สวัสดีค่ะ ^^
เป็นกระทู้แรกของป้า อยากจะแบ่งปันเรื่องประสบการณ์การทำบ้านของตัวเอง ตอนสมัยสาวๆ แต่งงานกับสามี เราสองคนก็ปากกัดตีนถีบ (เราปากกัดชาย แต่ชายเอาตีนถีบเรา) เริ่มต้นครอบครัวด้วยกัน ตอนแรกเราปลูกบ้านขนาด100 ตารางเมตร สามห้องนอนสองห้องน้ำ ประมาณ แปดปีก่อน ในราคาเหมาช่าง เหมาอุปกรณ์ งบ ห้าแสนห้าหมื่นค่ะ บ้านอยู่ต่างจังหวัดนะคะ อยู่ชายแดนพม่า ค่าปลูกสร้างอาจจะถูกเพราะคนงานเป็นชาวต่างด้าว
ตอนแรกก็โอเคนะ บ้านหลังเล็กๆ อยู่กันสี่คนพ่อแม่ลูก ลูกสาวสอง แม่กับพ่อ ทีนี้ครอบครัวเราขยายขึ้น
ขยายในที่นี้คือ ตัวเราขยาย สามีก็ตัวขยาย จากหนักรวมกันสองคนร้อยนิดๆ กลายเป็นคนละร้อยนิดๆ แล้วก็มีลูกชายเพิ่มอีกคน
บ้านที่คิดว่าอยู่ได้พอดี มันก็เริ่มคับแคบ แล้วเราอยากได้บ้านที่มีบริเวณกว้างๆ
เป็นหญิงวัยกลางคนทีมีปัญหาเก็บกดมาก อยากได้บ้านแบบฝรั่ง วินเทจ ฟุ้งๆ สีพาสเทลสักหลัง บวกกับเราทำงานอิสระ ฟรีแลนซ์ อยู่ไหนก็ได้ ไม่ยึดติด เลยคิดจะเข้ามาอยู่กรุงเทพกับเขาบ้างไรบ้าง เลยไปตระเวนดูหมู่บ้านจัดสรรที่ปลูกบ้านสไตล์อิงลิชคันทรี่ แต่พอเจอราคาสตาร์ทตรงหกล้านกว่า ก็หอบผ้ากลับมาอยู่ต่างจังหวัดเหมือนเดิมก็ได้ T^T ก็เลยคุยกับสามีว่าเราหาที่ดินสักผืนแล้วปลูกบ้านใหม่กันเถอะ
วันนึงกัลยาณมิตรที่ดีของสามีก็ไปเจอที่ดินผืนนึงเข้า เราเลยจูงมือกันไปดู ทำเลค่อนข้างไกลตัวเมือง เนื้อที่ไร่นิดๆ และราคาดีงามมาก ประมาณสองล้านกว่า และบังเอิญรอบที่สอง เจ้าของที่ดินคือพ่อของเพื่อนสนิทสมัยคอซองของเราเอง สนิทแค่ไหนก็สนิทขั้นที่แอบวิ่งหนียามหน้าโรงเรียนตอนกลางวันด้วยกัน โดดเรียนขี่มอไซค์ไปน้ำตกด้วยกัน แล้วกลับมาโดนพ่อตีด้วยกัน ตอนช่วงมัธยมปลาย
เราก็ต่อรองราคาจนได้ราคาที่เราสู้ไหว อ่อ... ผิด กู้ไหว ... เรายื่นกู้กับทางธนาคารค่ะ ( แต่ทำประกันชีวิตนะ แบบ ส่งครบหนึ่งปีหลังจากตายนี่ บ้านกับที่ลูกผัวไม่ต้องส่งต่อ เงินประกันพอดีค่าบ้านเลย )
พอเราได้ที่ดินที่หมายตาแล้ว เราก็ไปหาแบบบ้านที่ชอบ อย่างที่บอกว่าเราชอบบ้านแนวอิงลิชคันทรี่มาก อยากมีระเบียงไว้นั่งจิบชา มองวิวอะไรแบบนี้ ก็เลยหาแบบบ้านจากในกูเกิ้ลจนเจอแบบบ้านที่ใช่ เราก็เอาแบบไปให้คนรับจ้างเขียนแปลนบ้านค่ะ
ค่าเขียนแปลนของเรา รวมกับค่าขอบ้านเลขที่ด้วยนะคะ เราเสียค่าเขียนไปประมาณสองหมื่นบาท
แล้วเราก็เริ่มดำเนินการถมที่ค่ะ ที่ดินที่เราเลือกเป็นที่นาเก่า เลยต้องถมสูงๆ และต้องลงเสาเข็มกันบ้านทรุด
แล้วจะบอกว่าเราฉลาดก็ได้ ... คนโบราณเตือนไว้ว่าอยากปลูกบ้านหน้าฝน แต่เราดันเริ่มปลูกหน้าฝนพอดี ดินเลยเละมาก เละขนาดที่ว่าเดินลงไปปุ๊บ จมครึ่งน่อง และบอกลารองเท้าได้เลย มันดูดจนดึงขึ้นแทบไม่ได้
แต่เราฉลาด... เราทำสะพาน เวลาลูกน้องคนงานเดินนี่ ตูดบิดกันเลยทีเดียว เดินเรียงกันเป็นแถวเข้าไป จริงๆควรเอาหินก้อนเล็กมาลงเนอะ แต่ว่าฝนยังตกต่อเนื่องแล้วดินมันนิ่มมาก ถ้าถมหินลงไป คนเดิน หินจะจมลงไปหมดค่ะ ไม่แน่น ไม่มีประโยชน์ (และตอนนั้นไม่มีตังค์ด้วย)
เราก็ลงเสาเข็มแล้วก็ตั้งเสาบ้านกันทั้งที่ดินยังเละแบบนั้นเลย
แล้วบ้านก็เริ่มสร้าง ฝนก็ตกตลอด แต่ผู้รับเหมากับคนงานก็เก่งมาก ทำงานกันกลางสายฝนเลย ยกเว้นวันไหนเป็นงานที่ต้องเชื่อม หรือต้องใช้ปลั้กไฟ ถ้าฝนตกก็ต้องขอหยุดงานไปก่อน เราไปดูหน้างานทุกวันนะคะ ก็จะคอยถ่ายภาพเก็บไว้ตลอด
อย่างที่บอกว่าฝนตกตลอด ก็ต้องไต่สะพานเดินเรียงหนึ่งขึ้นลงบ้าน ลำบากนะ แต่หยุดไปดูไหม ... ไม่นะ
ช่วงนั้นฝนเริ่มซาบ้างแล้ว เราก็เอารถไปปรับหน้าดินที่เละๆ ค่ะ แล้วก็เอาหินคลุกมาลง ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกหินพุกหรือหินคลุกนะคะ
เพื่อให้รถยนต์ขนของวัสดุก่อสร้างขับเอาของไปลงหน้าบ้านได้เลย
ขอขมาคนงานพม่าที่ต้องขนทรายใส่รถเข็นแล้วเข็นไปบนไม้กระดานทีละคันก่อนหน้านี้มา ณ ที่นี้ด้วย... ตอนนั้นเราเงินไม่มี รอเงินเดือนออกค่ะ
ฝนซา ดินไม่เละ มีถนนหินแน่นๆให้ คนงานก็เริ่มทำงานได้ไวขึ้น บ้านก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ที่ยืนอ้วนๆตรงรูปเท้าเอวมองบ้านคือสามีเราค่ะ นางจะเป็นคนละเอียดนิด แต่ก่อนเราเหนื่อยกับนิสัยจู้จี้ีขี้จับผิดของนางมาก แต่พอทำบ้านเองปุ๊บ ... เออ นิสัยข้อนี้กลายเป็นเรื่องดีไปเลย เพราะจะสามารถตรวจความเรียบร้อยถูกต้องของบ้านได้
อย่างอันนี้ เหมือนหลังคาจะเบี้ยวค่ะ ก็บอกให้ช่างแก้ไขกันไป
อันนี้สำเร็จไปประมาณ 50%
อันนี้คือ สามีเรา ปีนขึ้นนั่งร้านไปบนหลังคา เพื่อดูว่าช่างปูกระเบื้องหลังคาเรียงเบี้ยวไหม ห่างเกินให้ฝนหยดลงมาได้หรือเปล่า และเก็บรายละเอียดสีดีหรือยัง ปีนแบบไม่เกรงใจน้ำหนักตัวเองกับความบอบบางของนั่งร้านเลยทีเดียว
ภาพจากหลายมุมนะคะ ตอนนี้บ้านเราก็เพิ่งไปได้ประมาณ 80 %
ระเบียงชั้นล่างนี่ เราต้องต่อสู้มาอย่างหนักนะคะ ถึงจะได้มา และสีบ้านก็เช่นกัน ผู้ชายมักไม่เข้าใจคำว่าพาสเทล ...
เสือแดงที่ยืนยิ้มหน้าแป้น คือแม่เราค่ะ
และผู้รับเหมานัดส่งมอบบ้านในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ค่ะ ตอนนี้ภายในก็เริ่มจัดการทาสีรองพื้นไว้แล้ว และเราต้องไปจัดการเรื่องผ้าม่าน ซึ่งเราตั้งใจใช้ลายดอกไม้แบบวินเทจ (ซึ่งผู้ชายเรียกว่าผ้าดอกๆ) เดี๋ยวเราจะมาอัพเดทเพิ่มค่ะ
งบประมาณการสร้างบ้านหลังนี้
ผู้รับเหมาคิดในราคาเหมาอุปกรณ์ทุกสิ่งนะคะ 2,700,000 บาท
253 ตารางเมตรค่ะ สามห้องนอน สามห้องน้ำ
แต่เราจ่ายเพิ่มในส่วนของสิ่งที่เราอยากได้เพิ่มเอง เช่น วอลเปเปอร์ โดยก็ไปลดหย่อนค่าสีที่ไม่ต้องทากับทางผู้รับเหมา เราอยากได้โคมไฟแบบไหน เราสั่งจากเพจของรุ่นน้องที่น่ารักคนนึง (เดี๋ยวเรามาอัพเดทรูปกับชี้เป้าให้ เผื่อใครอยากได้โคมแบบเรานะคะ )
เดี๋ยวมาต่อค่ะ ขอเอาตัวเล็กไปกินข้าวแล้วก็นอนก่อน
ประสบการณ์ทำบ้านในฝันของป้ากลางคนวัยฟุ้ง
เป็นกระทู้แรกของป้า อยากจะแบ่งปันเรื่องประสบการณ์การทำบ้านของตัวเอง ตอนสมัยสาวๆ แต่งงานกับสามี เราสองคนก็ปากกัดตีนถีบ (เราปากกัดชาย แต่ชายเอาตีนถีบเรา) เริ่มต้นครอบครัวด้วยกัน ตอนแรกเราปลูกบ้านขนาด100 ตารางเมตร สามห้องนอนสองห้องน้ำ ประมาณ แปดปีก่อน ในราคาเหมาช่าง เหมาอุปกรณ์ งบ ห้าแสนห้าหมื่นค่ะ บ้านอยู่ต่างจังหวัดนะคะ อยู่ชายแดนพม่า ค่าปลูกสร้างอาจจะถูกเพราะคนงานเป็นชาวต่างด้าว
ตอนแรกก็โอเคนะ บ้านหลังเล็กๆ อยู่กันสี่คนพ่อแม่ลูก ลูกสาวสอง แม่กับพ่อ ทีนี้ครอบครัวเราขยายขึ้น
ขยายในที่นี้คือ ตัวเราขยาย สามีก็ตัวขยาย จากหนักรวมกันสองคนร้อยนิดๆ กลายเป็นคนละร้อยนิดๆ แล้วก็มีลูกชายเพิ่มอีกคน
บ้านที่คิดว่าอยู่ได้พอดี มันก็เริ่มคับแคบ แล้วเราอยากได้บ้านที่มีบริเวณกว้างๆ
เป็นหญิงวัยกลางคนทีมีปัญหาเก็บกดมาก อยากได้บ้านแบบฝรั่ง วินเทจ ฟุ้งๆ สีพาสเทลสักหลัง บวกกับเราทำงานอิสระ ฟรีแลนซ์ อยู่ไหนก็ได้ ไม่ยึดติด เลยคิดจะเข้ามาอยู่กรุงเทพกับเขาบ้างไรบ้าง เลยไปตระเวนดูหมู่บ้านจัดสรรที่ปลูกบ้านสไตล์อิงลิชคันทรี่ แต่พอเจอราคาสตาร์ทตรงหกล้านกว่า ก็หอบผ้ากลับมาอยู่ต่างจังหวัดเหมือนเดิมก็ได้ T^T ก็เลยคุยกับสามีว่าเราหาที่ดินสักผืนแล้วปลูกบ้านใหม่กันเถอะ
วันนึงกัลยาณมิตรที่ดีของสามีก็ไปเจอที่ดินผืนนึงเข้า เราเลยจูงมือกันไปดู ทำเลค่อนข้างไกลตัวเมือง เนื้อที่ไร่นิดๆ และราคาดีงามมาก ประมาณสองล้านกว่า และบังเอิญรอบที่สอง เจ้าของที่ดินคือพ่อของเพื่อนสนิทสมัยคอซองของเราเอง สนิทแค่ไหนก็สนิทขั้นที่แอบวิ่งหนียามหน้าโรงเรียนตอนกลางวันด้วยกัน โดดเรียนขี่มอไซค์ไปน้ำตกด้วยกัน แล้วกลับมาโดนพ่อตีด้วยกัน ตอนช่วงมัธยมปลาย
เราก็ต่อรองราคาจนได้ราคาที่เราสู้ไหว อ่อ... ผิด กู้ไหว ... เรายื่นกู้กับทางธนาคารค่ะ ( แต่ทำประกันชีวิตนะ แบบ ส่งครบหนึ่งปีหลังจากตายนี่ บ้านกับที่ลูกผัวไม่ต้องส่งต่อ เงินประกันพอดีค่าบ้านเลย )
พอเราได้ที่ดินที่หมายตาแล้ว เราก็ไปหาแบบบ้านที่ชอบ อย่างที่บอกว่าเราชอบบ้านแนวอิงลิชคันทรี่มาก อยากมีระเบียงไว้นั่งจิบชา มองวิวอะไรแบบนี้ ก็เลยหาแบบบ้านจากในกูเกิ้ลจนเจอแบบบ้านที่ใช่ เราก็เอาแบบไปให้คนรับจ้างเขียนแปลนบ้านค่ะ
ค่าเขียนแปลนของเรา รวมกับค่าขอบ้านเลขที่ด้วยนะคะ เราเสียค่าเขียนไปประมาณสองหมื่นบาท
แล้วเราก็เริ่มดำเนินการถมที่ค่ะ ที่ดินที่เราเลือกเป็นที่นาเก่า เลยต้องถมสูงๆ และต้องลงเสาเข็มกันบ้านทรุด
แล้วจะบอกว่าเราฉลาดก็ได้ ... คนโบราณเตือนไว้ว่าอยากปลูกบ้านหน้าฝน แต่เราดันเริ่มปลูกหน้าฝนพอดี ดินเลยเละมาก เละขนาดที่ว่าเดินลงไปปุ๊บ จมครึ่งน่อง และบอกลารองเท้าได้เลย มันดูดจนดึงขึ้นแทบไม่ได้
แต่เราฉลาด... เราทำสะพาน เวลาลูกน้องคนงานเดินนี่ ตูดบิดกันเลยทีเดียว เดินเรียงกันเป็นแถวเข้าไป จริงๆควรเอาหินก้อนเล็กมาลงเนอะ แต่ว่าฝนยังตกต่อเนื่องแล้วดินมันนิ่มมาก ถ้าถมหินลงไป คนเดิน หินจะจมลงไปหมดค่ะ ไม่แน่น ไม่มีประโยชน์ (และตอนนั้นไม่มีตังค์ด้วย)
เราก็ลงเสาเข็มแล้วก็ตั้งเสาบ้านกันทั้งที่ดินยังเละแบบนั้นเลย
แล้วบ้านก็เริ่มสร้าง ฝนก็ตกตลอด แต่ผู้รับเหมากับคนงานก็เก่งมาก ทำงานกันกลางสายฝนเลย ยกเว้นวันไหนเป็นงานที่ต้องเชื่อม หรือต้องใช้ปลั้กไฟ ถ้าฝนตกก็ต้องขอหยุดงานไปก่อน เราไปดูหน้างานทุกวันนะคะ ก็จะคอยถ่ายภาพเก็บไว้ตลอด
อย่างที่บอกว่าฝนตกตลอด ก็ต้องไต่สะพานเดินเรียงหนึ่งขึ้นลงบ้าน ลำบากนะ แต่หยุดไปดูไหม ... ไม่นะ
ช่วงนั้นฝนเริ่มซาบ้างแล้ว เราก็เอารถไปปรับหน้าดินที่เละๆ ค่ะ แล้วก็เอาหินคลุกมาลง ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกหินพุกหรือหินคลุกนะคะ
เพื่อให้รถยนต์ขนของวัสดุก่อสร้างขับเอาของไปลงหน้าบ้านได้เลย
ขอขมาคนงานพม่าที่ต้องขนทรายใส่รถเข็นแล้วเข็นไปบนไม้กระดานทีละคันก่อนหน้านี้มา ณ ที่นี้ด้วย... ตอนนั้นเราเงินไม่มี รอเงินเดือนออกค่ะ
ฝนซา ดินไม่เละ มีถนนหินแน่นๆให้ คนงานก็เริ่มทำงานได้ไวขึ้น บ้านก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ที่ยืนอ้วนๆตรงรูปเท้าเอวมองบ้านคือสามีเราค่ะ นางจะเป็นคนละเอียดนิด แต่ก่อนเราเหนื่อยกับนิสัยจู้จี้ีขี้จับผิดของนางมาก แต่พอทำบ้านเองปุ๊บ ... เออ นิสัยข้อนี้กลายเป็นเรื่องดีไปเลย เพราะจะสามารถตรวจความเรียบร้อยถูกต้องของบ้านได้
อย่างอันนี้ เหมือนหลังคาจะเบี้ยวค่ะ ก็บอกให้ช่างแก้ไขกันไป
อันนี้สำเร็จไปประมาณ 50%
อันนี้คือ สามีเรา ปีนขึ้นนั่งร้านไปบนหลังคา เพื่อดูว่าช่างปูกระเบื้องหลังคาเรียงเบี้ยวไหม ห่างเกินให้ฝนหยดลงมาได้หรือเปล่า และเก็บรายละเอียดสีดีหรือยัง ปีนแบบไม่เกรงใจน้ำหนักตัวเองกับความบอบบางของนั่งร้านเลยทีเดียว
ภาพจากหลายมุมนะคะ ตอนนี้บ้านเราก็เพิ่งไปได้ประมาณ 80 %
ระเบียงชั้นล่างนี่ เราต้องต่อสู้มาอย่างหนักนะคะ ถึงจะได้มา และสีบ้านก็เช่นกัน ผู้ชายมักไม่เข้าใจคำว่าพาสเทล ...
เสือแดงที่ยืนยิ้มหน้าแป้น คือแม่เราค่ะ
และผู้รับเหมานัดส่งมอบบ้านในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ค่ะ ตอนนี้ภายในก็เริ่มจัดการทาสีรองพื้นไว้แล้ว และเราต้องไปจัดการเรื่องผ้าม่าน ซึ่งเราตั้งใจใช้ลายดอกไม้แบบวินเทจ (ซึ่งผู้ชายเรียกว่าผ้าดอกๆ) เดี๋ยวเราจะมาอัพเดทเพิ่มค่ะ
งบประมาณการสร้างบ้านหลังนี้
ผู้รับเหมาคิดในราคาเหมาอุปกรณ์ทุกสิ่งนะคะ 2,700,000 บาท
253 ตารางเมตรค่ะ สามห้องนอน สามห้องน้ำ
แต่เราจ่ายเพิ่มในส่วนของสิ่งที่เราอยากได้เพิ่มเอง เช่น วอลเปเปอร์ โดยก็ไปลดหย่อนค่าสีที่ไม่ต้องทากับทางผู้รับเหมา เราอยากได้โคมไฟแบบไหน เราสั่งจากเพจของรุ่นน้องที่น่ารักคนนึง (เดี๋ยวเรามาอัพเดทรูปกับชี้เป้าให้ เผื่อใครอยากได้โคมแบบเรานะคะ )
เดี๋ยวมาต่อค่ะ ขอเอาตัวเล็กไปกินข้าวแล้วก็นอนก่อน