เริ่มด้วยว่า มีเพื่อนที่เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี เขามาเล่าว่า จังหวัดสุพรรณบุรีเขาจะมีงานใหญ่งานช้างประจำปีก็คืองานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ ซึ่งจะมีการแสดงชนช้างบอกเล่าประวัติควา่มเป็นมาของอำเภอดอนเจดีย์ แสงสีเสียงอลังการมากทำให้ผมและเพื่อนๆ เกิดความอยากจะไปเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง ก็เลยตัดสินใจเดินทางไปชมงานนี้กัน ระยะจาก กทม.-สุพรรณบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชม แล้วแต่เส้นทางและความหนาแน่นของรถนะครับ
ภายในงานต้องบอกว่าใหญ่มากครับเดินกันเพลินเลยทีเดียวของกินของใช้มาขายกันมากมาย โดยการแสดงจะเริ่มประมาณ 19.00 น.เป็นต้นไป โดยต้องซื้อบัตรเพื่อเข้าชมการแสดงครับแต่ค่าบัตรไม่แพงครับ แนะนำว่าถ้าปีหน้าใครจะมาต้องรีบมานิดนึงครับเพราะผมมาช้า ทำใให้ที่นั่งเต็มหมดแล้วเลยต้องยืนเบียดๆด้านหน้าดู
การแสดงยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือมากครับทั้งแสงสีเสียงอลังงานมาก บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนเรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ผมยืนดูไปขนลุกไป บางฉากก็เรียกอารมณ์ได้จนน้ำตาคลอจริงๆ ทั้งนักแสดงนักพากเสียงสุดยอดมากๆครับ ปีนี้ใครพลาดไปก้ไม่ต้องเสียดายน่ะครับเพราะงานเขาจัดทุกปี ยังไงปีหน้าก็ต้องลองหาโอกาสไปชมกันให้ได้น่ะครับรับรองไม่ผิดหวัง
หลังจากชมการแสดงเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินหาของกินกันภายใในงานจนสำราญใจ ด้วยเวลาก็ดึกแล้วเลยตัดสินใจนอนค้างที่บ้านเพื่อน ที่จ.สุพรรณบุรีกันเลย เพราะพรุ่งนี้จะได้เเวะเที่ยวกันต่อไหนๆก็มาแล้วอะเนอะครับ อิอิ
ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้นแน่นอนครับ เกิดอาการอยากกาแฟง่วงหาวกันไม่สดชื่นเลยต้องจัดาร้านกาแฟชิวๆสักร้านแล้ว พอดีเพื่อนไปเจอร้านนึงในรีวิว เป็นร้านกาแฟเล็กๆไม่ไกลจากบ้านเพื่อนแถมผ่าน หมู่บ้านควายไทยด้วยจะได้ถือโอกาสแวะเที่ยวด้วยเลย ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปที่ร้านกาแฟกันก่อนเลยครับ โดยร้านกาแฟชื่อว่าร้าน บ้านเขียนแสง อาจเข้าซอยมาลึกนิดนึงตอนแรกเราก็ยังตกใจครับว่าจะมีร้านกาแฟในนี้จริงไหม แต่ขับรถตาม GPS มาสักพัก ก็ถึงที่ร้านครับ
ตัวร้านเป็นบ้านที่ทำเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ได้พูดคุยกับพี่ที่เป็นเจ้าของร้าน ก็รู้ว่าพี่เขาเป็นช่างภาพ เป็นสายอาร์ตเหมือนกันแต่ก่อนพี่เขาเปิดร้านที่ตลาดสามชุกแต่ไกลบ้าน เลยอยากกลับมาทำร้านตัวเองที่บ้านตัวเอง พี่เจ้าของร้านอัธยาศัยดีครับน่ารัก ชงกาแฟจากความตั้งใใจจริงๆ และที่สำคัญกาแฟคือดี แบบไม่อวย อันนั้คอนเฟิร์ม เพราะอันไหนกินไม่ได้เราก็ไม่กล้าเอามาบอก5555 สำหรับใใครที่ไปเที่ยวแถวนั้นหรือไปเที่ยวหมู่บ้านควายไทยก็ลองเลยไปชิมกาแฟพี่เขาได้ครับ ข้างร้านกาแฟก็มีร้านข้าวแซ่บเด็ดไม่แพ้กันราคา คือ ถูกจนตกใจ 5555
กินกันเสร็จเรียบร้อยอิ่มท้องก็มุ่งหน้าไปสู่หมู่บ้านควายไทยเดินเล่นเดินย่อยกันหน่อยครับ พอมาถึงก็ต้องซื้อบัตรเพื่อเข้าชมด้านใในเสียค่าเข้าคนละ 30 บ.ครับ ข้างในก็จะมีบ้านทรงไทย อุปกรณ์ทำนาน เครื่องใใช้ต่างๆของไทยโบราณสะสมให้เราได้ชม รวมถึงน้องควาย เยอะแยะไปหมดครับ มีการแสดงของน้องควายเป็นรอบๆใใครที่มาก็สามารถไปชมกันได้ครับ มีร้านกาแฟใให้นั่งจิบกาแฟชิวๆชมวิวน้องควายเล่นน้ำกันเพลินๆก็ได้ครับ
หลังจากเพลิดเพลินกันตลอดสองวันก็ได้เวลาเดินทางกลับมาเตรียมตัวทำงานกันต่อใในวันจันทร์ เอาเป็นว่าสำหรับใครที่วันหยุดนี้ไม่รู้จะไปไหนผมเชื่อว่าสุพรรณบุรีก็เป็นอีกหนึ่งที่ๆน่าสนใจครับ ยังมีที่ท่องเที่ยงอีกมากมายรอให้ทุกคนมาท่องเที่ยว หรือจะมาชมน้องควายที่หมู่บ้านควายไทย แล้วเลยไปชิมกาแฟที่ร้าน เขียนแสง ก็ได้ครับ เอาไว้ถ้าการเดินทางครั้งหน้าไปเจอของดีหรือประสบณ์ดีๆอีกละก็ จะมาแบ่งปันกันอีกแน่นอนครับ
สุพรรณบุรี มีเรื่องเล่า
ภายในงานต้องบอกว่าใหญ่มากครับเดินกันเพลินเลยทีเดียวของกินของใช้มาขายกันมากมาย โดยการแสดงจะเริ่มประมาณ 19.00 น.เป็นต้นไป โดยต้องซื้อบัตรเพื่อเข้าชมการแสดงครับแต่ค่าบัตรไม่แพงครับ แนะนำว่าถ้าปีหน้าใครจะมาต้องรีบมานิดนึงครับเพราะผมมาช้า ทำใให้ที่นั่งเต็มหมดแล้วเลยต้องยืนเบียดๆด้านหน้าดู
การแสดงยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือมากครับทั้งแสงสีเสียงอลังงานมาก บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนเรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ผมยืนดูไปขนลุกไป บางฉากก็เรียกอารมณ์ได้จนน้ำตาคลอจริงๆ ทั้งนักแสดงนักพากเสียงสุดยอดมากๆครับ ปีนี้ใครพลาดไปก้ไม่ต้องเสียดายน่ะครับเพราะงานเขาจัดทุกปี ยังไงปีหน้าก็ต้องลองหาโอกาสไปชมกันให้ได้น่ะครับรับรองไม่ผิดหวัง
หลังจากชมการแสดงเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินหาของกินกันภายใในงานจนสำราญใจ ด้วยเวลาก็ดึกแล้วเลยตัดสินใจนอนค้างที่บ้านเพื่อน ที่จ.สุพรรณบุรีกันเลย เพราะพรุ่งนี้จะได้เเวะเที่ยวกันต่อไหนๆก็มาแล้วอะเนอะครับ อิอิ
ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้นแน่นอนครับ เกิดอาการอยากกาแฟง่วงหาวกันไม่สดชื่นเลยต้องจัดาร้านกาแฟชิวๆสักร้านแล้ว พอดีเพื่อนไปเจอร้านนึงในรีวิว เป็นร้านกาแฟเล็กๆไม่ไกลจากบ้านเพื่อนแถมผ่าน หมู่บ้านควายไทยด้วยจะได้ถือโอกาสแวะเที่ยวด้วยเลย ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปที่ร้านกาแฟกันก่อนเลยครับ โดยร้านกาแฟชื่อว่าร้าน บ้านเขียนแสง อาจเข้าซอยมาลึกนิดนึงตอนแรกเราก็ยังตกใจครับว่าจะมีร้านกาแฟในนี้จริงไหม แต่ขับรถตาม GPS มาสักพัก ก็ถึงที่ร้านครับ
ตัวร้านเป็นบ้านที่ทำเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ได้พูดคุยกับพี่ที่เป็นเจ้าของร้าน ก็รู้ว่าพี่เขาเป็นช่างภาพ เป็นสายอาร์ตเหมือนกันแต่ก่อนพี่เขาเปิดร้านที่ตลาดสามชุกแต่ไกลบ้าน เลยอยากกลับมาทำร้านตัวเองที่บ้านตัวเอง พี่เจ้าของร้านอัธยาศัยดีครับน่ารัก ชงกาแฟจากความตั้งใใจจริงๆ และที่สำคัญกาแฟคือดี แบบไม่อวย อันนั้คอนเฟิร์ม เพราะอันไหนกินไม่ได้เราก็ไม่กล้าเอามาบอก5555 สำหรับใใครที่ไปเที่ยวแถวนั้นหรือไปเที่ยวหมู่บ้านควายไทยก็ลองเลยไปชิมกาแฟพี่เขาได้ครับ ข้างร้านกาแฟก็มีร้านข้าวแซ่บเด็ดไม่แพ้กันราคา คือ ถูกจนตกใจ 5555
กินกันเสร็จเรียบร้อยอิ่มท้องก็มุ่งหน้าไปสู่หมู่บ้านควายไทยเดินเล่นเดินย่อยกันหน่อยครับ พอมาถึงก็ต้องซื้อบัตรเพื่อเข้าชมด้านใในเสียค่าเข้าคนละ 30 บ.ครับ ข้างในก็จะมีบ้านทรงไทย อุปกรณ์ทำนาน เครื่องใใช้ต่างๆของไทยโบราณสะสมให้เราได้ชม รวมถึงน้องควาย เยอะแยะไปหมดครับ มีการแสดงของน้องควายเป็นรอบๆใใครที่มาก็สามารถไปชมกันได้ครับ มีร้านกาแฟใให้นั่งจิบกาแฟชิวๆชมวิวน้องควายเล่นน้ำกันเพลินๆก็ได้ครับ
หลังจากเพลิดเพลินกันตลอดสองวันก็ได้เวลาเดินทางกลับมาเตรียมตัวทำงานกันต่อใในวันจันทร์ เอาเป็นว่าสำหรับใครที่วันหยุดนี้ไม่รู้จะไปไหนผมเชื่อว่าสุพรรณบุรีก็เป็นอีกหนึ่งที่ๆน่าสนใจครับ ยังมีที่ท่องเที่ยงอีกมากมายรอให้ทุกคนมาท่องเที่ยว หรือจะมาชมน้องควายที่หมู่บ้านควายไทย แล้วเลยไปชิมกาแฟที่ร้าน เขียนแสง ก็ได้ครับ เอาไว้ถ้าการเดินทางครั้งหน้าไปเจอของดีหรือประสบณ์ดีๆอีกละก็ จะมาแบ่งปันกันอีกแน่นอนครับ