[CR] บทพิสูจน์ของนักเดินป่า ด้วยวิถีการเดินป่าแบบยั่งยืน กับ Fjällräven Thailand Trail


ทางเดิน 50 กิโลเมตร เป้ 18 กิโลกรัม 5 วัน 4 คืน กับเส้นทางที่สวยที่สุดที่นึงในประเทศไทย ขอบอกเลยว่า Fjällräven Thailand Trail เป็นงานเดินป่าประจำปีที่นักเดินป่าทุกคนไม่ควรพลาด เป็นทริปที่ผมเตรียมตัวมากที่สุด เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมไปเดินป่าโดยที่ไม่รู้จักผู้ร่วมทางคนไหนเลย และเป็นครั้งแรกที่ผมต้องแบกสัมภาระทุกอย่างด้วยตัวเองตลอดเส้นทาง จะเรียกว่าทริปนี้เป็นบทพิสูจน์ของการเป็น “นักเดินป่า” ของผม เลยก็ว่าได้

Fjällräven Thailand Trail จัดขึ้นโดยการร่วมมือระหว่าง ชาวบ้านตำบลแม่สวด, โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ, Fjällräven Brand, มูลนิธิ ธรรมชาติไม่จำกัด, อุทยานแห่งชาติแม่เงา, และทีมอาสากลุ่ม Thailand Outdoor โดยรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจะจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อใช้พัฒนาเส้นทางเดินป่าแห่งนี้ต่อไป

เส้นทางที่เราเดินนั้นมีชื่อเต็มว่า “เส้นทางเดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา” โดยมีจุดนัดพบเพื่อออกเดินทางที่ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน การเดินทางด้วยเท้าใช้เวลา 4 วัน ผ่าน Check Point 3 จุด ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์ของนักเดินทาง กฎหลักของงานคือ
1. นักเดินทางทุกคนต้องแบกสัมภาระของตัวเองทั้งหมด รวมถึงเต็นท์และอาหารที่จะทานระหว่างการเดินทาง
2. นักเดินทางต้องเก็บขยะของตัวเองทุกชิ้นกลับลงมาทิ้งที่จุดเส้นชัยในวันสุดท้าย
3. นักเดินทางต้องขุดหลุมเพื่อขับถ่ายและกลบให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนธรรมชาติ
4. นักเดินทางต้องนำพาสพอร์ตประทับตราที่จุด Check Point ทุกจุด และกางเต็นท์ในบริเวณที่กำหนดไว้ให้

ช่วงสองเดือนหลังจากที่ผมลงชื่อสมัคร ผมใช้เวลาฝึกเดินเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย บวกกับหาอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อม บอกตรงๆ ว่าก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย เพราะถึงแม้ว่าผมจะเดินป่าบ่อย แต่ก็ยังไม่เคยเดินระยะทางไกลขนาดนี้ และส่วนที่ยากที่สุดคือการแบกของเองทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้งานนี้หาเพื่อนไปด้วยยากมาก ลำพังจะหาคนไปเดินป่าด้วยก็ยากละ จะหาเพื่อนที่เดินได้ไกลและต้องแบกของเองนี่เรียกว่าหมดหวัง แต่คิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องไปให้ได้ ถ้าอยากจะเป็นนักเดินทางที่แท้จริง เราต้องไม่กลัวที่จะเดินทางคนเดียว สู้เว้ย

ดูภาพถ่ายจากทริปเพิ่มเติมแบบชิวๆ ได้ที่:
https://facebook.com/KnowWhereLand
https://www.instagram.com/know.where.land
#KnowWhereLand
ขอบคุณครับ =)


DAY 0

ผมลืมตามากดปิดนาฬิกาปลุก นอนมองเพดานไม้ในห้องรีสอร์ทที่ผมเพิ่งเช็คอินเข้ามาเมื่อตอนหกโมงเช้า ได้นอนพักผ่อนสักหน่อยหลังจากที่นอนไม่หลับบนรถทัวร์มาทั้งคืน ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินไปเคาะประตูห้องพี่เล็ก พี่เล็กคือเพื่อนร่วมทางคนแรกที่ผมได้เจอบนรถทัวร์คันเดียวกัน ผู้ชายนักเดินป่าที่ดูแข็งแรงเกินวัย พี่เล็กมาเดินป่าครั้งนี้คนเดียวเช่นกัน ดีเลย ไม่ต้องเคว้งคว้างคนเดียวในแม่สะเรียงละ เราสองคนเดินไปทานข้าวกลางวันแล้วจึงเข้าไปลงทะเบียนที่ชั้น 2 ของร้านอาหารไม้แดง บริเวณลงทะเบียนมีอุปกรณ์วางขายเผื่อว่าใครขาดเหลืออะไรก็สามารถซื้อเพิ่มได้ ผมลงชื่อพร้อมกับรับอาหารแห้งและอุปกรณ์อื่นๆ ทีมงานยื่นผ้าสีประจำกลุ่มสำหรับผูกเข้ากับเป้ สรุปว่าผมกับพี่เล็กอยู่กันคนละกลุ่ม พี่งบ ผู้เป็นเหมือนหัวหน้าทีมของผู้จัดงาน กล่าวต้อนรับคนที่มาลงทะเบียนพร้อมตอบคำถามต่างๆ ที่เรามี หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนและเตรียมของ ผมใช้เวลาช่วงเย็นของวันนั้นเดินเล่นรอบตัวเมืองแม่สะเรียง เป็นเมืองเล็กๆ ที่ดูน่าอยู่ ช่วงเย็นทานข้าวเย็นกับพี่เล็กที่ร้านอาหารใกล้ที่พัก แล้วเราก็แยกกันไปจัดกระเป๋าและพักผ่อน นัดกันอีกทีเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้แล้วหรอเนี่ย คิดแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้
หน้าร้านอาหารไม้แดง
จุดลงทะเบียนชั้น 2



DAY 1

อากาศเย็นยามเช้า เวลา 7 โมง นักเดินป่ามากมายหลายสัญชาติ หลั่งไหลกันเข้ามาในบริเวณที่จอดรถของร้านอาหารไม้แดง พวงเราเป็นกลุ่มแรกที่จะออกตัวเดินทางในวันนี้ (วันออกตัวมีทั้งหมด 3 วัน: 17, 18, และ 19 มกราคม) เฉลี่ยจำนวนนักเดินป่าวันละประมาณ 70 ชีวิต ตอนนี้ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการเตรียมของ เติมน้ำ และชั่งน้ำหนักเป้ ผมชั่งน้ำหนักมาตอนอยู่ที่บ้าน อยู่ที่ประมาณ 18 กิโลกรัม รวมน้ำ 3 ลิตร ผมยืนดูหลายคนชั่งน้ำหนักเป้ได้แค่สิบกว่ากิโล น่าอิจฉาจริงๆ ข้อดีของการมาเป็นกลุ่มคือสามารถแบ่งกันแบกของที่ใช้ส่วนรวมได้ เลยทำให้น้ำหนักเป้เบาขึ้น ส่วนผมมาคนเดียว แบกทุกอย่างเอง เป้ก็เลยหนักหน่อย ระหว่างดูคนอื่นเตรียมของ ในใจก็แอบยิ้มแสดงความเก๋าของการมาคนเดียวข่มคนอื่นแบบไม่มีใครรับรู้
เติมน้ำกันให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
เลขที่ออกคือ...น้ำหนักที่คุณต้องแบก

หลังจากทุกคนจัดของเรียบร้อย เราก็ขึ้นรถกระบะเป็นกลุ่ม คันละ 10 คน เพื่อที่จะออกเดินทางไปยังจุด Start ผมปีนขึ้นท้ายรถกระบะพร้อมกับพี่เล็ก แล้วก็มีคนขึ้นมาร่วมรถกับเรา เราทักทายและแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมทางของเรา ระหว่างทางเราก็ทำความรู้จักและพูดคุยถึงที่ต่างๆ ที่เราเคยไปเที่ยวมา “พี่ชอบไปเที่ยวช่วงเวลาฤดูใบไม้ผลิ วิวมันสวยมาก” พี่ปาล์มพูดขึ้นมา พี่ปาล์มและพี่โน้ตเป็นคู่นักเดินทางระดับเซียน ทั้งสองคนห้อยกล้องนิคอน DSLR ไว้ที่คอ ใครก็ตามที่มาเดินป่าแล้วห้อยกล้องใหญ่มาต้องเรียกว่าใจรักการถ่ายรูปจริงๆ พี่ปาล์มยื่นมือถือมาให้ดูรูป ภาพวิวที่สวยจนน้องแทนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ต้องร้องว่าโอ้โห (ใครอยากโอ้โห ไปดูได้ที่ IG: hikeeatlife) น้องแทน นักเดินทางอีกคนที่ภายนอกอาจจะดูเป็นผู้ชายเรียบร้อยๆ เบาๆ แต่น้องแทนก็เป็นคนหนึ่งที่พิชิตเส้นทาง Kungsleden 110 กิโลเมตรสุดทรหดของ Fjällräven Classic Sweden มาแล้ว น้องแทนบอกว่าวันนี้มาเดินในฐานะอาสาสมัคร เราใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง บนรถกระบะที่เร่งเครื่องคำรามวิ่งขึ้นเขาบนถนนลูกรัง ฝุ่นจากรถคันก่อนหน้าเรา 6 คัน ทำให้กล้องนิคอนสีดำของพี่ปาล์มและพี่โน้ตกลายเป็นสีน้ำตาลแดงไปในเวลาอันสั้น
เตรียมตัวออกรถ
ประทับตราพาสพอร์ตที่จุด Start

เราลงจากรถเพื่อที่จะประทับตราจุด Starting Point ในพาสพอร์ตที่ทุกคนต้องนำติดตัวไป พี่งบกล่าวต้อนรับนักเดินทางอย่างเป็นทางการและแนะนำหัวหน้าทีมของแต่ละสี เมื่อเรารวมกลุ่มตามสีแล้วเราก็เริ่มออกตัวเดิน เส้นทางช่วงแรกเป็นเนินดินที่สูงชัน เรียกเหงื่อกันตั้งแต่ก้าวแรก หลังจากเนินแรกที่ชัน เส้นทางก็เริ่มเป็นทางราบ ขึ้นลงเล็กน้อยตามแนวภูเขา ถือว่ายังไม่ได้ยากเกินความสามารถ มีต้นไม้บังแดดอยู่บ้างตลอดทาง เดินแบบนี้สบ๊าย เดินได้เรื่อยๆ
พี่งบกล่าวต้อนรับนักเดินป่าทั้งหลาย
เส้นทางเดิน

หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็ถึงจุดพักทานอาหารกลางวัน มีทีมงานตั้งโต๊ะขายอาหารกลางวัน ข้าวเหนียวหมูย่าง และน้ำอัดลมต่างๆ ผมพุ่งตัวไปซื้อโค้กเย็นๆ 1 กระป๋องทันที น้ำอัดลมเย็นๆ มีค่ายิ่งกว่าทองในการเดินป่าเมืองร้อน ดื่มแล้วหลับตาพริ้มพร้อมเสียง “อาหหหหหห์” ยิ่งกว่าพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเครื่องดื่ม ผมเดินมาถึงเป็นกลุ่มแรกๆ เลยทานอาหารเสร็จก่อนคนอื่น ไม่อยากนั่งพักนานเดี๋ยวกล้ามเนื้อขาจะต้องใช้เวลาปรับตัวอีก พี่ปาล์ม พี่โน้ต และน้องแทนก็เสร็จแล้วเหมือนกัน เราเลยเริ่มออกตัวเดินกันก่อน
พักทานข้าวกลางวันกันหน่อย

เราเดินใต้ร่มไม้ของป่าทึบสักพักจนกระทั่งเส้นทางเปิดออก เราก้าวออกจากร่มไม้มาที่แนวสันเขาโล้น รอบตัวเป็นทิวทัศน์แนวภูเขาที่ไล่สีซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา ถ้าไม่ติดแดดตอนเที่ยงที่แผดเผาผิวคอ ผมคงอยากจะยืนนิ่งซึมซับวิวที่สวยงามที่อยู่ตรงหน้า จากจุดนี้เราก็เดินขึ้นลงไปตามแนวสันเขาโล้น อาบแดดยามบ่ายไปตลอดทาง ดีที่ยังพอมีลมเย็นพัดให้ชื่นใจเป็นครั้งคราว เราหาจุดนั่งพักเหนื่อยใต้ต้นไม้ระหว่างทาง ถึงแดดจะแรงแต่ก็ต้องบอกว่าอากาศดีมาก บรรยากาศใต้ร่มไม้น่านอนยิ่งนัก
ทางเดินเปิดมาเป็นสันเขา
วิวสวยงามระหว่างทาง
ลุยพุ่มไม้นิดหน่อย
กว่าจะหาที่นั่งใต้ร่มไม้ได้

ผมและน้องแทนเดินไปตามสปีดของเรา ส่วนพี่ปาล์มกับพี่โน้ตเดินนำเราไปจนมองไม่เห็น พลังเยอะมาก ถึงแม้ทั้งสองคนจะดูเป็นคนผอมบอบบาง “ใกล้ถึงแล้วพี่” แทนหันมาพูดก่อนที่จะเดินนำผมไป เราเดินอ้อมเนินเขา แล้วจึงเห็นธงของ Check Point 1 อยู่ที่ลานกว้าง ซึ่งจะเป็นบริเวณกางเต็นท์สำหรับคืนวันนี้ ดูจากจำนวนเต็นท์ที่กางแล้ว เราน่าจะมาถึงกันเป็นกลุ่มแรก วันนี้เราใช้เวลาเดินรวมแล้วประมาณ 5 ชั่วโมงกับระยะทาง 9 กิโลเมตร จากจุด Start มาถึง Check Point นี้ ผมตรงไปประทับตราบนพาสพอร์ต แล้วค่อยเดินไปกางเต็นท์ติดกับพี่ปาล์มพี่โน้ตที่กำลังนอนชิวอยู่ในเต็นท์ ต้องยอมรับว่าที่นี่เป็นจุดการเต็นท์ที่วิวสวยมากที่สุดที่นึงตั้งแต่ผมเดินป่ามา
ถึงละ Check Point 1
วางเป้ตั้งเต็นท์กันก่อน

หลังจากกางเต็นท์ตัวเองเรียบร้อยก็ช่วยพี่เล็กกางเต็นท์ต่อ พอเสร็จแล้วก็ชวนพี่เล็กเดินไปเอาเหล็กร้อนประทับตราของ Check Point ลงบนแผ่นไม้ที่ทีมงานแจกมาให้ ระหว่างนั้นนักเดินทางเริ่มทยอยกันมาถึง สักพักเต็นท์หลากสีหลากรูปร่างก็ตั้งเรียงรายกันอยู่เต็มบริเวณ พอเริ่มตกเย็นพี่งบก็เรียกทุกคนมาชุมนุมเพื่อที่จะเล่าถึงที่มาที่ไปของเส้นทางและความสำคัญของ “ขุนน้ำ” ซึ่งมีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับป่าในบริเวณนี้ การทำความเข้าใจกับวงจรของธรรมชาติ และผลกระทบของการใช้ชีวิตของคนปัจจุบัน คือการปูพื้นฐานของการสร้างแนวทางการเดินป่าเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายหลักของการเดินป่าครั้งนี้
ปั๊มตราด้วยเหล็กร้อน
เต็นท์หลากสี ตั้งตรงไหนก็วิวสวยไปหมด
ชุมนุมตอนเย็น
วิวจากเนินเขาใกล้จุดการเต็นท์
ชื่อสินค้า:   Fjällräven Thailand Trail
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่