า...ส่วนเรานั้นก็เมื่อยมือกันไป อิอิ
แชะภาพวิวจนพอใจแล้ว ก็เดินดูสมาชิกโพสท่าถ่ายรูปเพลินๆ กันไป บริเวณนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดถ่ายรูป คือถ่ายกับท่าน Albert Einstein วันนี้ท่านน่าจะ happy เพราะมีสาวๆ แวะเวียนกันมานั่งข้างๆ บ้างล่ะ กอดคอบ้างล่ะ เอาภาพน่ารักๆ ของเพื่อนร่วมทริปนี้มาฝากกัน
เอาภาพเผลอๆ ของหนุ่มๆ ในทริปนี้กันบ้างเนอะ นี่ตื่นมาก็หล่อเลยอิอิ
เก็บภาพกันพอสมควร...(ที่แรกก็เล่นเอา memory card เกือบเต็ม...555) ก่อนไปชมเบิร์นกันต่อเก็บภาพสดใสๆ ของเด็กๆ กันอีกซักแชะ แล้วเดินทางต่อกันค่ะ
จุดหมายต่อไป คือ Baeren Graben หรือ บ่อหมี สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ซึ่งทางการของเมืองเบิร์นได้จัดสรรงบประมาณขยายบ่อหมีให้กว้างขึ้นลงไปจนถึงแม่น้ำอาเร่อะในปี 2007 ที่ผ่านมานี้เอง
บริเวณทางเดินมีการแกะสลักเหมือนจะเป็นชื่อคน สงสัยนะว่าคือใคร หรืออะไร แต่ตอนนั้นเริ่มเหนื่อยเลยขี้เกียจถามคร้า แชะๆ รูปก็พอเนอะ
สำหรับสมาชิกที่พยายามเดินหาเจ้าหมี จนเหนื่อย หากเกิดหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำ บริเวณอาคารใกล้ๆ ก็มีร้านอาหาร และร้านขายของฝาก
บางคนก็เข้าไปชิมเบียร์ บางคนก็ลองไอติมเย็นๆ บางคนก็ได้แว๊บเข้าห้องน้ำ
บริเวณนี้เราสามารถชมเมือง บ้านเมืองของกรุงเบิร์นได้อย่างใกล้ชิด
ถ่ายรูปเล่นกับวิวแม่น้ำ แม่น้ำอะไรไม่รู้สินะ แต่ใสมากๆ เลยค่ะ เดินเล่นเก็บบรรยากาศรอบๆ ได้อีกหน่อย ก่อนที่ฝนจะตก
ใกล้เที่ยงพอดีกับท้องที่เริ่มหิว อาจเพราะเมื่อเช้าทานไปไม่อยู่ท้อง ดังนั้น station ต่อไปก็มื้อเที่ยงเลยคร้า กับภัตรคารอาหารจีน
อาหารมื้อนี้อร่อยดีค่ะ หรือเพราะ agency เอาน้ำพริกนรกมาเสิร์ฟด้วยก็ไม่รู้ กินกับข้าวสวยร้อนๆ แสนจะฟินค่ะ
อิ่มอาหารมื้อหลักแล้ว ก่อนเดินทางต่อ ก็แวะ family mart ซะหน่อย ซื้อน้ำซื้อขนมเผื่อไว้กินระหว่างทาง
ที่นี่สมาชิกของเราส่วนใหญ่จะได้องุ่น กับสตอเบอร์รี่ลูกโตติดไม้ติดมือกันออกมาคนละกล่องสองกล่องค่ะ
จากนั้นบัสก็พาพวกเรามุ่งหน้าสู่ นครเจนีวา (GENEVA) ระยะทางจากเบิร์นไปเจนีวา ประมาณ 155 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางก็ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ วิวระหว่างทางก็ประมาณนี้เลยคร้า
บางรูปถ่ายผ่านกระจกรถบัส มันก็จะเบลอๆ หน่อยนะคร้า
รถที่นี่วิ่งเลนส์ขวา พวงมาลัยอยู่ทางด้านซ้าย นั่งไปเพลินๆ ชมรถสวยๆ ราคาแพงๆ กันไปฟินๆ ๆ อย่างคันนี้เป็นรถของ Switzerland สังเกตจากป้ายทะเบียนที่มีธงชาติติดอยู่
ส่วนตัวย่อ GE ก็คือเป็นรถของเมือง Geneva นั่นเอง
เจนีวา เป็นพันธรัฐที่เล็กที่สุดของ Switzerland ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา (Lac Laman)
บรรยากาศทะเลสาบที่มีเรือจอดเต็มไปหมดก็เพลินตาดีค่ะ
แวะชมทะเลสาปเจนีวา และน้ำพุจรวด (Jet d’eau) ที่สร้างขึ้นเพื่อระบายแรงดันน้ำ โดยความสูงของระดับน้ำที่พุ่งขึ้นไปสูงถึง 140 เมตร
เป็นอีกสัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา แวะเดินชมสวนอังกฤษ และถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ ที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบบอกถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาที่มีต่อเจนีวา
ถ่ายภาพกันจนอิ่ม จากนั้นก็เดินทางสู่เมืองโลซานน์ ระยะทางจากเจนีวา ประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที
คืนนี้เราพักกันที่เมืองโลซานน์ check in และทานอาหารค่ำที่โรงแรม ก่อนจะออกไปเดินเล่นสำรวจเมืองกันซะหน่อย
ที่นี่มี starbuck พรุ่งนี้เช้ายังไงก็ต้องมาจิบกาแฟที่นี่ซักหน่อย แวะถ่ายภาพและเข้าไปเดินเล่นในสถานีรถไฟเมืองโลซานน์ ก่อนจะเข้าที่พัก เพื่อเก็บแรงไว้ซ่าในวันพรุ่งนี้ต่อไป
เอาภาพที่พักคืนแรกที่โลซานน์มาฝากกันซะหน่อย
เช้าวันนี้หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พักกันเรียบร้อยแล้ว ได้กาแฟเพิ่มความสดชื่น ก็ออกเดินทางกันต่อ นับว่าเป็นสิริมงคลชีวิตของพวกเรามาก ที่ได้มีโอกาสตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ของปวงชนชาวไทย
พวกเราได้เข้าเยี่ยมชม โรงเรียนเอกอล นูแวล เอดลา ซืออิส โรมองค์ (Ecole Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองแชลลี ซูร โลซานน์ (Chally sur - Lausanne) โรงเรียนที่พระองค์ทรงศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึก แล้วเดินเยี่ยมชมรอบๆ แยกย้ายกันเก็บภาพความทรงจำว่าครั้งนึงเราได้มาที่นี่แล้ว
จากนั้นก็ออกเที่ยวชมเมืองโลซานน์ ชมบรรยากาศที่แสนสงบของเมืองแห่งนี้ เดินเล่นถ่ายรูปริมทะเลสาป ซึ่งเป็นทะเลสาปกั้นพรมแดนกับประเทศฝรั่งเศส
แวะเดินเล่นต่อ ณ บริเวณสวนสาธารณะ Denantou Park ถ่ายรูปกับศาลาไทย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาป
ทางเดินมาผ่านสวนสวยๆ บรรยากาศดีดี อดไม่ได้ที่จะแอบถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ร่วมทริปซะหน่อย
สดใสกันไปทั้งคน ทั้งวิวเลยจร้า
แล้วก็ไม่ลืมที่จะเดินไปถ่ายรูปกับรูปปั้นลิงนักปราชญ์
ลิงนักปราชญ์ คือรูปปั้นลิงสามตัวในท่าทาง ปิดตา ปิดหู ปิดปาก ซึ่งหมายความถึงการไม่พูด ไม่ดู ไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดีนั่นเอง
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอยืมรูปตัวเองในกล้องคนอื่นมาลงบ้างน้า อิอิ
อีกฝั่งของทะเลสาปที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ก็เป็นโบสถ์ เป็นโรงแรม ตอนนี้เดินไปไม่ไหวแล้วค่ะ ขอซูมไปเก็บภาพไว้ดูเล่นก็พอเนอะ
จากนั้นก็เดินเล่นเรียบชายหาด ถ่ายรูปเล่นกันหน่อย แม้อากาศจะไม่ค่อยเป็นใจ มีฝนโปรยอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็ไม่ได้สดใสน้อยลงเลยคร้า ถ่ายรูปไป เดินไปยังพิพิธภัณฑ์โอลิมปิค ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก เราไม่ได้เข้าไปชมข้างในหรอกนะ แค่เดินเล่นๆ ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เท่านั้น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้