เรื่องมีอยู่ว่า โทรไปนัดเสริมจมูกที่คลีนิคแห่งนึงซึ่ง(เคยพาเพื่อนไปศัลยกรรมมาแต่นานมากแล้ว8-9ปีได้)
เราจึงเห็นผลงานจากเพื่อนเราๆว่าก็โอเคนะ
ทางคลีนิคนัดเราเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมาเราก็ทำตามจั้นตอนที่ทางคลีนิคบอกทุกขั้นตอน
แต่มีบีบสิวบริเวณโหนกแก้มด้าขวาจึงเป็นลักษณะช้ำๆ
วันที่หมอนัดเป็นวันธรรมดามีคิวก่อนหน้าน่าจะประมาณ2คิวค่ะ หนูก็ยื่นบัตรตามที่พนักงานที่เคาจ์เตอร์บอก และรอคิว ทางคลีนิคเชิญขึ้นไปพบกับหมอท่านนึงเป็นผู้หญิงค่ะเพื่อวิเคราห์โครงสร้างจมูกของเรา แวบแรกคุณหมอทำหน้าแปลกใจ อาจเป็นเพราะแผลที่บีบสิวก็ได้ค่ะ
คุณหมอวิเคราะห์ว่าเราจมูกมีฮัมปลายจมูกเบี้ยวไปทางขวาเล็กน้อย ถ้าจะเสริมคงจะไม่ตรงแน่นอน
และก็ถามว่าเราฉีดเราน้ำมันหรือสารอื่นๆรึเปล่าเราไม่เคยฉีดอะไรตรงจมูกเลยค่ะ คุณหมอพูดให้เรารู้สึกค่อนข้างแย่นิดๆค่ะ คุณหมอบอกไว้คุยกับคุณหมอศัลยกรรมชายอีกทีว่าเค้าจะผ่าตัดให้หรือไม่
แต่คุณหมอไม่ถามเลยค่ะว่าที่มาอยากจะได้อะไรให้เราเข้าใจหมออย่างเดียว ซึ่งแอบบ่นเรื่องแผลเชิงสกปรกเลยค่ะเข้าใจค่ะว่ามันดูแบบนั้นจริงๆ ตอนเดินลงมารอความรู้สึก ติด---- ระดับนึง
(ต้องอธิบายก่อนค่ะที่เรามาเสริมจมูกก็เพราะว่าช่วงปลายจมูกงุ้มลงมาช่วงวัยรุ่นไม่ค่อยคิดมากเท่าไหร่พออายุเริ่มมากส่วนปลายก็เริ่มตกมากยิ่งขึ่นแต่พื้นฐานสันจมูกโด่งอยู่พอสมควรค่ะ)
สักครู่ก็มีคุณหมอเรียกเข้าพบ แว๊บเเรกสีหน้าเช่นกันกับคุณหมอเมื่อสักครู่เลย และคุณหมอหยิบกระดาษโน๊ตแผ่นนึงขึ้นมา. อ่านสักครู่และพูดแบบเดียวกันดั่งเช่นก๊อปปี้คำพูดมากันเลยค่ะ คุณหมอบอกเสริมมาปลายจะเบี้ยวนะ เราก็พยักหน้า เสริมมาอาจะไม่สวยนะเร่ก็พยักหน้า คุณหมอบอกจะเสริมหรอ??????
เราบอกหนูยืนยันที่จะเสริมค่ะเพราะช่วงปลายงุ้มลงมาส่วนความโด่งไม่ขอโด่งมากค่ะ
เราดันเผลอพูดว่าอยากได้ทรง สโลปปลายหยดน้ำ ซึ้งตอนนั้นแค่อยากจะบอกเจตจำนงที่มาค่ะ คุนหมอหยิบแท่งซิลิโคนมา สรุปว่าคุณหมอเป็นแบบเหลาสดค่ะเราก็ตกใจ คุณหมอเริ่มพูดเรื่องจมูกติดลบขึ้นเรื่อยๆ
และตัดบทหยิบเอกสารเราและยื่นให้สีหน้ายิ้มๆ
เราอายมากค่ะ. อายที่เรื่องแบบนี้จะเกิดกับเรา
อายที่จมูกเราแย่ถึงกับสถาบันเสริมความงามไม่รับ อายที่ความตั่ฃใจหรือการรอคอยมันพังเมื่อเอกสารอยู่ในมือ
ถ้าเป็นแต่ก่อนร้องไห้แน่นอนค่ะ แต่เราอายจนน้ำตาเราไม่มีจะไหลค่ะ
ตอนนั้นไม่ฟังอะไรใครทั้งนั้นค่ะอยากรีบๆออกจากที่นั้นทันที หนูไม่รู้ว่าเป็นที่จมูกหรือคำพูดหรือแผลหรือเหตุผลที่คุณหมอบอก
แต่ที่เดินทางจากสระบุรีมาค่าใช้จ่ายก็เกิด
เดินทางกลับควักอย่างเร็วให้ถึงบ้านไวที่สุดหน้าไม่แต่งผมไม่หวีจนถึงสระบุรี ใครจะมองจะอะไรไม่สนแล้วค่ะ
อายที่กรุงเทพไม่พอ มาอายกับสภาพแวดล้อมที่ทราบว่าเราจะไปศัลยกรรม.
????ถามว่าทำไมไม่หาคลีนิคอื่น?????
ถ้างบจำกัดจะรู้คำตอบค่ะ ไม่ได้มีเงินมาแบบเลือกคลีนิคไหนก็ได้ และเงินจำนวนนั้นเราใช้กินเดินทางกินแบบไม่สนโลก. แต่ก็ใช้ซื้ออาหารเสริมมาไว้กินกะให้ผิวดีขึ้น (แต่ก็ไม่).
#ไม่รู้จะมีโอกาสศัลยกรรมอีกเมื่อไหร่หรือไม่ก็ไม่มีแล้วมั้งค่ะ#
(ฝังใจค่ะในใจกลายเป็นไม่กล้าแสวงหาอะไรเพิ่มเลยค่ะ)
ที่ออกมาตั่งคำถามไม่ได้จะให้มองคลีนิคเชิงลบนะคะแต่เป็นเพียงเพราะน้อยใจที่เสียโอกาสศัลยกรรมไปค่ะ
แบบนี้เสริมไม่ได้หรือว่ามาผิดที่กันแน่ค่ะ
เราจึงเห็นผลงานจากเพื่อนเราๆว่าก็โอเคนะ
ทางคลีนิคนัดเราเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมาเราก็ทำตามจั้นตอนที่ทางคลีนิคบอกทุกขั้นตอน
แต่มีบีบสิวบริเวณโหนกแก้มด้าขวาจึงเป็นลักษณะช้ำๆ
วันที่หมอนัดเป็นวันธรรมดามีคิวก่อนหน้าน่าจะประมาณ2คิวค่ะ หนูก็ยื่นบัตรตามที่พนักงานที่เคาจ์เตอร์บอก และรอคิว ทางคลีนิคเชิญขึ้นไปพบกับหมอท่านนึงเป็นผู้หญิงค่ะเพื่อวิเคราห์โครงสร้างจมูกของเรา แวบแรกคุณหมอทำหน้าแปลกใจ อาจเป็นเพราะแผลที่บีบสิวก็ได้ค่ะ
คุณหมอวิเคราะห์ว่าเราจมูกมีฮัมปลายจมูกเบี้ยวไปทางขวาเล็กน้อย ถ้าจะเสริมคงจะไม่ตรงแน่นอน
และก็ถามว่าเราฉีดเราน้ำมันหรือสารอื่นๆรึเปล่าเราไม่เคยฉีดอะไรตรงจมูกเลยค่ะ คุณหมอพูดให้เรารู้สึกค่อนข้างแย่นิดๆค่ะ คุณหมอบอกไว้คุยกับคุณหมอศัลยกรรมชายอีกทีว่าเค้าจะผ่าตัดให้หรือไม่
แต่คุณหมอไม่ถามเลยค่ะว่าที่มาอยากจะได้อะไรให้เราเข้าใจหมออย่างเดียว ซึ่งแอบบ่นเรื่องแผลเชิงสกปรกเลยค่ะเข้าใจค่ะว่ามันดูแบบนั้นจริงๆ ตอนเดินลงมารอความรู้สึก ติด---- ระดับนึง
(ต้องอธิบายก่อนค่ะที่เรามาเสริมจมูกก็เพราะว่าช่วงปลายจมูกงุ้มลงมาช่วงวัยรุ่นไม่ค่อยคิดมากเท่าไหร่พออายุเริ่มมากส่วนปลายก็เริ่มตกมากยิ่งขึ่นแต่พื้นฐานสันจมูกโด่งอยู่พอสมควรค่ะ)
สักครู่ก็มีคุณหมอเรียกเข้าพบ แว๊บเเรกสีหน้าเช่นกันกับคุณหมอเมื่อสักครู่เลย และคุณหมอหยิบกระดาษโน๊ตแผ่นนึงขึ้นมา. อ่านสักครู่และพูดแบบเดียวกันดั่งเช่นก๊อปปี้คำพูดมากันเลยค่ะ คุณหมอบอกเสริมมาปลายจะเบี้ยวนะ เราก็พยักหน้า เสริมมาอาจะไม่สวยนะเร่ก็พยักหน้า คุณหมอบอกจะเสริมหรอ??????
เราบอกหนูยืนยันที่จะเสริมค่ะเพราะช่วงปลายงุ้มลงมาส่วนความโด่งไม่ขอโด่งมากค่ะ
เราดันเผลอพูดว่าอยากได้ทรง สโลปปลายหยดน้ำ ซึ้งตอนนั้นแค่อยากจะบอกเจตจำนงที่มาค่ะ คุนหมอหยิบแท่งซิลิโคนมา สรุปว่าคุณหมอเป็นแบบเหลาสดค่ะเราก็ตกใจ คุณหมอเริ่มพูดเรื่องจมูกติดลบขึ้นเรื่อยๆ
และตัดบทหยิบเอกสารเราและยื่นให้สีหน้ายิ้มๆ
เราอายมากค่ะ. อายที่เรื่องแบบนี้จะเกิดกับเรา
อายที่จมูกเราแย่ถึงกับสถาบันเสริมความงามไม่รับ อายที่ความตั่ฃใจหรือการรอคอยมันพังเมื่อเอกสารอยู่ในมือ
ถ้าเป็นแต่ก่อนร้องไห้แน่นอนค่ะ แต่เราอายจนน้ำตาเราไม่มีจะไหลค่ะ
ตอนนั้นไม่ฟังอะไรใครทั้งนั้นค่ะอยากรีบๆออกจากที่นั้นทันที หนูไม่รู้ว่าเป็นที่จมูกหรือคำพูดหรือแผลหรือเหตุผลที่คุณหมอบอก
แต่ที่เดินทางจากสระบุรีมาค่าใช้จ่ายก็เกิด
เดินทางกลับควักอย่างเร็วให้ถึงบ้านไวที่สุดหน้าไม่แต่งผมไม่หวีจนถึงสระบุรี ใครจะมองจะอะไรไม่สนแล้วค่ะ
อายที่กรุงเทพไม่พอ มาอายกับสภาพแวดล้อมที่ทราบว่าเราจะไปศัลยกรรม.
????ถามว่าทำไมไม่หาคลีนิคอื่น?????
ถ้างบจำกัดจะรู้คำตอบค่ะ ไม่ได้มีเงินมาแบบเลือกคลีนิคไหนก็ได้ และเงินจำนวนนั้นเราใช้กินเดินทางกินแบบไม่สนโลก. แต่ก็ใช้ซื้ออาหารเสริมมาไว้กินกะให้ผิวดีขึ้น (แต่ก็ไม่).
#ไม่รู้จะมีโอกาสศัลยกรรมอีกเมื่อไหร่หรือไม่ก็ไม่มีแล้วมั้งค่ะ#
(ฝังใจค่ะในใจกลายเป็นไม่กล้าแสวงหาอะไรเพิ่มเลยค่ะ)
ที่ออกมาตั่งคำถามไม่ได้จะให้มองคลีนิคเชิงลบนะคะแต่เป็นเพียงเพราะน้อยใจที่เสียโอกาสศัลยกรรมไปค่ะ