ปัญหาหน้าของ จขกท คือมีปัญหาร่องแก้มทั้ง 2 ข้าง คือ ใต้ตาลึก เพราะเป็นคนโหนกแก้มสูง จะยิ่งเห็นชัด ทำให้หน้าดูโทรม หน้าดูเหนื่อยๆ
นี่คือภาพก่อนทำ หน้าดูโทรมจริงๆ ไม่ติงนัง
อยากฉีดฟิลเลอร์ หาข้อมูลเยอะมาก ฟิลเลอร์มีหลายแบบ หลายยี่ห้อ แบบแข็ง แบบนุ่ม แต่ละคลินิกราคาก็ไม่เท่ากัน ที่กลัวที่สุด คือ กลัวฟิลเลอร์ปลอม หลายเสียงแนะนำว่าต้องแกะกล่องให้ดูต่อหน้า เพื่อนเราแนะนำคลินิก Br Clinic เพราะนางเคยฉีดหน้าที่นี่ และ หมอเป็นเจ้าของเอง และ ที่นี่รับประกันยาแท้ เราก็นัดปรึกษากับหมออ้อมเลยค่ะ
ด้วยปัญหาของเราตอนนี้ หมออธิบายว่า เรามีปัญหา
- เรื่องแก้มยุบ ทั้ง 2 ข้างค่ะ หมอเรียกว่า ตรง mid face แต่แก้มซ้ายเรามีปัญหามากกว่า,
- ใต้ตายุบ
- ร่องแก้มทั้ง 2 ฝั่งนี่ค่อนข้างลึกแล้ว
ดูจากรูป ส่วนที่ยุบก็จะเป็นแอ่ง 3 เหลี่ยม แบบที่หมอวาดไว้
สรุปการรักษา คุณหมอจะฉีดฟิลเลอร์ จุดที่เรียกว่า Mid face ก็คือตรงรอยยุบใต้ตา และ ตรงแก้มทั้ง 2 ข้าง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ตรงใต้ตาและแก้มให้ยกขึ้น จะเป็นการช่วยดึงตรงร่องแก้มขึ้นมา ทำให้ร่องแก้มก็จะจางลงได้ และฉีดเติมร่องแก้มทั้ง 2 ข้างให้เต็มขึ้น (ตามที่หมออธิบาย)
ฟิลเลอร์ที่หมอจะฉีดให้ค่ะ มีการแกะกล่องกันในห้องรักษาเพื่อความสบายใจ หมอใช้ 2 แบบ เพราะมีความอ่อนและแข็งของสารฟิลเลอร์ต่างกันต้องว่ากันตามปัญหา ซึ่งตรงนี้ให้หมอแนะนำดีที่สุด ตามที่หมอวางแผนให้เลย
ขั้นตอนต่อการฉีด 1 จุด คือ 1. ฉีดยาชา 2. ใช้เข็มเปิดรูเข็ม 3.ฉีดฟิลเลอร์เข้าไป
ภาพนี้ฉีดใต้ตาและแก้มเสร็จละ ถ่ายรูปอาจเห็นไม่ชัด แต่เวลาส่องกระจกนี่รู้สึกได้จริงๆ ว่ามันดูเต็มขึ้นมา
ฉีดร่องแก้มต่อ
ฉีดเสร็จเรียบร้อย เราใช้เวลาฉีด 1 ชั่วโมงครึ่ง หมอมือเบามาก ค่อยๆ ทำทีละจุด เราฉีดไปทั้งหมด 4 จุด หลังฉีดจะค่อยๆเห็นผลที่ชัดขึ้น ใน 4-5 วัน
หลังฉีดทันทีจะเห็นผลประมาณ 70 % ความรู้สึกหลังฉีดเสร็จรู้สึกปกตินะคะ ไม่ช้ำ คุณหมอมือเบามากๆ ค่อยๆฉีด ตอนฉีดดันฟิลเลอร์จะเช็คกับเราตลอดว่า เจ็บไหม ถ้าเจ็บบอกหมอได้เลย ยืนยันว่าหมออ้อมมือเบาจริง
ภาพก่อน – หลังฉีดทันที จะเห็นว่ารอยยุบใต้ตาดูลดลง แก้มดูฟูขึ้นมานิดๆ แต่ว่ายังมีร่องแก้มจางๆ นะคะ หมอแนะนำว่าฟิลเลอร์จะค่อยๆ ฟูขึ้น และ ร่องแก้มก็จะค่อยๆดูจางลง แก้มและตรงใต้ตาก็จะฟูขึ้นและดึงให้ร่องแก้มดูจางลงไปเรื่อยๆ
ก่อน – หลังทำ 4 วัน แสงอาจจะไม่เท่ากันนิดนึงนะคะ
ก่อน – หลังทำ 4 วัน แบบยิ้มเล็กๆ เพื่อดูว่าร่องแก้มเป็นไงบ้าง วันแรกๆจะยิ้มไม่ค่อยได้เพราะตึงมาก ตึงจริงจัง
สังเกตว่าหลังทำวันแรก จะมีความบวมๆ นะคะ หมอบอกว่าปกติ อาการนี้จะค่อยๆลดลงไปเอง
จำนวน cc ของฟิลเลอร์ และ ผลลัพธ์ที่ได้ ?
- คุณหมอฉีดฟิลเลอร์ให้เรา ทั้งหมด 2 cc ผลลัพธ์ที่ได้ เราพอใจมาก เพราะร่องแก้มดูจางลงไปมาก เวลายิ้มก็ดูไม่มีร่องชัดเหมือนเดิม ชอบที่หน้าดูอิ่มๆขึ้น และ รู้สึกได้ว่าผิวตรงที่ฉีดเติมมันฉ่ำขึ้น ตอบโจทย์ค่ะ
เจ็บไหม ?
- เจ็บจี้ดๆเฉพาะตอนดันยาชาเข้าไปนิดนึง แต่ตอนฉีดนั้นไม่เจ็บเลย เพราะหมอมือเบามากจริงๆ หลังทำวันแรกจะมีตึงๆปวดๆ นิดหน่อย และ จะค่อยๆลดลง
อยู่ได้นานไหม ?
- ประมาณ 6 – 8 เดือน ถ้าดูแลตัวเองดีๆ อยู่ได้เป็นปีเลย
การดูแลตัวเองหลังฉีด ที่หมอแนะนำ
- ดื่มน้ำบ่อยๆ น้ำจะช่วยเติมเต็มฟิลเลอร์ให้ฟูขึ้น และ ช่วยให้อยู่ได้นานขึ้นด้วย
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น เซาว์น่า อบไอน้ำ ความร้อน
- ช่วงแรกๆ ที่ตึงบวม ก็กินยาลดบวม แก้ปวดได้
คลินิกที่ฉีดฟิลเลอร์
- เราฉีดที่ Br clinic อยู่แจ้งวัฒนะ รถติดหน่อยวันปกติ แต่เราไปช่วงวันหยุด ไม่ค่อยติด โดยรวมโอเค สะอาดสะอ้าน จอดรถสะดวก พนักงานพูดจาดี และ ไม่ยัดเยียดคอร์ส ช่วงที่เราไปมีโปรโมชั่นอยู่พอดี เรารักษากับหมออ้อม พญ. ฐานิตา (ลักขณา) ถาวโรจน์ นะคะ ถ้าใครกลัวเจ็บแนะนำเลย
[CR] (CR) ฉีดฟิลเลอร์รักษาใต้ตา แก้มยุบ ร่องแก้ม เห็นผลมากแค่ไหน (ภาพก่อน – หลังทำ)
นี่คือภาพก่อนทำ หน้าดูโทรมจริงๆ ไม่ติงนัง
อยากฉีดฟิลเลอร์ หาข้อมูลเยอะมาก ฟิลเลอร์มีหลายแบบ หลายยี่ห้อ แบบแข็ง แบบนุ่ม แต่ละคลินิกราคาก็ไม่เท่ากัน ที่กลัวที่สุด คือ กลัวฟิลเลอร์ปลอม หลายเสียงแนะนำว่าต้องแกะกล่องให้ดูต่อหน้า เพื่อนเราแนะนำคลินิก Br Clinic เพราะนางเคยฉีดหน้าที่นี่ และ หมอเป็นเจ้าของเอง และ ที่นี่รับประกันยาแท้ เราก็นัดปรึกษากับหมออ้อมเลยค่ะ
ด้วยปัญหาของเราตอนนี้ หมออธิบายว่า เรามีปัญหา
- เรื่องแก้มยุบ ทั้ง 2 ข้างค่ะ หมอเรียกว่า ตรง mid face แต่แก้มซ้ายเรามีปัญหามากกว่า,
- ใต้ตายุบ
- ร่องแก้มทั้ง 2 ฝั่งนี่ค่อนข้างลึกแล้ว
ดูจากรูป ส่วนที่ยุบก็จะเป็นแอ่ง 3 เหลี่ยม แบบที่หมอวาดไว้
สรุปการรักษา คุณหมอจะฉีดฟิลเลอร์ จุดที่เรียกว่า Mid face ก็คือตรงรอยยุบใต้ตา และ ตรงแก้มทั้ง 2 ข้าง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ตรงใต้ตาและแก้มให้ยกขึ้น จะเป็นการช่วยดึงตรงร่องแก้มขึ้นมา ทำให้ร่องแก้มก็จะจางลงได้ และฉีดเติมร่องแก้มทั้ง 2 ข้างให้เต็มขึ้น (ตามที่หมออธิบาย)
ฟิลเลอร์ที่หมอจะฉีดให้ค่ะ มีการแกะกล่องกันในห้องรักษาเพื่อความสบายใจ หมอใช้ 2 แบบ เพราะมีความอ่อนและแข็งของสารฟิลเลอร์ต่างกันต้องว่ากันตามปัญหา ซึ่งตรงนี้ให้หมอแนะนำดีที่สุด ตามที่หมอวางแผนให้เลย
ขั้นตอนต่อการฉีด 1 จุด คือ 1. ฉีดยาชา 2. ใช้เข็มเปิดรูเข็ม 3.ฉีดฟิลเลอร์เข้าไป
ภาพนี้ฉีดใต้ตาและแก้มเสร็จละ ถ่ายรูปอาจเห็นไม่ชัด แต่เวลาส่องกระจกนี่รู้สึกได้จริงๆ ว่ามันดูเต็มขึ้นมา
ฉีดร่องแก้มต่อ
ฉีดเสร็จเรียบร้อย เราใช้เวลาฉีด 1 ชั่วโมงครึ่ง หมอมือเบามาก ค่อยๆ ทำทีละจุด เราฉีดไปทั้งหมด 4 จุด หลังฉีดจะค่อยๆเห็นผลที่ชัดขึ้น ใน 4-5 วัน
หลังฉีดทันทีจะเห็นผลประมาณ 70 % ความรู้สึกหลังฉีดเสร็จรู้สึกปกตินะคะ ไม่ช้ำ คุณหมอมือเบามากๆ ค่อยๆฉีด ตอนฉีดดันฟิลเลอร์จะเช็คกับเราตลอดว่า เจ็บไหม ถ้าเจ็บบอกหมอได้เลย ยืนยันว่าหมออ้อมมือเบาจริง
ภาพก่อน – หลังฉีดทันที จะเห็นว่ารอยยุบใต้ตาดูลดลง แก้มดูฟูขึ้นมานิดๆ แต่ว่ายังมีร่องแก้มจางๆ นะคะ หมอแนะนำว่าฟิลเลอร์จะค่อยๆ ฟูขึ้น และ ร่องแก้มก็จะค่อยๆดูจางลง แก้มและตรงใต้ตาก็จะฟูขึ้นและดึงให้ร่องแก้มดูจางลงไปเรื่อยๆ
ก่อน – หลังทำ 4 วัน แสงอาจจะไม่เท่ากันนิดนึงนะคะ
ก่อน – หลังทำ 4 วัน แบบยิ้มเล็กๆ เพื่อดูว่าร่องแก้มเป็นไงบ้าง วันแรกๆจะยิ้มไม่ค่อยได้เพราะตึงมาก ตึงจริงจัง
สังเกตว่าหลังทำวันแรก จะมีความบวมๆ นะคะ หมอบอกว่าปกติ อาการนี้จะค่อยๆลดลงไปเอง
จำนวน cc ของฟิลเลอร์ และ ผลลัพธ์ที่ได้ ?
- คุณหมอฉีดฟิลเลอร์ให้เรา ทั้งหมด 2 cc ผลลัพธ์ที่ได้ เราพอใจมาก เพราะร่องแก้มดูจางลงไปมาก เวลายิ้มก็ดูไม่มีร่องชัดเหมือนเดิม ชอบที่หน้าดูอิ่มๆขึ้น และ รู้สึกได้ว่าผิวตรงที่ฉีดเติมมันฉ่ำขึ้น ตอบโจทย์ค่ะ
เจ็บไหม ?
- เจ็บจี้ดๆเฉพาะตอนดันยาชาเข้าไปนิดนึง แต่ตอนฉีดนั้นไม่เจ็บเลย เพราะหมอมือเบามากจริงๆ หลังทำวันแรกจะมีตึงๆปวดๆ นิดหน่อย และ จะค่อยๆลดลง
อยู่ได้นานไหม ?
- ประมาณ 6 – 8 เดือน ถ้าดูแลตัวเองดีๆ อยู่ได้เป็นปีเลย
การดูแลตัวเองหลังฉีด ที่หมอแนะนำ
- ดื่มน้ำบ่อยๆ น้ำจะช่วยเติมเต็มฟิลเลอร์ให้ฟูขึ้น และ ช่วยให้อยู่ได้นานขึ้นด้วย
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น เซาว์น่า อบไอน้ำ ความร้อน
- ช่วงแรกๆ ที่ตึงบวม ก็กินยาลดบวม แก้ปวดได้
คลินิกที่ฉีดฟิลเลอร์
- เราฉีดที่ Br clinic อยู่แจ้งวัฒนะ รถติดหน่อยวันปกติ แต่เราไปช่วงวันหยุด ไม่ค่อยติด โดยรวมโอเค สะอาดสะอ้าน จอดรถสะดวก พนักงานพูดจาดี และ ไม่ยัดเยียดคอร์ส ช่วงที่เราไปมีโปรโมชั่นอยู่พอดี เรารักษากับหมออ้อม พญ. ฐานิตา (ลักขณา) ถาวโรจน์ นะคะ ถ้าใครกลัวเจ็บแนะนำเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้