หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
งานนิทรรศการ ... “Bibliophilia : ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ"
กระทู้สนทนา
นักเขียน
นิทรรศการ
ศิลปะ
หนังสือ
หอสมุดแห่งชาติ
วันนี้ผมขอพาทุกท่านมาชมงานนิทรรศการแห่งความร่วมสมัย ที่ผสมผสานระหว่างงานศิลปะกับความหลงรักหนังสือประกอบสร้างด้วยแรงบันดลใจมาจากห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ใช่แล้วครับ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ที่ทุกคนต้องเคยไปในสมัยที่ยังเป็นเด็กนักเรียนแน่ๆ ซึ่งงานนิทรรการนี้มีชื่อว่า “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” จัดโดยศิลปินร่วมสมัย คุณโอ๊ต มณเฑียร โดยงานนิทรรศการนี้จัดแสดงอยู่ที่ห้องวชิรญาณ 2 อาคาร 2 ชั้น 1 ของสำนักหอสมุดแห่งชาติ จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 28 เมษายน 2562 ท่านใดสนใจก็ตามไปชมกันได้ครับ
ว่าแล้วก็ตามผมพาไปชมงานนิทรรศการนี้กันดีกว่าครับ
คุณโอ๊ต มณเฑียร มอบดอกกุหลาบแดงให้แก่ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนั้น (14 กุมภา 62) ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์
คุณนนท์ บารมี พิธีกรผู้ดำเนินรายการกล่าวต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงาน
นางสาว วาสนา งามดวงใจ ผู้อำนวยการกลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ กล่าวเปิดงาน (ขออนุญาตตัดย่อมาสรุป)
“ทำไมถึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา? ก็เพราะว่าจุดประสงค์เรื่องการสงเสริมการอ่าน และประชาสัมพันธ์ให้บรรณารักษ์ นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมชมงานนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย ถือว่าเป็นความสำเร็จของทางหอสมุดแห่งชาติที่เราจัดงานกิจกรรมแล้วมีคนสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับเรา ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จะสำเร็จไม่ได้เลยถ้าขาดคุณโอ๊ต มณเฑียร ผู้เป็นศิลปิน เป็นนักคิดนักเขียนที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย ถือว่าเป็นคนที่ทำงานสร้างสรรค์งานศิลปะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ขอขอบคุณคุณโอ๊ตมากค่ะ”
คุณโอ๊ต มณเฑียร ศิลปินร่วมสมัยผู้จัดงานนิทรรศการในครั้งนี้ กล่าวเปิดงาน
“ในช่วงเดือนที่ผ่านมาผมได้มาที่หอสมุดแห่งชาติบ่อยมากเพื่อทำงานนี้ จนเห็นหน้าเห็นตาและได้รู้จักเจ้าหน้าที่ของทางหอสมุดแห่งชาติหลายท่านแล้ว ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมากที่สละเวลามาร่วมงานพิธีเปิดนิทรรศการ “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” ในวันนี้
-หลายท่านอาจจะสงสัยว่าช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมวิ่งเข้าวิ่งออกที่หอสมุดแห่งชาติเกือบทุกวัน คนอาจจะสงสัยว่าผมมาทำอะไร? ต้องการอะไร? ผมขอพูดตรงๆ ว่าผมมาด้วยใจ ซึ่งที่หอสมุดแห่งชาตินี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาใช้งานเมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นผมก็มาใช้บริการอยู่เรื่อยๆ เสมอ จึงรู้สึกผูกพันธ์กับหอสมุดแห่งชาติมาตลอด
-ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กที่อ้วนมากที่สุดในชั้นเรียน ไม่ค่อยมีเพื่อน ดังนั้นตอนพักกลางวันจึงหนีไปตากแอร์อยู่ในห้องสมุดเสมอ เริ่มอ่านหนังสือ จนได้กลายเป็นเพื่อนกับหนังสือ โดยหนังสือสอนให้เรารู้ว่ามิตรภาพคืออะไร? ความรักคืออะไร? โลกข้างนอกและข้างในเป็นอย่างไร? ทำให้กลายเป็นคนที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็อ่านหนังสือตั้งแต่ชั้นประถมมาโดยตลอด
-พอโตขึ้นมาผมก็มีโอกาสได้ทำงานศิลปะที่เกี่ยวกับหนังสือ เป็นนักเขียนด้วย มีผลงานออกหนังสือมาแล้ว 3 เล่มกับสำนักพิมพ์ อะบุ๊ค และเป็นนักเขียนให้แก่สื่อต่างๆ ดังนั้นพอได้รับโอกาสนี้ (จัดงานนิทรรศการในครั้งนี้) ก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะมาร่วมกันกับทางหอสมุดแห่งชาติเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ โดยหวังว่าจะมีคนเข้ามาใช้บริการในสถานที่ที่เรารักให้มากขึ้น
-สำหรับแนวคิดของงานนิทรรศการในครั้งนี้ หลายท่านอาจจะงงว่าทำไมในห้องมืดจัง? ทำไมถึงมีเสียงอะไรแปลกประหลาด? ผมขออนุญาตเล่าแนวคิดของการจัดงานให้ท่านทราบว่า ตอนที่รับงานนี้สิ่งแรกที่โอ๊ตคิดเลยก็คือโอ๊ตอยากให้คนจดจำได้ว่าทำไมเราถึงต้องมาห้องสมุด ไม่ใช่แค่เพราะหนังสือหรือเพราะเทคโนโลยีที่นำสมัย แต่โอ๊ตคิดว่าห้องสมุดมันมีเสน่ห์อย่างมาก
-การมาห้องสมุดสำหรับโอ๊ตเหมือนกับการมาออกเดท การที่ได้ขึ้นไปที่ห้องหนังสือหายากบนชั้น 3 นั้น ทำให้ต้องลุ้นว่าจะได้เจอหนังสือที่เราต้องการหรือไม่? หรือหนังสือที่เราเขียนขอจากบรรณารักษ์ไปนั้น เดทของเราจะหน้าตาเป็นอย่างไร? (หนังสือ)จะมาในสภาพที่เปิดได้ไหม? ยังอ่านกันได้หรือไม่? ซึ่งหลายๆ ครั้งพอได้เจอหนังสือมันเหมือนได้พบกับคนรัก มันจึงถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งสำหรับการมาใช้บริการที่ห้องสมุด ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมอยากจะเอาบรรยากาศนั้นมามอบให้แก่ทุกท่านที่เข้ามาชมนิทรรศการในครั้งนี้
-จริงๆ แล้วผมอยากจะเล่าถึงประวัติ เล่าถึงความดีงามของหอสมุดแห่งชาตินี้ แต่จะให้เขียนเป็นหนังสือประวัติศาสตร์คนรุ่นใหม่อาจจะไม่อินไม่อยากอ่านก็ได้ ผมจึงเขียนเป็นนิยายรัก เขียนเป็นเรื่องสั้นขนาดความยาว 20 หน้า ซึ่งนิยายรักเรื่องนี้เกี่ยวกับศิลปินคนหนึ่งที่มาตกหลุมรักหนังสือเล่มหนึ่งที่กลายร่างเป็นคนในคืนพระจันทร์เต็มดวง โดยผมได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่อง “มัทนะพาธา” ถ้าใครเคยอ่านจะทราบว่าในเรื่องดอกไม้(กุหลาบ)จะกลายร่างเป็นหญิงสาวในคืนพระจันทร์เต็มดวง
-ผมได้เจอหนังสือเรื่อง “มัทนะพาธา” เล่มที่พิมพ์ครั้งแรกที่นี่ (ห้องหนังสือหายาก) แล้วได้เห็นลายพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 6 แล้วรู้สึกปลื้มปริ่มมาก แล้วรู้สึกว่า ... ไม่แน่นะผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้ถูกสาบเป็นดอกกุหลาบ แต่อาจจะถูกสาบให้เป็นหนังสือก็ได้ เป็นหนังสือเล่มนี้ที่ซ่อนตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่ง โดยผมใช้จินตนาการไปเรื่อยตามสไตล์ของศิลปิน
-ดังนั้นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนนิยายสั้นเล่มเล็กๆ เรื่องนี้ (ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ) เกี่ยวกับศิลปินคนหนึ่งที่ตกหลุมรักนางมัทนา แต่ความรักของเขาจะราบรื่นหรือไม่? เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ทำไมตู้หนังสือไม้สักนี้จึงยกมาอยู่ที่นี่(ในงานนิทรรศการ)แล้วเขียนว่า “อุทิศแด่ มัทนา” แล้วตัวละครทั้งสองตัวนี้คุยอะไรกันในคืนที่ต้องมนต์นั้น? ต้องขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านเรื่องนี้ดู
-โดยจะมีหนังสือนิยายเล่มเล็กๆ เรื่อง “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” นี้วางให้อ่านอยู่ในงานนิทรรศการจำนวน 8 เล่ม ถ้าท่านได้มาชมงานนิทรรศการแล้วได้นั่งอ่านเงียบๆ อยู่ในที่นี่ก็อาจจะได้บรรยากาศมากขึ้นด้วย
-ผมขอขอบคุณหลายๆ ท่านที่หอสมุดแห่งชาติ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่นิทรรศการนี้จะเกิดขึ้นโดยปราศจากความร่วมมือจากท่านทั้งหลายเหล่านี้ ผมขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติ นางสาวกนกอร ศักดาเดช ที่ให้โอกาสผมทั้งๆ ที่ผมยังคงเป็นเด็กน้อยสายตาของท่าน ท่าน ผอ.กนกอร มีวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยมที่อนุญาตให้โอ๊ตได้ทำนิทรรศการนี้ , ขอขอบคุณพี่วาสนา และขอขอบคุณคุณนนท์ บารมี ที่เป็นคนติดต่อประสานงานและช่วยเหลือโอ๊ตทุกอย่าง , ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ประจำห้องหนังสือหายากที่ชั้น 3 ทุกท่าน , ขอบคุณพี่ตุ้มด้วยที่ช่วยเล่าเรื่องราวต่างๆ
-หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าการทำงานกับระบบราชการนั้นคงล้าช้าอึดอาจแน่ แต่เมื่อผมได้มีโอกาสมาร่วมงานแล้วผมพบว่า ในที่นี้มีบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างพี่ส้ม พี่นนท์ ที่ใส่ใจและรักงานที่ตัวเองทำเป็นอย่างมาก งานจึงไม่ได้ล่าช้าอย่างที่คนอื่นคิดเลย , ขอบคุณพี่เกดและพี่อ๋องที่ช่วยเย็บเล่มให้ หนังสือทุกเล่มที่จัดแสดงอยู่ในงานนิทรรศการนี้ถูกเย็บเล่มด้วยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมหนังสือ ของหอสมุดแห่งชาติ การปั๊มทองด้วยเลเซอร์เพรสเป็นกระบวนการที่หาได้ยากมากแล้วในปัจจุบันนี้ , ขอบคุณพี่จี๊ดด้วยที่ช่วยดูแลเรื่องทางห้องสมุดดนตรี ในงานนิทรรศการนี้ถ้าท่านเข้าไปในห้องท่านจะได้ยินเสียงเปียนโนจุฑาธุช (ได้ชื่อมาจาก เจ้าฟ้าจุฑาธุช) เป็นเปียนโนสองด้านที่ถูกเก็บอยู่ในห้องสมุดดนตรี ซึ่งเปียนโนนี้จะอยู่ในนิยายนี้อย่างไรก็ต้องเชิญมาอ่านกันดู
-สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ เพราะว่าห้องสมุดมันเหมือนโลกพิศวง คนที่เข้ามาแล้วมักจะหาทางออกไม่ได้ จนต้องอยู่กันวนเวียนแบบคนรักหนังสือเช่นนี้ แล้วผมก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่ทุกคนช่วยสนับสนุนผมและให้โอกาสผม ให้ได้สร้างผลงานศิลปะในสถานที่ที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์และพิเศษมากๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กรุงเทพที่นี่ , ขอบคุณทีมงาน คราวน์และอะเดย์ ที่ทุกคนช่วยกันสร้างงานในครั้งนี้
-โดยงานทั้งหมดนี้สารภาพว่าทำงานภายใน 14 วัน โดยผมยกตู้หนังสือเอง เย็บหนังสือเอง เปลี่ยนหลอดไฟเอง ฯลฯ หวังว่าทุกๆ ท่านคงจะตกหลุมรักหนังสือไปกับผมได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ขอบพระคุณมากๆ ครับ”
โอ๊ต มณเฑียร เชิญท่านมาชมนิทรรศการ “Bibliophilia : ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ"
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ชวนชมนิทรรศการ “90 ปี ชาตกาล ประเทือง เอมเจริญ” ยลผลงานทรงคุณค่าสะท้อนความสงบทางจิตวิญญาณ ถ่ายทอดสัจธรรมแห่งชีวิตผ่านสี
กระทรวงวัฒนธรรมชวนชมนิทรรศการ “90 ปี ชาตกาล ประเทือง เอมเจริญ” ยลผลงานทรงคุณค่าสะท้อนความสงบทางจิตวิญญาณ ถ่ายทอดสัจธรรมแห่งชีวิตผ่านสี รูปทรงอย่างวิจิตรและทรงพลัง หนุนสร้างแรงบันดาลใจแก่ศิ
อาคุงกล่อง
บ้านของท่านใดยังเก็บหนังสือเก่าเกิน 30 ปี ไว้บ้างคะ
คือเรามีหนังสือทั้งเก่าทั้งใหม่ เรื่องสั้น นิยาย เรื่องผี เรื่องบุคล ทั้งเก่า กลาง ใหม่ เก็บแบบวางบนชั้นหนังสือ ไม่ได้ใส่ลังนะ หนังสือที่เก่ามากเกิน 30 ปี กระดาษกรอบก็อยากจะทิ้งแต่ก็เสียดา
เพลี้ยกระโดด
วราสาส์น ร้านเช่าหนังสืออายุ 4 ทศวรรษ หนังสือกว่า 100,000 เล่ม ให้เด็กๆอ่านฟรีได้ในทุกวันเด็ก
“ตั้งแต่เปิดร้านมา ทุกวันเด็กป้าจะเปิดให้เด็กอ่านหนังสือฟรีทุกปี ตอนเช้า ๆ เด็ก ๆ เขาจะไปเที่ยวกัน พอบ่าย ๆ กลับมา เขาก็จะมาแวะดูหนังสือ รื
Magpies
พิธีเปิดนิทรรศการโครงการพัฒนาศักยภาพศิลปินรุ่นใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2568
สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยจัดพิธีเปิดนิทรรศการโครงการพัฒนาศักยภาพศิลปินรุ่นใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2568 พร้อมประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล Young Artists Talent #16&nbs
อาคุงกล่อง
กระทรวงวัฒนธรรม เปิดกล่องของขวัญวันเด็กปี 68 ชวนเล่นสนุก เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมผ่านกิจกรรมหลากหลาย ชมรถพิพิธภัณฑ์สัญจร ฯลฯ
“รมว.ปุ๋ง”เปิดกล่องของขวัญวันเด็กปี 68 ชวนเล่นสนุก เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมผ่านกิจกรรมหลากหลาย ชมรถพิพิธภัณฑ์สัญจร-รถโรงหนังเคลื่อนที่ พบมาสคอต“น้องหมูเด้ง Thai Cuteness ตัวตึง ถึงไทย&rd
อาคุงกล่อง
ซีรีย์เรื่อง ดารารักนิรันดร์ จะทำหนังสือออกมาไหมคะ??
พอดีเราติ่งเรื่องนี้มากเลยอยากสอบถามว่าพอมีใครทราบไหมคะว่าหนังสือ(เป็นเล่มจริงๆ)จะมีออกมาว่าขายไหมคะ ส่วนมากแล้วเราเห็นซีรีย์จีนหลายเรื่องเขาก็ทำนิยายของซีรีย์ออกมากันเยอะนะคะ เลยหวังว่าเรื่องนี้จะทำอ
สมาชิกหมายเลข 8261366
ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน การดำเนินงานด้านวัฒนธรรม ผ่านกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม
กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน การดำเนินงานด้านวัฒนธรรม ผ่านกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม เมื่อวันพฤหัสบด
อาคุงกล่อง
เรื่องราวความรักความผูกพันของขุนพลศิลปะแห่งล้านนา
ใครจะไปรู้ว่าอาจารย์ทรงเดช ทิพย์ทอง1 ใน 4 จตุรเทพของศิลปินเชียงรายกับอาจารย์พรชัย ใจมาผู้ก่อตั้งเชียงใหม่ art museum จะมีความรักความผูกพันสนิทสนมเหมือนดังศิลปินเอกของโลกระหว่างแวนโก๊ะและโกแกง นอกจากคว
สมาชิกหมายเลข 6483826
นิทรรศการ because of love โดยโยทะกา จุลโลบล
วันนี้จะมาแนะนำนิทรรศการที่น่าสนใจของศิลปินสาวเก่งโยทะกา จุลโลบล เดี๋ยวเราไปดูกันนะคะ
สมาชิกหมายเลข 6483826
ตามหาหนังสือ/หนังที่คล้ายๆ Jekyll and Hyde
คืองี้นะครับ ผมรู้สึกว่าตัวเองหลังอ่านเรื่องนี้ไปแล้วรู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักนิยายโกธิคมาก พออ่านเสร็จอยากหาเรื่องที่คล้ายๆกันจะเป็นฟิคชั่นก็ได้นะครับ (╥﹏╥)
สมาชิกหมายเลข 8552742
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
นักเขียน
นิทรรศการ
ศิลปะ
หนังสือ
หอสมุดแห่งชาติ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 130
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
งานนิทรรศการ ... “Bibliophilia : ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ"
วันนี้ผมขอพาทุกท่านมาชมงานนิทรรศการแห่งความร่วมสมัย ที่ผสมผสานระหว่างงานศิลปะกับความหลงรักหนังสือประกอบสร้างด้วยแรงบันดลใจมาจากห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ใช่แล้วครับ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ที่ทุกคนต้องเคยไปในสมัยที่ยังเป็นเด็กนักเรียนแน่ๆ ซึ่งงานนิทรรการนี้มีชื่อว่า “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” จัดโดยศิลปินร่วมสมัย คุณโอ๊ต มณเฑียร โดยงานนิทรรศการนี้จัดแสดงอยู่ที่ห้องวชิรญาณ 2 อาคาร 2 ชั้น 1 ของสำนักหอสมุดแห่งชาติ จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 28 เมษายน 2562 ท่านใดสนใจก็ตามไปชมกันได้ครับ
ว่าแล้วก็ตามผมพาไปชมงานนิทรรศการนี้กันดีกว่าครับ
คุณโอ๊ต มณเฑียร มอบดอกกุหลาบแดงให้แก่ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนั้น (14 กุมภา 62) ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์
คุณนนท์ บารมี พิธีกรผู้ดำเนินรายการกล่าวต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงาน
นางสาว วาสนา งามดวงใจ ผู้อำนวยการกลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ กล่าวเปิดงาน (ขออนุญาตตัดย่อมาสรุป)
“ทำไมถึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา? ก็เพราะว่าจุดประสงค์เรื่องการสงเสริมการอ่าน และประชาสัมพันธ์ให้บรรณารักษ์ นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมชมงานนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย ถือว่าเป็นความสำเร็จของทางหอสมุดแห่งชาติที่เราจัดงานกิจกรรมแล้วมีคนสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับเรา ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จะสำเร็จไม่ได้เลยถ้าขาดคุณโอ๊ต มณเฑียร ผู้เป็นศิลปิน เป็นนักคิดนักเขียนที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย ถือว่าเป็นคนที่ทำงานสร้างสรรค์งานศิลปะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ขอขอบคุณคุณโอ๊ตมากค่ะ”
คุณโอ๊ต มณเฑียร ศิลปินร่วมสมัยผู้จัดงานนิทรรศการในครั้งนี้ กล่าวเปิดงาน
“ในช่วงเดือนที่ผ่านมาผมได้มาที่หอสมุดแห่งชาติบ่อยมากเพื่อทำงานนี้ จนเห็นหน้าเห็นตาและได้รู้จักเจ้าหน้าที่ของทางหอสมุดแห่งชาติหลายท่านแล้ว ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมากที่สละเวลามาร่วมงานพิธีเปิดนิทรรศการ “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” ในวันนี้
-หลายท่านอาจจะสงสัยว่าช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมวิ่งเข้าวิ่งออกที่หอสมุดแห่งชาติเกือบทุกวัน คนอาจจะสงสัยว่าผมมาทำอะไร? ต้องการอะไร? ผมขอพูดตรงๆ ว่าผมมาด้วยใจ ซึ่งที่หอสมุดแห่งชาตินี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาใช้งานเมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นผมก็มาใช้บริการอยู่เรื่อยๆ เสมอ จึงรู้สึกผูกพันธ์กับหอสมุดแห่งชาติมาตลอด
-ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กที่อ้วนมากที่สุดในชั้นเรียน ไม่ค่อยมีเพื่อน ดังนั้นตอนพักกลางวันจึงหนีไปตากแอร์อยู่ในห้องสมุดเสมอ เริ่มอ่านหนังสือ จนได้กลายเป็นเพื่อนกับหนังสือ โดยหนังสือสอนให้เรารู้ว่ามิตรภาพคืออะไร? ความรักคืออะไร? โลกข้างนอกและข้างในเป็นอย่างไร? ทำให้กลายเป็นคนที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็อ่านหนังสือตั้งแต่ชั้นประถมมาโดยตลอด
-พอโตขึ้นมาผมก็มีโอกาสได้ทำงานศิลปะที่เกี่ยวกับหนังสือ เป็นนักเขียนด้วย มีผลงานออกหนังสือมาแล้ว 3 เล่มกับสำนักพิมพ์ อะบุ๊ค และเป็นนักเขียนให้แก่สื่อต่างๆ ดังนั้นพอได้รับโอกาสนี้ (จัดงานนิทรรศการในครั้งนี้) ก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะมาร่วมกันกับทางหอสมุดแห่งชาติเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ โดยหวังว่าจะมีคนเข้ามาใช้บริการในสถานที่ที่เรารักให้มากขึ้น
-สำหรับแนวคิดของงานนิทรรศการในครั้งนี้ หลายท่านอาจจะงงว่าทำไมในห้องมืดจัง? ทำไมถึงมีเสียงอะไรแปลกประหลาด? ผมขออนุญาตเล่าแนวคิดของการจัดงานให้ท่านทราบว่า ตอนที่รับงานนี้สิ่งแรกที่โอ๊ตคิดเลยก็คือโอ๊ตอยากให้คนจดจำได้ว่าทำไมเราถึงต้องมาห้องสมุด ไม่ใช่แค่เพราะหนังสือหรือเพราะเทคโนโลยีที่นำสมัย แต่โอ๊ตคิดว่าห้องสมุดมันมีเสน่ห์อย่างมาก
-การมาห้องสมุดสำหรับโอ๊ตเหมือนกับการมาออกเดท การที่ได้ขึ้นไปที่ห้องหนังสือหายากบนชั้น 3 นั้น ทำให้ต้องลุ้นว่าจะได้เจอหนังสือที่เราต้องการหรือไม่? หรือหนังสือที่เราเขียนขอจากบรรณารักษ์ไปนั้น เดทของเราจะหน้าตาเป็นอย่างไร? (หนังสือ)จะมาในสภาพที่เปิดได้ไหม? ยังอ่านกันได้หรือไม่? ซึ่งหลายๆ ครั้งพอได้เจอหนังสือมันเหมือนได้พบกับคนรัก มันจึงถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งสำหรับการมาใช้บริการที่ห้องสมุด ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมอยากจะเอาบรรยากาศนั้นมามอบให้แก่ทุกท่านที่เข้ามาชมนิทรรศการในครั้งนี้
-จริงๆ แล้วผมอยากจะเล่าถึงประวัติ เล่าถึงความดีงามของหอสมุดแห่งชาตินี้ แต่จะให้เขียนเป็นหนังสือประวัติศาสตร์คนรุ่นใหม่อาจจะไม่อินไม่อยากอ่านก็ได้ ผมจึงเขียนเป็นนิยายรัก เขียนเป็นเรื่องสั้นขนาดความยาว 20 หน้า ซึ่งนิยายรักเรื่องนี้เกี่ยวกับศิลปินคนหนึ่งที่มาตกหลุมรักหนังสือเล่มหนึ่งที่กลายร่างเป็นคนในคืนพระจันทร์เต็มดวง โดยผมได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่อง “มัทนะพาธา” ถ้าใครเคยอ่านจะทราบว่าในเรื่องดอกไม้(กุหลาบ)จะกลายร่างเป็นหญิงสาวในคืนพระจันทร์เต็มดวง
-ผมได้เจอหนังสือเรื่อง “มัทนะพาธา” เล่มที่พิมพ์ครั้งแรกที่นี่ (ห้องหนังสือหายาก) แล้วได้เห็นลายพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 6 แล้วรู้สึกปลื้มปริ่มมาก แล้วรู้สึกว่า ... ไม่แน่นะผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้ถูกสาบเป็นดอกกุหลาบ แต่อาจจะถูกสาบให้เป็นหนังสือก็ได้ เป็นหนังสือเล่มนี้ที่ซ่อนตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่ง โดยผมใช้จินตนาการไปเรื่อยตามสไตล์ของศิลปิน
-ดังนั้นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนนิยายสั้นเล่มเล็กๆ เรื่องนี้ (ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ) เกี่ยวกับศิลปินคนหนึ่งที่ตกหลุมรักนางมัทนา แต่ความรักของเขาจะราบรื่นหรือไม่? เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ทำไมตู้หนังสือไม้สักนี้จึงยกมาอยู่ที่นี่(ในงานนิทรรศการ)แล้วเขียนว่า “อุทิศแด่ มัทนา” แล้วตัวละครทั้งสองตัวนี้คุยอะไรกันในคืนที่ต้องมนต์นั้น? ต้องขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านเรื่องนี้ดู
-โดยจะมีหนังสือนิยายเล่มเล็กๆ เรื่อง “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” นี้วางให้อ่านอยู่ในงานนิทรรศการจำนวน 8 เล่ม ถ้าท่านได้มาชมงานนิทรรศการแล้วได้นั่งอ่านเงียบๆ อยู่ในที่นี่ก็อาจจะได้บรรยากาศมากขึ้นด้วย
-ผมขอขอบคุณหลายๆ ท่านที่หอสมุดแห่งชาติ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่นิทรรศการนี้จะเกิดขึ้นโดยปราศจากความร่วมมือจากท่านทั้งหลายเหล่านี้ ผมขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติ นางสาวกนกอร ศักดาเดช ที่ให้โอกาสผมทั้งๆ ที่ผมยังคงเป็นเด็กน้อยสายตาของท่าน ท่าน ผอ.กนกอร มีวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยมที่อนุญาตให้โอ๊ตได้ทำนิทรรศการนี้ , ขอขอบคุณพี่วาสนา และขอขอบคุณคุณนนท์ บารมี ที่เป็นคนติดต่อประสานงานและช่วยเหลือโอ๊ตทุกอย่าง , ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ประจำห้องหนังสือหายากที่ชั้น 3 ทุกท่าน , ขอบคุณพี่ตุ้มด้วยที่ช่วยเล่าเรื่องราวต่างๆ
-หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าการทำงานกับระบบราชการนั้นคงล้าช้าอึดอาจแน่ แต่เมื่อผมได้มีโอกาสมาร่วมงานแล้วผมพบว่า ในที่นี้มีบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างพี่ส้ม พี่นนท์ ที่ใส่ใจและรักงานที่ตัวเองทำเป็นอย่างมาก งานจึงไม่ได้ล่าช้าอย่างที่คนอื่นคิดเลย , ขอบคุณพี่เกดและพี่อ๋องที่ช่วยเย็บเล่มให้ หนังสือทุกเล่มที่จัดแสดงอยู่ในงานนิทรรศการนี้ถูกเย็บเล่มด้วยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมหนังสือ ของหอสมุดแห่งชาติ การปั๊มทองด้วยเลเซอร์เพรสเป็นกระบวนการที่หาได้ยากมากแล้วในปัจจุบันนี้ , ขอบคุณพี่จี๊ดด้วยที่ช่วยดูแลเรื่องทางห้องสมุดดนตรี ในงานนิทรรศการนี้ถ้าท่านเข้าไปในห้องท่านจะได้ยินเสียงเปียนโนจุฑาธุช (ได้ชื่อมาจาก เจ้าฟ้าจุฑาธุช) เป็นเปียนโนสองด้านที่ถูกเก็บอยู่ในห้องสมุดดนตรี ซึ่งเปียนโนนี้จะอยู่ในนิยายนี้อย่างไรก็ต้องเชิญมาอ่านกันดู
-สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ เพราะว่าห้องสมุดมันเหมือนโลกพิศวง คนที่เข้ามาแล้วมักจะหาทางออกไม่ได้ จนต้องอยู่กันวนเวียนแบบคนรักหนังสือเช่นนี้ แล้วผมก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่ทุกคนช่วยสนับสนุนผมและให้โอกาสผม ให้ได้สร้างผลงานศิลปะในสถานที่ที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์และพิเศษมากๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กรุงเทพที่นี่ , ขอบคุณทีมงาน คราวน์และอะเดย์ ที่ทุกคนช่วยกันสร้างงานในครั้งนี้
-โดยงานทั้งหมดนี้สารภาพว่าทำงานภายใน 14 วัน โดยผมยกตู้หนังสือเอง เย็บหนังสือเอง เปลี่ยนหลอดไฟเอง ฯลฯ หวังว่าทุกๆ ท่านคงจะตกหลุมรักหนังสือไปกับผมได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ขอบพระคุณมากๆ ครับ”