งานนิทรรศการ ... “Bibliophilia : ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ"



วันนี้ผมขอพาทุกท่านมาชมงานนิทรรศการแห่งความร่วมสมัย  ที่ผสมผสานระหว่างงานศิลปะกับความหลงรักหนังสือประกอบสร้างด้วยแรงบันดลใจมาจากห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย  ใช่แล้วครับ  หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ที่ทุกคนต้องเคยไปในสมัยที่ยังเป็นเด็กนักเรียนแน่ๆ  ซึ่งงานนิทรรการนี้มีชื่อว่า “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ”  จัดโดยศิลปินร่วมสมัย คุณโอ๊ต มณเฑียร  โดยงานนิทรรศการนี้จัดแสดงอยู่ที่ห้องวชิรญาณ 2 อาคาร 2 ชั้น 1 ของสำนักหอสมุดแห่งชาติ  จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 28 เมษายน 2562  ท่านใดสนใจก็ตามไปชมกันได้ครับ

ว่าแล้วก็ตามผมพาไปชมงานนิทรรศการนี้กันดีกว่าครับ






คุณโอ๊ต มณเฑียร  มอบดอกกุหลาบแดงให้แก่ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนั้น (14 กุมภา 62)  ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์










คุณนนท์ บารมี พิธีกรผู้ดำเนินรายการกล่าวต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงาน








นางสาว วาสนา งามดวงใจ ผู้อำนวยการกลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ กล่าวเปิดงาน (ขออนุญาตตัดย่อมาสรุป)

“ทำไมถึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา?  ก็เพราะว่าจุดประสงค์เรื่องการสงเสริมการอ่าน และประชาสัมพันธ์ให้บรรณารักษ์ นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมชมงานนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย  ถือว่าเป็นความสำเร็จของทางหอสมุดแห่งชาติที่เราจัดงานกิจกรรมแล้วมีคนสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับเรา   ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จะสำเร็จไม่ได้เลยถ้าขาดคุณโอ๊ต มณเฑียร  ผู้เป็นศิลปิน เป็นนักคิดนักเขียนที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย  ถือว่าเป็นคนที่ทำงานสร้างสรรค์งานศิลปะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ขอขอบคุณคุณโอ๊ตมากค่ะ”  









คุณโอ๊ต มณเฑียร  ศิลปินร่วมสมัยผู้จัดงานนิทรรศการในครั้งนี้ กล่าวเปิดงาน

“ในช่วงเดือนที่ผ่านมาผมได้มาที่หอสมุดแห่งชาติบ่อยมากเพื่อทำงานนี้ จนเห็นหน้าเห็นตาและได้รู้จักเจ้าหน้าที่ของทางหอสมุดแห่งชาติหลายท่านแล้ว  ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมากที่สละเวลามาร่วมงานพิธีเปิดนิทรรศการ “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” ในวันนี้

-หลายท่านอาจจะสงสัยว่าช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา  ผมวิ่งเข้าวิ่งออกที่หอสมุดแห่งชาติเกือบทุกวัน  คนอาจจะสงสัยว่าผมมาทำอะไร?  ต้องการอะไร?  ผมขอพูดตรงๆ ว่าผมมาด้วยใจ   ซึ่งที่หอสมุดแห่งชาตินี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาใช้งานเมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นผมก็มาใช้บริการอยู่เรื่อยๆ เสมอ จึงรู้สึกผูกพันธ์กับหอสมุดแห่งชาติมาตลอด

-ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กที่อ้วนมากที่สุดในชั้นเรียน  ไม่ค่อยมีเพื่อน  ดังนั้นตอนพักกลางวันจึงหนีไปตากแอร์อยู่ในห้องสมุดเสมอ   เริ่มอ่านหนังสือ  จนได้กลายเป็นเพื่อนกับหนังสือ  โดยหนังสือสอนให้เรารู้ว่ามิตรภาพคืออะไร?  ความรักคืออะไร?  โลกข้างนอกและข้างในเป็นอย่างไร?  ทำให้กลายเป็นคนที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็อ่านหนังสือตั้งแต่ชั้นประถมมาโดยตลอด

-พอโตขึ้นมาผมก็มีโอกาสได้ทำงานศิลปะที่เกี่ยวกับหนังสือ  เป็นนักเขียนด้วย  มีผลงานออกหนังสือมาแล้ว 3 เล่มกับสำนักพิมพ์ อะบุ๊ค และเป็นนักเขียนให้แก่สื่อต่างๆ   ดังนั้นพอได้รับโอกาสนี้ (จัดงานนิทรรศการในครั้งนี้) ก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะมาร่วมกันกับทางหอสมุดแห่งชาติเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ โดยหวังว่าจะมีคนเข้ามาใช้บริการในสถานที่ที่เรารักให้มากขึ้น

-สำหรับแนวคิดของงานนิทรรศการในครั้งนี้  หลายท่านอาจจะงงว่าทำไมในห้องมืดจัง?  ทำไมถึงมีเสียงอะไรแปลกประหลาด?  ผมขออนุญาตเล่าแนวคิดของการจัดงานให้ท่านทราบว่า  ตอนที่รับงานนี้สิ่งแรกที่โอ๊ตคิดเลยก็คือโอ๊ตอยากให้คนจดจำได้ว่าทำไมเราถึงต้องมาห้องสมุด  ไม่ใช่แค่เพราะหนังสือหรือเพราะเทคโนโลยีที่นำสมัย  แต่โอ๊ตคิดว่าห้องสมุดมันมีเสน่ห์อย่างมาก

-การมาห้องสมุดสำหรับโอ๊ตเหมือนกับการมาออกเดท  การที่ได้ขึ้นไปที่ห้องหนังสือหายากบนชั้น 3 นั้น ทำให้ต้องลุ้นว่าจะได้เจอหนังสือที่เราต้องการหรือไม่?  หรือหนังสือที่เราเขียนขอจากบรรณารักษ์ไปนั้น  เดทของเราจะหน้าตาเป็นอย่างไร?  (หนังสือ)จะมาในสภาพที่เปิดได้ไหม?  ยังอ่านกันได้หรือไม่?   ซึ่งหลายๆ ครั้งพอได้เจอหนังสือมันเหมือนได้พบกับคนรัก  มันจึงถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งสำหรับการมาใช้บริการที่ห้องสมุด  ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมอยากจะเอาบรรยากาศนั้นมามอบให้แก่ทุกท่านที่เข้ามาชมนิทรรศการในครั้งนี้  










-จริงๆ แล้วผมอยากจะเล่าถึงประวัติ เล่าถึงความดีงามของหอสมุดแห่งชาตินี้  แต่จะให้เขียนเป็นหนังสือประวัติศาสตร์คนรุ่นใหม่อาจจะไม่อินไม่อยากอ่านก็ได้  ผมจึงเขียนเป็นนิยายรัก  เขียนเป็นเรื่องสั้นขนาดความยาว 20 หน้า  ซึ่งนิยายรักเรื่องนี้เกี่ยวกับศิลปินคนหนึ่งที่มาตกหลุมรักหนังสือเล่มหนึ่งที่กลายร่างเป็นคนในคืนพระจันทร์เต็มดวง   โดยผมได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่อง “มัทนะพาธา”  ถ้าใครเคยอ่านจะทราบว่าในเรื่องดอกไม้(กุหลาบ)จะกลายร่างเป็นหญิงสาวในคืนพระจันทร์เต็มดวง

-ผมได้เจอหนังสือเรื่อง “มัทนะพาธา” เล่มที่พิมพ์ครั้งแรกที่นี่ (ห้องหนังสือหายาก)  แล้วได้เห็นลายพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 6 แล้วรู้สึกปลื้มปริ่มมาก  แล้วรู้สึกว่า ... ไม่แน่นะผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้ถูกสาบเป็นดอกกุหลาบ  แต่อาจจะถูกสาบให้เป็นหนังสือก็ได้ เป็นหนังสือเล่มนี้ที่ซ่อนตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่ง  โดยผมใช้จินตนาการไปเรื่อยตามสไตล์ของศิลปิน

-ดังนั้นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนนิยายสั้นเล่มเล็กๆ เรื่องนี้ (ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ) เกี่ยวกับศิลปินคนหนึ่งที่ตกหลุมรักนางมัทนา  แต่ความรักของเขาจะราบรื่นหรือไม่?  เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ทำไมตู้หนังสือไม้สักนี้จึงยกมาอยู่ที่นี่(ในงานนิทรรศการ)แล้วเขียนว่า “อุทิศแด่ มัทนา”   แล้วตัวละครทั้งสองตัวนี้คุยอะไรกันในคืนที่ต้องมนต์นั้น?   ต้องขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านเรื่องนี้ดู

-โดยจะมีหนังสือนิยายเล่มเล็กๆ เรื่อง “ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ” นี้วางให้อ่านอยู่ในงานนิทรรศการจำนวน 8 เล่ม  ถ้าท่านได้มาชมงานนิทรรศการแล้วได้นั่งอ่านเงียบๆ อยู่ในที่นี่ก็อาจจะได้บรรยากาศมากขึ้นด้วย

-ผมขอขอบคุณหลายๆ ท่านที่หอสมุดแห่งชาติ  เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่นิทรรศการนี้จะเกิดขึ้นโดยปราศจากความร่วมมือจากท่านทั้งหลายเหล่านี้  ผมขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติ นางสาวกนกอร  ศักดาเดช  ที่ให้โอกาสผมทั้งๆ ที่ผมยังคงเป็นเด็กน้อยสายตาของท่าน  ท่าน ผอ.กนกอร มีวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยมที่อนุญาตให้โอ๊ตได้ทำนิทรรศการนี้ , ขอขอบคุณพี่วาสนา และขอขอบคุณคุณนนท์ บารมี ที่เป็นคนติดต่อประสานงานและช่วยเหลือโอ๊ตทุกอย่าง , ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ประจำห้องหนังสือหายากที่ชั้น 3 ทุกท่าน , ขอบคุณพี่ตุ้มด้วยที่ช่วยเล่าเรื่องราวต่างๆ  

-หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าการทำงานกับระบบราชการนั้นคงล้าช้าอึดอาจแน่  แต่เมื่อผมได้มีโอกาสมาร่วมงานแล้วผมพบว่า  ในที่นี้มีบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างพี่ส้ม พี่นนท์  ที่ใส่ใจและรักงานที่ตัวเองทำเป็นอย่างมาก งานจึงไม่ได้ล่าช้าอย่างที่คนอื่นคิดเลย , ขอบคุณพี่เกดและพี่อ๋องที่ช่วยเย็บเล่มให้  หนังสือทุกเล่มที่จัดแสดงอยู่ในงานนิทรรศการนี้ถูกเย็บเล่มด้วยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมหนังสือ ของหอสมุดแห่งชาติ  การปั๊มทองด้วยเลเซอร์เพรสเป็นกระบวนการที่หาได้ยากมากแล้วในปัจจุบันนี้  , ขอบคุณพี่จี๊ดด้วยที่ช่วยดูแลเรื่องทางห้องสมุดดนตรี  ในงานนิทรรศการนี้ถ้าท่านเข้าไปในห้องท่านจะได้ยินเสียงเปียนโนจุฑาธุช (ได้ชื่อมาจาก เจ้าฟ้าจุฑาธุช)  เป็นเปียนโนสองด้านที่ถูกเก็บอยู่ในห้องสมุดดนตรี  ซึ่งเปียนโนนี้จะอยู่ในนิยายนี้อย่างไรก็ต้องเชิญมาอ่านกันดู

-สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ได้มาร่วมงานในวันนี้  เพราะว่าห้องสมุดมันเหมือนโลกพิศวง  คนที่เข้ามาแล้วมักจะหาทางออกไม่ได้  จนต้องอยู่กันวนเวียนแบบคนรักหนังสือเช่นนี้  แล้วผมก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่ทุกคนช่วยสนับสนุนผมและให้โอกาสผม  ให้ได้สร้างผลงานศิลปะในสถานที่ที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์และพิเศษมากๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กรุงเทพที่นี่  , ขอบคุณทีมงาน คราวน์และอะเดย์ ที่ทุกคนช่วยกันสร้างงานในครั้งนี้  

-โดยงานทั้งหมดนี้สารภาพว่าทำงานภายใน 14 วัน  โดยผมยกตู้หนังสือเอง เย็บหนังสือเอง เปลี่ยนหลอดไฟเอง  ฯลฯ  หวังว่าทุกๆ ท่านคงจะตกหลุมรักหนังสือไปกับผมได้บ้าง  ไม่มากก็น้อย  ขอบพระคุณมากๆ ครับ”  


โอ๊ต มณเฑียร เชิญท่านมาชมนิทรรศการ “Bibliophilia : ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ"
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



พาพันชอบพาพันปั่นจักรยานพาพันเคลิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่