ที่ต้องจ่าหัวว่า SR เนื่องจาก พี่ที่ผมรู้จักได้มีธุรกิจโรงแรมอยู่ในครอบครองถึง 2 แห่งในจังหวัดนครพนม และแฟนผมเกิดปี ลิง ต้องไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดเพื่อเป็นสิริมงคล และได้ร้บทาบทามให้ไปพักและดูแลเรื่องการกินอยู่ ผมจึงต้องขออนุญาตติดว่า SR เข้าไปตัวใหญ่ ๆ นะครับ

เริ่มเลยดีกว่าครับ นครพนมนั่น เป็นเมืองที่น่าสนใจครับ โดยปกติผมจะเที่ยวแต่ภาคเหนือ ครานี้ ได้ไปเที่ยวแถบอีสาน ก็เลยได้เที่ยวที่ นครพนมเป็นที่แรกเลย และได้ไปเที่ยวช่วงใกล้ปีใหม่พอดี อากาศกำลังดี แถมได้ข่าวว่ามีผู้ว่าหนุ่มหล่อมาประจำตำแหน่งใหม่ เลยมีการจัดงานอย่างคึกคัก ไม่รอช้า นั่งเครื่องไปเลยครับ ใช้เวลา ชั่วโมงนึงโดยประมาณ ไวมากกกกก !!!


เมื่อถึงนครพนมมารับกระเป๋ามายืนรอตรงสายพานก็เจอโรงแรมของพี่ที่ผมรู้จักโฆษณาหราาาทั้งสองป้ายเลย แน่นอนจริง ๆ (ภาพสายพานลำเลียงกระเป๋า)

เดินทางไปที่พัก จากสนามบินมาที่พักระยะทางราว ๆ  25 กิโลครับ  ผมได้มาพักที่นี่ จำนวนทั้งสิ้น 3 คืน ทางพี่ได้จัดให้ผม พักที่ The River Hotel ในคืนแรกครับ ในส่วนของที่พักและบรรยากาศโดยรวม ทำได้แตกต่างและดูเป็น เอกลักษณ์มากครับ เมื่อเข้าไปด้านใน สิ่งที่ดึงดูดสายตามากกว่า Reception ก็คือ วิวด้านหลังของโรงแรงที่มีแม่น้ำโขงอยู่ มองไปสุดสายตานั่นคือประเทศลาวเพื่อนบ้านของเรานี่เอง แม่เจ้า เห็นแต่ภาพติดฝาผนังตามบ้านของเพื่อน ๆ ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตาแบบ จะ ๆ ขนาดนี้ ฟินมากครับ และยังมีจุดให้ถ่ายรูปกับเพลิน ๆ ลืมเวลาขึ้นห้องอีกเพียบเลย และเมื่อขึ้นไปห้องพัก ก็จะเห็นวิวของแม่น้ำโขงไปอีก ตายสงบ ศพสีชมพู ~~~~~






พักผ่อนไปได้พักนึง พี่ได้โทรเรียกไปทานข้าวครับ เลยได้มีโอกาสได้ไปที่พักอีกที่นึงด้วยครับ นั่นคือ R-Photo ที่ที่เราจะทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ครับ มาเจอก็ตื่นตาไม่แพ้ที่แรกอีกแล้ว ตาย ๆ เอาไว้ค่อยบอกรอบหน้าครับ เรามาเน้นที่อาหารกันก่อน

พี่เค้าบอกผมว่า เคยแต่ทานชาบูที่กรุงเทพ เคยได้ลองทานชาบูที่นครพนมมั้ยครับ ส่วนตัวผมสายกินอยู่แล้ว ฟังก็ผ่านๆ  ครับ เพราะเราก็สายชาบูมาหลายยี่ห้อพอสมควร และเราก็สายเนื้อด้วย พี่เค้าก็เลยจัดเนื้อชุดใหญ่มาให้เราดังภาพเลยครับ น้ำซุปแยกชัดเจน ก็จะมีชุดหมูมาให้จานใหญ่ 1 จาน สนนราคาเพียง 299 บาท ดูจากรูปการณ์แล้ว อิ่มได้ถึง 4 คนทีเดียว ส่วนตัวผมนั้น เนื้อล้วนนนน ไม่รออะไรทั้งสิ้นครับ จุ่มเนื้อไปในหม้อน้ำดำทันที แกว่งให้พอดีสุก จิ้มกับน้ำจิ้มแบบฉบับของทางโรงแรม พอเข้าปาก คำว่า เนื้อละลายในปากเป็นยังไงก็เพิ่งรู้วันนี้เองหละครับ ก็กินมาหลายสำนัก ก็พอเข้าใจคำนี้มาบ้าง แต่มาที่นี้ เข้าใจคำนี้โดยถ่องแท้ แม่เจ้าโว๊ยยย สารภาพว่า ซัดไปคนเดียว เกือบ 8 ถาด สบายยยยย ท่านใดมาเที่ยวแล้วได้พักที่นี่ อาหารที่นี่ผมถือว่าอร่อยเลยครับเรียกว่า One Stop Service ได้เลยทีเดียว











อิ่มเสร็จ ไปเดินงาน Winter Festival หนาวลม ชมโขง ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นได้ยิ่งใหญ่มากครับ ในสายตาคนกรุงเทพอย่างผม มองไปทางไหนก็ตื่นตาตื่นใจ ผมได้ไปวันที่ 24 ธ.ค ซึ่งเป็นช่วง คริสมาส อีฟ ก็จะเห็น ซานต้าและแซนตี้ น่ารัก ๆ เต็มทุกพื้นที่ และที่สำคัญที่ผมประทับใจมาก ๆ คือ ผู้ใหญ่ที่นี่เยอะมากกกและมางาน ใส่ชุดเหมือนกันน่าจะมาแสดงหน้าเวทีด้วยแบบ รำเป็นหมู่คณะ มีแอบซ้อมข้างเวที เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ภายในงาน จะเต็มไปด้วยของที่ขายหลากหลาย รวมไปถึงร้านที่อยุ่ประจำอยุ่แล้วก็จัดรูปแบบร้านให้เข้ากับ เทศกาล ทำให้ทุกร้านดูคึกคลื้นเข้าไปอีก เดินได้ซักพัก จึงกลับไปพักผ่อนครับ ใจจริงมารอ อุโมงด์ไฟที่เป็นทางเดินยาว แต่เนื่องจากผู้ว่าเดินทางมาเปิด 20.00 นั่นเลยทำให้ผมไม่ได้อยู่รอดู เลยตั้งใจจะมาอีกวันนึงแทน






เช้าวันต่อมา ทางพี่เค้าได้เตรียม รถจักรยานไว้ให้เพื่อปั่นสูดอากาศยามเช้าริมฝั่งโขง ต้องยอมรับเลยว่า อากาศดีจริง ๆ ถนนก็ปลอดโปร่ง ผู้คนยิ้มแย้มให้ระหว่างทาง ผมเข้าใจประโยคนึงที่คนชอบพูดบ่อย ๆ ว่า “ชีวิตบั่นปลายจะไปหาอยู่ต่างจังหวัด” ขึ้นมาในทันที ปั่นให้ตายเหงื่อก็ไม่ออกครับ เพราะอากาศเย็นสบาย แต่ยังไงก็ต้องปั่นกลับมาให้ทันอาหารเช้าของที่นี่เชียวเรียกว่า ห้องราคาประหยัดไม่พอ นี่อาหารเช้าจัดเซ็ตกันแบบ หูตาเหลือกกันเลยทีเดียว









เสร็จสิ้นอาหารเช้า ก็ได้เวลาออกเดินทางไปการทำครก ของทางพื้นที่นี้ จะเห็นว่าแทบทุกบ้านนั้นจะทำครกกันเป็นล่ำเป็นสันกันทุกครัวเรือน เรียกว่าเป็นสินค้า O-Top เลย เพราะฉนั้น รายได้หลักของที่นี่คือการทำครกครับ และยังได้แวะไปท่องเที่ยววัด ในระแวกใกล้เคียงซึ่งมีหลายวัดเลยทีเดียวครับ











เสร็จสิ้นภารกิจวันนี้ ทางพี่ก็ได้ย้ายโรงแรมให้ผมได้ไปพักที่ R-Photo ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก The River  ราว ๆ 2 กิโล ภายในโรงแรมจะเต็มไปด้วย กล้องต่างๆ  นานาชนิดเพื่อให้คล้องกับชื่อโรงแรมที่พี่เค้าได้ให้คำจำกัดความไว้ แต่ละที่ก็จะมีกล้องรุ่นต่างๆ  วางไว้ตามที่ในส่วนของโรงแรม สถานที่ทั้งหมดเรียกว่า เราสามารถที่จะถ่ายรูปได้แทบทุกตารางนิ้วเลยทีเดียว และที่สำคัญ ราคาค่าห้องก็ไม่แพงพร้อมอาหารเช้าแบบ The River เด๊ะ ๆ อันนี้ที่ผม กด Like ให้เลย ที่สำคัญ มีร้านกาแฟอยู่ด้านหน้าโรงแรมติดถนนให้ด้วย ซึ่ง ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาที่ไม่ไ้ด้พักในโรงแรมก็สามารถที่จะแวะมาทานกาแฟได้ นั่งชิวได้ เรียกว่ามาได้ทุกวันเลยทีเดียว สำหรับขนมปังทางร้านกาแฟก็มีที่ทำอยู่ด้านหลังด้วย ทางพี่ก็ได้ให้ผมเข้าไปดูด้านในด้วยครับ พิถีพิถันมาก  เลยได้ลองสั่งกาแฟ โกโก้ และขนมเค๊ก มาทาน รสชาติ โดยรวมเรียกว่ากลมกล่อมและอร่อยมากครับ เรียกว่าติดอันดับ ท๊อป ๆ ของกรุงเทพได้หลายแบรนด์เลย
















ตื่นเช้ามาอีกวัน แม่น้ำโขงดูแห้งเหมาะแก่การไปเดินเล่นมาก แต่ร้อนน่าดู พี่เลยนำ ​ATV มาให้ผมคันนึงเพื่อนำไปขับเล่น กลางแม่น้ำโขงเลย วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ชิว ๆ เพื่อรอตอนเย็นไปเดินงาน Winter อีก


วันนี้มาลงตรง พญาศรีสัตตนาคราช  เป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน  พญาศรีสัตตนาคราช มีความเด่นสง่าเพราะมี 7 เศียร ลำตัวเดียว   ซึ่งต่างร่ำลือว่า หากใครมาขอพรหรือบนบานองค์พญาศรีสัตตนาคราช อาจสัมฤทธิ์ผลเพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์  ระหว่างที่เรากำลังขอพร และถ่ายรูปกันอยู่นั้น นับเป็นโชคดีมากครับ ที่ได้เจอผู้ว่าคนใหม่ของจังหวัดนครพนม ที่ได้ข่าวว่า ยังหนุ่มและหล่อ สมคำร่ำลือจริง ๆ และหว่างเดินเข้างาน ก็ได้เจอกับ เซเว่นที่อลังการงานสร้างจริงๆ เพราะมีถึง 3 ชั้น ผมเลยเดินเล่นดูซะเลย สวยงามมากครับ เรามาในช่วงของคริสมาสต์ ภายในงานก็จะเห็น ผู้ปกครองจูงเด็กที่แต่งตัวกันมาอย่างน่ารักครับ