“ญี่ปุ่น” อาจจะเป็น Dream Destination และ อยู่ใน “MUST GO” ของใครหลายๆคน ได้ไปเจอหิมะหนาๆ ฟูๆ ที่บ้านเราไม่มี ทริปนี้เราเลยตัดสินใจจะพาคุณแม่และเพื่อนคุณแม่ไปสานฝันกันย่ำหิมะให้เย็นชุ่ม ที่เทศกาลหิมะ เมืองหนาว Sapporo Snow festival 2019 Hokkaido ครั้งที่ 70 จัดขึ้นประจำทุกปีช่วงวันที่โดยประมาณ  กลางกุมภาพันธ์

ก่อนเริ่มแพลนทุกอย่าง มีการคุยกันก่อน ว่าไหวเนอะ มันหนาวมาก คุณแม่บอกไหว

ทุกอย่างต้องจองล่วงหน้านาน เพราะว่าเป็น High season ของ Sapporo Hokkaido  เราคิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มี Marketing ดี ปกติ หน้าหนาวของประเทศอื่นคือ Low season ด้วยความที่มันหนาวเกินไป มืดไว ใครจะไปเที่ยว แต่ญี่ปุ่นสามารถดึงจุดด้อยข้อนี้ เปลี่ยนเป็นจุดเด่น พยายามหากิจกรรมนู่นนี้ เช่น หนาวมากใช่ไหม ได้! จัดเทศกาลน้ำแข็งซิ เย็นไวใช่ไหม จัดงานไฟซิ ทำให้เที่ยวตอนกลางคืนได้ด้วย ดึงมาเป็นจุดแข็งของ Winter ได้ เก่งจริงๆนับถือ

ตั๋วเครื่องบิน
แผนมา หลังตกลงกันเสร็จเรียบร้อย แพลนบินตอน Snow festival ช่วงที่เขาทำน้ำแข็งเสร็จแล้ว ถ้าจองบินตรง จะแพงมากมาก งั้นใช้ทริคนี้ บินจากกรุงเทพ แล้วไปต่อ Domestic flight ไปกลับ Sapporo คงจะดีกว่า ได้เที่ยวสองเมืองด้วย
ออกมาเป็น Airasia ไปกลับ กรุงเทพ - โตเกียว (NRT) แวะเที่ยว Tokyo 1 วัน ราคาตั๋วที่ได้มา 7,500 บาท ต่อคน (ของเราและแม่) พี่อีกคนจองตามมาที่หลัง 10,000 บาท ไปกลับ อีกอันเป็น Flight Domestic บินจาก Tokyo (HND) ไปและกลับ Sapporo Hokkaido (CTS) สายการบิน ANA ราคา 5090 บาท ต่อคน (ได้ราคาเดียวกันหมด) สรุปรวมตั๋วไปกลับ ต่อคน 12,590 บาท เอง ถูกลงไปกว่าครึ่ง ได้นั่งเครื่อง 777-300 ของ ANA ด้วย ดีงามมมมมม

ที่พัก พักตรงไหนดี ?!
ถ้าพูดถึง Sapporo ทำเลดีดี คงหนีไม่พ้น สถานี JR Sapporo หรือ จุดจัดงาน snow festival  ไม่ต้องพูดถึงโรงแรมรอบรอบสวน แพงหูฉี่ และเต็มไวแค่ไหน

เลยตัดสินใจจอง Airbnb คืนละ 5,000 บาท 3 คืน อยู่ได้ 3 คน ห้องกว้างใหญ่ 1 ห้องนอน มีครัว ห้องนั่งเล่น ห้องแต่งตัว ห้องอาบน้ำจากุชชี่มีทีวีให้ดู ราคารวม 15,000  รวมค่าธรรมเนียมและค่าทำความสะอาด ถือว่าไม่แพงเพราะที่ตั้งดี สามารถเดินไป เดินไปสถานีรถไฟได้ใน 4 นาที เดินไป Nijo Maket , Sapporo TV Tower และ งาน Snow Festival ที่สำคัญเข้าถึงถนนช้อปปิ้งได้หมดทุกเส้น

วางแผนการเดินทาง เป็นแผนเที่ยวที่เบามาก กลัวสว จะไม่ไหว (แต่สว ก็ไม่ไหวอยู่ดี 555+) ประมาณนี้เลย
08-02-2019 : เดินทางออกจากประเทศไทยตอนดึก
09-02-2019 : เดินทางถึง Narita เช้า นั่งบัสเข้าเมือง Tokyo เที่ยว Sensoji Temple , Ueno Park , Ameyoko Market นั่งรถไฟไปสนามบิน Haneda Airport นั่งเครื่องบินไป Chitose Airport เข้าที่พัก
10-02-2019 : เช่ารถขับ เที่ยว Snow festival ที่ Chitose Noribetsu หุบเขานรก , Sapporo Beer Museum , เทศกาลงานหิมะ ที่ Susukino , Nakajima Park และ ช้อปปิ้งถนน Susukino shopping center
11-02-2019 : Sapporo Morning Market ,โรงงานชอคโกแลต Shiroi koibito factory และ Snow festival ตรง Odori Park
12-02-2019 : Hokkaido Shire กลับสนามบิน เดินเล่นในสนามบิน นั่งรถไฟไป NRT กินและเที่ยว Shibuya เข้าที่พักตรงสนามบิน รอกลับบ้านพรุ่งนี้
13-02-2019 : เดินทางกลับบ้านแต่เช้ามืด ด้วย Airasia ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

เตรียมแผนเสร็จ ข่าวประกาศออกมาว่า Hokkaido หนาวสุดในรอบ 40 ปี ประมาณ -20 องศาในวันที่เรากำลังจะเดินทางไป มานั่งคิด อากาศหนาวขนาดนี้ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ใครสายขี้หนาวก็คูณไปอีกเท่า เอาไปเผื่อดีกว่าไปหนาวที่นู่น บอกเลยทรมาน ส่วนตัวเองคิดว่า -20 รับมือไหว หนาวได้แต่อย่าลม หนักกว่านี้ก็ตอนไปล่าแสงเหนือ โอ๊ยยย สมชื่อ โหดสัสรัสเซีย -30 องศา -...-
1. ชุดลองจอน ฮีทเทค หนาๆ เอาแบบกัน -15 องศา
2. เสื้อกันหนาว กันน้ำ กันลม
3. ที่ปิดหู ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ ถุงเท้าวูลเอาให้ครบ
4. รองเท้าที่กันน้ำ กันหิมะ กันหนาว กันลื่น
5. ยาแก้แพ้อากาศ ยาแก้ไข้ แก้หวัด อย่าลืมเด็ดขาด
6. ครีมทาผิว ลิปมัน อากาศหนาวจะทำให้ผิวแห้งแตก

จัดของเสร็จ สิ่งสุดท้าย ที่ห้ามลืม คือ ประกันเดินทาง อีนี่จิตตกขั้นสุด ทำประกันมันสองตัวเลย เกินดีกว่าขาดนะ เกิดเครื่องบินดีเลย์ขึ้นมา วุ่นวายไม่ได้กลับบ้าน ไม่สบายเข้าโรงพยาบาล ประกันเดินทางยังพอช่วยเราได้ ทำเถอะ ไม่เสียหาย ไม่ได้แพงมาก ^^ ซื้อความสบายใจ

วันออกเดินทาง
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2019
เรานั่งแท๊กซี่มาจากที่บ้าน รถติดมากกกก เพราะว่าเป็นวันศุกร์พอดี แต่พี่โซเฟอร์ทำเวลาได้ดี มาถึงเวลา Check in พอดิบพอดี



ไม่ต้องต่อแถวค่ะ โชว์บัตร Airasia ละเดินเข้าไปสวยๆได้เลย โหลดกระเป๋าเรียบร้อย



ไปนั่งรอใน Lounge King Power ช่วงที่ไปทัน อาหารร้อนพอดี เมนูเป็นเกี่ยมอี้ อร่อยยยย อิ่มเรียบร้อยไปนั่งรอแถว Gate ดีกว่าจะได้ให้คนอื่นเขาใช้บริการกันบ้าง

นั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมง สายการบินประกาศเรียกขึ้นเครื่อง ไปขึ้นเครื่องก่อนใครโดยไม่ต้องโชว์บัตร เนื่องจากตอนทำ web check in ล่วงหน้าก่อน 10 วัน (Airasia เปลี่ยนวันจาก 14 วัน เป็น 10 วันนะจ้ะ)



Random ได้ที่นั่ง แถวที่ 16 ตรง Long Leg ราคา 1,600 บาท ต่อคน แบบไม่ต้องเสียเงิน สองที่นั่ง คือของเราและพี่ ส่วนของพี่อีกห้อง ได้โซน Quiet Zone แถวที่ 8 ราคา 570 บาท ดีงามมากจริงๆ เราสลับไปนั่งตรง Quiet Zone แทนพี่ สองผู้ใหญ่ จะได้นั่งสบายๆ ได้เหยียดขายาวๆ ขึ้นเครื่องมาหลับสนิท ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ...

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2019


รู้ตัวอีกทีตอนโดนปลุกรับประอาหารเช้าตอนตีสามเวลาไทย เทียบกับญี่ปุ่นเท่ากับตีห้าาา แม่เจ้าาาา ง่วงนอนนนนนน หลับตากินกันเลยทีเดียว แถมต่อมรับรสชาติไม่ทำงาน



นอนต่อๆ ประมาณ 07.30 เวลาท้องถิ่น กัปตันประกาศว่าเราจะ Lane shortly โอโห้ กัปตันดิปมากกก ถึงก่อนเวลา 30 นาที สงสัยกัปตันมีนัดไปเล่นสกี อิอิ แซว เปิดหน้าต่างดู หิมะตกหนักมากจ้าาาาาา ตายแว้วววว นึกว่าจะมาปรับร่างกายที่ Tokyo ก่อนจะไปเจอของจริงซะหน่อย

เครื่องจอดปุ๊บ ตรงบริเวณ Hot Seat และ Quiet Zone จะได้ออกก่อน สบายเลยจ้า ไปตมคิวแรกแรก



ใช้เวลารวมรับกระเป๋าเดินทางแบบ xpress สิทธิ์ของ Bangkok Credit Card เสร็จภายใน 30 นาที

ออกมาตรง Arrived มองหาป้าย Keisei Bus ซื้อตั๋วรถบัส ยิงยาวไปที่ Tokyo Station ราคา 800 เยน จากปกติ 1000 เยน เพียงแค่ยื่นบัตร JCB เท่านี้เองงง บัตร 1 ใบ ซื้อให้เพื่อนรวมตัวเองได้ถึง 4 คนเลยน๊าคุ้มมากเว่อร์ (แนะนำก่อนเดินทาง ให้หาส่วนลดของแต่ละร้านค้า สิทธิ์ประโยชน์ของบัตรที่เครดิตเรามี จะได้ไม่พลาดนะจ้ะ ประหยัดไปได้เยอะเลย)





ออกมาตรงทางออก 2 จะเห็นแถวยาวๆเข้าคิวอยู่ เอากระเป๋าไปรอโหลด เข้าคิวได้เลย หิมะก็ยังตกหนักและลมแรงต่อไป เมื่อไรรถจะมาสักทีคร่าาาาาาาาาา


บ่นไม่ทันไร รถก็จอดเทียบท่า ยื่นตั๋วให้คนขับละขึ้นไปนั่งสวยๆ ชาร์จแบต และ connect free WiFi ได้เลย (มีคู่มือด้วยเสียบอยู่หลังเบาะที่นั่ง) คุ้มมมม ประหยัดแถมสะดวก ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว



ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง ไม่มีไรทำ นั่งเขียนไอน้ำเล่น 555 มาถึงละ Tokyo แผนวันนี้ไม่มีไรมาก นอกจากกิน กิน และกินเท่านั้น




จาก Tokyo Station นั่ง JR มา 1 ป้าย ถึง Ueno Station ราคา 160 เยน