ตามหัวข้อเลยค่ะ ที่ตั้งคำถาม อยากจะถามความเห็นของท่านอื่นๆ
เกริ่นก่อนนะคะ เรากับสามี อายุสามสิบกว่าค่ะ อยู่ฉันท์สามีภรรยามาหลายปี แต่งงาน (ไม่จดทะเบียนสมรส) มีลูก 2 คน
ตัวเราเองเป็นหัวหน้าครอบครัวค่ะ (คือเราทำธุรกิจ เป็นคนหาเงินหลักเข้าบ้าน สามีมาช่วยธุรกิจของเรา ไม่ได้ทำอย่างอื่น)
เราเป็นแนว working woman ค่ะ ทำงานเก่ง หาเงินหลายทาง ทำหน้าที่ของภรรยาและแม่ของลูกทุกอย่าง
เรียกว่าถ้าคนอื่นมองเข้ามาก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์เกือบทุกด้านครอบครัวนึงค่ะ
(ลูกเรายังเล็ก ยังไม่เข้าโรงเรียนทั้งคู่ค่ะ)
แต่ปัญหาคือ สามีเรา ติดพนันบอลมาก
เรื่องนี้มีปัญหากันมาโดยตลอด ตั้งแต่ปีแรกๆที่คบกัน แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่อะไรมาก
เพราะถือว่าเป็นแค่แฟน และมันเงินของเขา
แต่พอหลังจากที่สามีเลิกทำงานของตัวเอง มาช่วยธุรกิจเรา เงินที่ใช้เป็นเงินของเราทั้งคู่
เราก็เริ่มที่จะซีเรียสกับเรื่องนี้มากขึ้น จริงๆคือไม่ชอบคนเล่นพนันอยู่แล้ว เพราะไม่เคยเห็นใครร่ำรวยจากการพนัน
และสมัยเด็กๆก็มีญาติห่างๆที่ติดพนันจนหมดเนื้อหมดตัวมาให้เห็นแล้ว ก็กลัวและกังวลค่ะ
หลายครั้งที่จับได้ว่าเขาเล่น (พนันบอลออนไลน์) ต่อเดือนรวมกันหลักหมื่น
ครั้งละ 500-1,000 บาท ทะเลาะกันมาหลายครั้ง ทุกครั้งเขารับปากว่าจะเลิก
จนถึงขนาดทะเลาะรุนแรงจะเลิกกัน เขารับปากจะไม่ทำอีก
แต่ก็ยังทำมาเรื่อยๆ ที่จับได้ก็ราวๆ 5-6 ครั้งแล้ว มีปากเสียงกันตลอด
จนแม่เราเอง ทราบเรื่องก็ทนไม่ไหว เรียกสามีเราไปคุย ถึงสองครั้ง และคุยต่อหน้าพ่อแม่สามีด้วย
ตอนแรกพ่อแม่สามีบอกว่าไม่รู้เรื่องด้วย และไม่ได้สนับสนุนให้สามีเราเล่น จนสามีเรา เขารับปากว่าจะเลิก
แต่สุดท้ายจนตอนนี้ ก็ยังไม่เลิกค่ะ แอบเล่น แต่ใช้วิธีที่แนบเนียนขึ้นไม่ให้มีหลักฐาน
แต่ซึ่งเราก็จับได้อยู่ดี และมาทราบด้วยว่าทางบ้านสามีก็รู้เห็น แต่ช่วยกันปกปิดให้
สิ่งที่เราจะสื่อก็คือ ตัวเราเอง ขยันทำงานเพื่อหาเงินเข้าบ้าน
สรรหาทำธุรกิจนู่นนี่หลายๆอย่าง เพื่อหารายได้ให้เยอะที่สุดเพื่อความสบายของครอบครัว
แต่สามี กลับคอยแต่ผลาญเงินที่หามาได้ ด้วยการเอาไปพนันบอล
มันอาจไม่เยอะเมื่อเทียบกับรายได้ที่เราหาได้ต่อเดือน แต่เงินจำนวนที่เขาเสียไปกับการพนันบอลนี้
มันก็สามารถเอาไปทำอย่างอื่นที่เกิดประโยชน์กว่านี้ได้ สมมุติ ถ้าคิดกันว่าเดือนละแค่ 10,000
ปีนึง 120,000 บาท เราเก็บเป็นเงินออมให้ลูกได้ เป็นเงินโปะบ้านได้ เป็นเงินไปเที่ยวต่างประเทศได้
มันจะดีกว่าไหมคะ
ปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็เอือมระอาแทน อยากให้เลิกจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
เพราะเพื่อนก็มองว่า ให้โอกาสเค้ามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยกลับตัวกลับใจได้ ทำซ้ำซาก
เหมือนมีตัวถ่วงชีวิตอยู่ตลอดเวลา (นอกจากเรื่องพนันบอลแล้ว สามียังติดบุหรี่ยัดไส้กัญชาด้วยค่ะ
เราไม่ชอบเลย แต่หลายๆคนรอบตัวก็พยายามบอกว่า นิดๆหน่อยๆ คลายเครียดได้ ดีกว่าไปติดเหล้านอกบ้าน)
ในส่วนอื่นๆ สามีช่วยดูแลลูกทุกวัน ทำหน้าที่พ่อของลูกได้ดี
ช่วยงานในธุรกิจเราได้พอสมควร แม้จะสร้างปัญหาให้เราบ่อยๆ แต่ก็แบ่งเบางานให้เราได้พอตัวค่ะ
โดยรวมด้านดีเขาก็มีเยอะ แต่ข้อเสียก็ไม่น้อยเลย
เราควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ บอกตรงๆว่าบางทีก็เหนื่อยค่ะ
คิดว่าเป็นเวรกรรมอะไรนักหนาถึงต้องมาทนกับเรื่องพวกนี้ อยากมีชีวิตคู่ในแบบที่มีศีลเสมอกัน
อยากพูดกับคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำว่าทุกวันนี้มีครอบครัวที่มีความสุข
แต่จริงๆแล้วข้างในต้องเก็บ ทน ซ่อนพฤติกรรมของสามีหลายๆอย่าง
หน้าชื่นอกตรม บางทีก็เหมือนเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เครียด วิตกกังวล
กลัวตายก่อนแล้วสามีผลาญเงินหมด แล้วลูกจะไม่มีอนาคต ไม่มีเงินใช้
ขอความกรุณา คำแนะนำ ความเห็นจากท่านอื่นๆ เผื่อจะช่วยเปิดมุมมองของเราให้กระจ่างขึ้น
และมีวิธีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะคะ
สามีติดพนันบอล มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชีวิตคู่ไหมคะ
เกริ่นก่อนนะคะ เรากับสามี อายุสามสิบกว่าค่ะ อยู่ฉันท์สามีภรรยามาหลายปี แต่งงาน (ไม่จดทะเบียนสมรส) มีลูก 2 คน
ตัวเราเองเป็นหัวหน้าครอบครัวค่ะ (คือเราทำธุรกิจ เป็นคนหาเงินหลักเข้าบ้าน สามีมาช่วยธุรกิจของเรา ไม่ได้ทำอย่างอื่น)
เราเป็นแนว working woman ค่ะ ทำงานเก่ง หาเงินหลายทาง ทำหน้าที่ของภรรยาและแม่ของลูกทุกอย่าง
เรียกว่าถ้าคนอื่นมองเข้ามาก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์เกือบทุกด้านครอบครัวนึงค่ะ
(ลูกเรายังเล็ก ยังไม่เข้าโรงเรียนทั้งคู่ค่ะ)
แต่ปัญหาคือ สามีเรา ติดพนันบอลมาก
เรื่องนี้มีปัญหากันมาโดยตลอด ตั้งแต่ปีแรกๆที่คบกัน แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่อะไรมาก
เพราะถือว่าเป็นแค่แฟน และมันเงินของเขา
แต่พอหลังจากที่สามีเลิกทำงานของตัวเอง มาช่วยธุรกิจเรา เงินที่ใช้เป็นเงินของเราทั้งคู่
เราก็เริ่มที่จะซีเรียสกับเรื่องนี้มากขึ้น จริงๆคือไม่ชอบคนเล่นพนันอยู่แล้ว เพราะไม่เคยเห็นใครร่ำรวยจากการพนัน
และสมัยเด็กๆก็มีญาติห่างๆที่ติดพนันจนหมดเนื้อหมดตัวมาให้เห็นแล้ว ก็กลัวและกังวลค่ะ
หลายครั้งที่จับได้ว่าเขาเล่น (พนันบอลออนไลน์) ต่อเดือนรวมกันหลักหมื่น
ครั้งละ 500-1,000 บาท ทะเลาะกันมาหลายครั้ง ทุกครั้งเขารับปากว่าจะเลิก
จนถึงขนาดทะเลาะรุนแรงจะเลิกกัน เขารับปากจะไม่ทำอีก
แต่ก็ยังทำมาเรื่อยๆ ที่จับได้ก็ราวๆ 5-6 ครั้งแล้ว มีปากเสียงกันตลอด
จนแม่เราเอง ทราบเรื่องก็ทนไม่ไหว เรียกสามีเราไปคุย ถึงสองครั้ง และคุยต่อหน้าพ่อแม่สามีด้วย
ตอนแรกพ่อแม่สามีบอกว่าไม่รู้เรื่องด้วย และไม่ได้สนับสนุนให้สามีเราเล่น จนสามีเรา เขารับปากว่าจะเลิก
แต่สุดท้ายจนตอนนี้ ก็ยังไม่เลิกค่ะ แอบเล่น แต่ใช้วิธีที่แนบเนียนขึ้นไม่ให้มีหลักฐาน
แต่ซึ่งเราก็จับได้อยู่ดี และมาทราบด้วยว่าทางบ้านสามีก็รู้เห็น แต่ช่วยกันปกปิดให้
สิ่งที่เราจะสื่อก็คือ ตัวเราเอง ขยันทำงานเพื่อหาเงินเข้าบ้าน
สรรหาทำธุรกิจนู่นนี่หลายๆอย่าง เพื่อหารายได้ให้เยอะที่สุดเพื่อความสบายของครอบครัว
แต่สามี กลับคอยแต่ผลาญเงินที่หามาได้ ด้วยการเอาไปพนันบอล
มันอาจไม่เยอะเมื่อเทียบกับรายได้ที่เราหาได้ต่อเดือน แต่เงินจำนวนที่เขาเสียไปกับการพนันบอลนี้
มันก็สามารถเอาไปทำอย่างอื่นที่เกิดประโยชน์กว่านี้ได้ สมมุติ ถ้าคิดกันว่าเดือนละแค่ 10,000
ปีนึง 120,000 บาท เราเก็บเป็นเงินออมให้ลูกได้ เป็นเงินโปะบ้านได้ เป็นเงินไปเที่ยวต่างประเทศได้
มันจะดีกว่าไหมคะ
ปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็เอือมระอาแทน อยากให้เลิกจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
เพราะเพื่อนก็มองว่า ให้โอกาสเค้ามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยกลับตัวกลับใจได้ ทำซ้ำซาก
เหมือนมีตัวถ่วงชีวิตอยู่ตลอดเวลา (นอกจากเรื่องพนันบอลแล้ว สามียังติดบุหรี่ยัดไส้กัญชาด้วยค่ะ
เราไม่ชอบเลย แต่หลายๆคนรอบตัวก็พยายามบอกว่า นิดๆหน่อยๆ คลายเครียดได้ ดีกว่าไปติดเหล้านอกบ้าน)
ในส่วนอื่นๆ สามีช่วยดูแลลูกทุกวัน ทำหน้าที่พ่อของลูกได้ดี
ช่วยงานในธุรกิจเราได้พอสมควร แม้จะสร้างปัญหาให้เราบ่อยๆ แต่ก็แบ่งเบางานให้เราได้พอตัวค่ะ
โดยรวมด้านดีเขาก็มีเยอะ แต่ข้อเสียก็ไม่น้อยเลย
เราควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ บอกตรงๆว่าบางทีก็เหนื่อยค่ะ
คิดว่าเป็นเวรกรรมอะไรนักหนาถึงต้องมาทนกับเรื่องพวกนี้ อยากมีชีวิตคู่ในแบบที่มีศีลเสมอกัน
อยากพูดกับคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำว่าทุกวันนี้มีครอบครัวที่มีความสุข
แต่จริงๆแล้วข้างในต้องเก็บ ทน ซ่อนพฤติกรรมของสามีหลายๆอย่าง
หน้าชื่นอกตรม บางทีก็เหมือนเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เครียด วิตกกังวล
กลัวตายก่อนแล้วสามีผลาญเงินหมด แล้วลูกจะไม่มีอนาคต ไม่มีเงินใช้
ขอความกรุณา คำแนะนำ ความเห็นจากท่านอื่นๆ เผื่อจะช่วยเปิดมุมมองของเราให้กระจ่างขึ้น
และมีวิธีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะคะ