เข้าค่ายพุทธบุตร มันมีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน ในการพูดถึงบุญคุณพ่อแม่ และทำให้เด็กร้องไห้

ต้องบอกก่อนเลยว่าโรงเรียนที่หลานสาวของดิฉันที่เรียนอยู่ในปัจจุบัน ดิฉันก็ได้เรียนที่นั้นเหมือนกันเป็นโรงเรียนประถมศึกษาประจำจังหวัด

ตอนนี้ดิฉันอายุ 23 ปี ซึ้งเหตุการณ์ในช่วงประถมดิฉันยังพอจำมันได้
เนื้อหากิจกรรมประมาณว่า โรงเรียนจะให้เด็กไปเข้าค่ายพุทธบุตร เป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ้งในสมัยที่ดิฉันนั้นตอนนั้นให้นอนค้างที่โรงเรียน และมีพระอาจารย์มาสอนเรื่องธรรมะ กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมาก ทำวัตรเช้าและเย็น มีให้ร่วมกิจกรรมแบบให้ความสนุกสนาน และในคืนที่ 2 พระอาจาร์ยก็จะให้นั้งสมาธิ และพูดเรื่องบุญคุณ ครู พ่อแม่ จะเปิดวีดีโอทำคลอดให้เราดูบอกว่า แม่ต้องเจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องตั้งท้องเรามา ท่านก็จะพูดให้เราแบบซึ้งๆอ่ะ ให้นึกถึงพ่อแม่ แล้วเด็กๆก็จะร้องไห้กันยกใหญ่
          ซึ้งในสมัยนั้นที่ดิฉันได้เข้าค่อยที่โรงเรียนซึ้งแน่นอนพ่อแม่สามารถแวะมาดูลูกได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนนะ พ่อแม่ก็นั้งดูลูกๆร้องไห้ ซึ้งตามกันไป แต่อยู่พระอาจาร์ยก็พูดออกแนวประมาณว่าบางคนยังดีมีพ่อแม่ให้กอดแต่บางคนเกิดมายังไม่เคยกอดพ่อแม่ หรือไม่เคยเห็นน่าพ่อแม่สักครั้ง หรือบางคนพ่อแม่แยกทางกัน ไม่เป็นไรนะให้ไปกอดคุณครูแทนซึ้งเหมือนเป็นแม่คนที่สอง อะไรประมาณนี้นั้นเป็นสมัยที่ดิฉันเรียนอยู่ แต่ครอบครัวของฉันอบอุ่นดีมีทั้งคุณพ่อและคุณแม่เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่คุณพ่อคุรแม่ของเพื่อนที่แยกทางกัน หรือเสียชีวิตไป

เวลาผ่านมาหลายปีหลานสาวดิฉันได้ถึงเวลาเข้าค่ายเธออายุ 11 ปี แต่ครั้งนี้ได้ไปเข้าค่ายที่วัด
          หลานสาวของดิฉัน ครอบครัวของดิฉันเป็นคนเลี้ยงเอง ดิฉันเป็นน้าสาว ซึ่งแม่ของเธอและพ่อของเธอได้แยกทางกัน เกิดมาเธอได้เห็นหน้าพ่อของเธอเพียงหนึ่งครั้ง และเป็นช่วงเวลาที่เธออายุไม่ถึงขวบ และไม่มีแม้แต่รูปถ่าย แต่บ้านเราก็อบอุ่น หลานสาว เรียกคุณตา ว่าพ่อ เรียกคุณยาย ว่าแม่ และเรียกแม่ของเธอว่าแม่และตามด้วยชื่อ และเรียนฉัน ว่าพี่ ฉันรู้สึกกังวลใจมากเมื่อหลานสาวไปเข้าค่ายพุทธบุตรดิฉันกลัวจริงๆว่าจะเป็นกิจกรรมรูปแบบเดิม และในช่วงคืนที่2ของการเข้าค่ายดิฉันก็ได้แอบไปหาหลานสาว มีผู้ปกครองนักเรียนแอบมาดูลูกๆเช่นเดียวกัน

          และแล้วก็เป็นกิจกรรมรูปแบบเดิม พูดเรื่องพระพุทธเจ้า คุณครู พ่อแม่ เหมือนเดิมพระท่านพูดประมาณว่า "แม่จะตั้งท้องเรามาต้องทรมารแค่ไหน แต่ลูกเกิดมานั้นก็มีแต่ทำให้พ่อแม่เสีย" "วันเกิดก็บ่นว่าของได้ของขวัญชิ้นโตๆจากคนที่ให้กำเนิดมา" บลาๆๆ เด็กๆก็ร้องห่มร้องไห้ บางคนก็ร้อง บางคนก็น้ำตาคลอ ท่านก็พูดเหมือนเดิมเหมือนตอนที่ดิฉันเรียน "ยังดีที่บางคนวันนี้มีพ่อแม่ มาหาแต่บางคนเกิดมาหน้าพ่อหน้าแม่ยังไม่มีโอกาสให้เห็น แม้แต่กอดยังไม่เคย" ดิฉันแอบมองหลานสาว หลานสาวดิฉันน้ำตาไหลนอง และท่านก็บอกว่า "ไหนใครที่พ่อแม่เสียแล้วบ้าง ใครพ่อแม่แยกทางกันบ้าง ไม่เป็นไรนะให้มากอดคุณครูแทน" หลานสาวก็หันมาถามด้วยน้ำตาคลอว่าเธอต้องออกไปไหมเพราะพ่อแ,jเธอแยกทางกัน "ส่วนใครที่พ่อแม่มาก็ไปกอดพ่อแม่นะ" เด็กๆที่พ่อแม่มาก็วิ่งมากอด เด็กที่พ่อแม่ไม่มาก็นั้งร้องไห้ ส่วนเด็กที่มีปัญหาครอบครัวก็ไปกอดคุณครู

ดิฉันคิดว่ากิจกรรมเหล่านี้วัตถุประสงค์ กับสภาพจิตใจของเด็กมันสมเหตุสมผลไหม กับเด็กที่ครอบครัวสมบูรณ์ และไม่สมบูรณ์
กิจกรรมแบบนี้มันให้ความเท่าเทียมกับทุกคนไหม
ในมุมมองของดิฉันคิดว่า เด็กที่ครอบครัวแยกทางกัน หรือคุณพ่อ คุณแม่เสียชีวิต
มันจะยิ่งเป็นการขยี้ปมของเด็กหรือป่าว
มันจะทำให้เด็กคิดว่า
คนที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ กับคนที่ครอบครัวมีปัญหา แตกต่างกันไหม

ยิ่งส่งเสริมให้เด็กที่ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เกิดความน้อยอกน้อยใจ เสียความรู้สึกขนาดไหน

มิใช้ว่ากิจกรรมการเข้าค่ายพุทธบุตรจะไม่ดีแต่อยากให้การแสดงเนื้อหาหรือการสอนมาทางสร้างสรรค์มากกว่านี้หรือไม่

หากการเล่าข้างต้นมีคำศัพท์ใดที่ใช้ไม่ถูกหรือผิดพลาด ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่