บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/38528042
เธอเป็นเพียงตัวละครในเกมอย่างนั้นหรือ?
.....................
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ปลายสายปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้เรื่องเวลาและตัวเลข ว่ามันคลาดเคลื่อนกันตั้งหลายปี
“ขะ... ค่ะ” หญิงสาวตอบรับไปแบบอัตโนมัติ คิดว่ามันอาจเป็นเกมพิศวงสลับมิติ หรืออะไรก็ตาม มีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ เกมประหลาดทำให้มีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ สามารถโทรหากันข้ามเวลาได้หรืออย่างไร บรรยากาศบ้านเมืองที่เขาเล่ามา ก็มีแต่เรื่องไม่เคยอยู่ในความคาดหมายทั้งนั้น
ถ้าเรื่องของเวลาเหลื่อมล้ำกันจริง เวลาห้าปี สภาพผู้คน สังคม บ้านเมืองไม่น่าจะแตกต่างกันมากมายอย่างที่เขาเล่าให้ฟังเลย จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ หรือว่าเป็นการโกหกด้วยจุดประสงค์บางอย่าง เธอได้แต่ร่ำร้องสงสัยอยู่ในใจแต่กลับไม่กล้าเอ่ยออกมาเป็นคำพูด
“คุณโทรเข้าเครื่องฉันด้วยหมายเลขอะไรคะ” เธอถามเพื่อให้แน่ใจ
“ผมจำได้ดีเลยละครับ ท่องจนขึ้นใจ หมายเลข......”
พอเสียงของเขาบอกหมายเลขสิบห้าหลักที่ใช้ในการโทรเข้า ทำให้หญิงสาวรู้ว่าสมมุติฐานตัวเองถูกต้อง เพราะว่านั่นไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์ของเธอเลยสักนิด มันเป็นไปได้อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งสับสนไม่เข้าใจจนดูเหมือนคู่สนทนาจะสังเกตได้
“ผมว่า... คุณคงฟังผมจนเหนื่อย ดูสิ หน้าซีดลงไปทุกทีแล้ว เอาอย่างนี้ ผมจะไม่รบกวนแล้วก็ได้ เอาไว้ผมค่อยโทรมาใหม่วันหลังดีกว่าไหมครับ”
ระหว่างที่เขาพยายามผูกไมตรี เสียงเคาะประตูก็ดังสามหน เป็นจังหวะที่รู้กันเฉพาะกับเพื่อนสนิท แถมด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดของเพื่อนรักดังอยู่หน้าห้อง อย่างไม่มีการออมเสียงสมกับชื่อแจ๋นอย่างที่สุด
“บัวจ๋า... ถ้าได้ยินเสียงนี้ รีบมาเปิดประตูให้แจ๋นทีนะจ๊ะ อย่าปล่อยให้เพื่อนเลิฟรอนานนักล่ะ”
“ค่ะ มีคนมาพอดี ถ้าคุณไม่รังเกียจฉัน เอาไว้เราคุยกันใหม่วันหลังนะคะ”
นึกตำหนิตัวเองที่พูดเหมือนทอดสะพานให้ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจก่อนจะบอก “ครับ ได้ครับ” แล้วค่อยวางสาย
สโรชินลุกไปเปิดประตูให้เพื่อน แจ๋นโผล่หน้าเข้ามายิ้มละไมสวมกอดเธอเบาๆ
“มาทำไมจ๊ะ...มืดค่ำแล้ว” จริงๆไม่ใช่คำถาม เธอรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงจึงแวะมาดู
“พอดีแจ๋นมาทำธุระแถวนี้ เลยแวะมาหา มาดูว่าหล่อนซ่อนผู้ชายไว้หรือเปล่า เอามาแบ่งให้เพื่อนบ้าง”
“แจ๋นก็... คนตาบอดอย่างเรา จะเอาผู้ชายไปซุกไว้ที่ไหน”
“โถๆๆ แจ๋นล้อเล่นน่า บัวก็... แจ๋นอยากให้บัวหายไวๆ จะได้ดูตัวเองในกระจกได้ ว่าจริงๆบัวน่ารักขนาดไหน ตกลงไม่มีอะไรใช่ไหม ที่บอกว่าเหมือนมีคนมาแอบดูน่ะ เขาไม่โทรมาอีกแล้วใช่ไหม”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ขอบใจนะ ที่เป็นห่วง” สโรชินตอบไม่ตรงคำถาม
“แน่นะ”
“อื้ม…” หญิงสาวยิ้มจืดๆพยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง นึกว่ายังไม่เล่าดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนรักหาว่าเสียสติจะยุ่งกันใหญ่ และอาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะกำลังแอบมองเธอคุยอยู่กับเพื่อนก็ได้
“แต่แจ๋นมาก็ดี บัวจะได้มีเพื่อนพาไปกินข้าว มื้อเย็นนี้ให้บัวเลี้ยงนะ ป่ะเราไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่า”
“จ้า จ้า” แจ๋นว่าพลางเอามือเธอไปคล้องแขน ชวนเธอออกไปข้างนอก สโรชินลอบถอนหายใจเมื่อปิดประตูห้องพัก ใจหนึ่งโล่งอกที่หลุดพ้นสายตาของเขามาเสียได้ แต่อีกใจหนึ่งกลับพะวักพะวงอย่างประหลาด
เธอยังอยากคุยกับสักกะอีกหลายอย่าง แต่กลับลืมถามหาวิธีติดต่อเขาเสียได้!แบบนี้คงได้แต่รอการติดต่อกลับมาเท่านั้น
แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะคิดแล้วรอให้เขาเป็นฝ่ายติดต่อมาดูจะเหมาะสมมากกว่า
ผมไม่ได้รังเกียจคุณจริงๆ คุณอ่านใจผมผิดเพราะระยะทางแน่ๆ เอาอย่างนี้ไหม ผมจะให้คุณพิสูจน์กันต่อหน้าว่าผมไม่ได้รังเกียจคุณเลยสักนิด บอกมาสิครับว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาคุณ เพื่อยืนยันคำพูดของผมด้วยตัวผมเอง”
ไปหาเธอ... นั่นพูดไปเพราะความเมาหรือเปล่า..ไปหาตัวละครผู้อยู่ในเกมอันน่าพิศวงและเหลือเชื่อ...พอพูดออกไปแล้วเขาก็รู้สึกผิดที่ออกปากในเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ แม้จะเริ่มแน่ใจว่าไม่ได้ตั้งใจหลอกหรือโกหกอะไรเธอเลยสักนิด เพียงแต่รู้สึกว่าอะไรๆ มันยังไม่ลงตัวหรือเข้าที่เข้าทางเท่านั้น แล้วจะไปหาเธอด้วยวิธีใดแบบไหนกันเล่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากการพูดคุยกันอย่างผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น เขาก็เริ่มแน่ใจว่าตัวเองหลงเสน่ห์หญิงสาวคนนี้เข้าให้แล้วจริงๆ เป็นความรู้สึกพิเศษอย่างไม่เคยรู้สึกกับสาวคนไหนมาก่อน มันมีส่วนผสมหลายอย่าง ทั้งความเป็นห่วงกังวล คิดถึง หวังดีและความสุขกับการได้คิดถึงห่วงหา
“...ถ้าคุณไม่รังเกียจฉัน เอาไว้เราคุยกันใหม่วันหลังนะคะ”
เสียงนั้นตกประหม่าในตอนท้าย สักกะมองเธออยู่ในทุกอิริยาบถขณะคุยโทรศัพท์ คงใจอ่อนบ้างแล้วล่ะ แต่อย่ารุกคืบเร็วเกินไปนัก บอกตัวเองแล้วหัวเราะเบาๆก่อนตอบ
“ครับ ได้ครับ”
หลังวางสายมองเห็นหญิงสาวออกไปเปิดประตูรับเพื่อนแล้วพากันออกไปข้างนอก เธอไม่อยู่ในห้องพักก็คงไม่มีประโยชน์อะไรมากนักในการมานั่งดูห้องอันปราศจากผู้คน ชายหนุ่มเองก็ผละไปทำธุระส่วนตัวโดยยังคงเปิดคอมพิวเตอร์ค้างเอาไว้ก่อนเข้านอนเก็บแรงไว้ในวันรุ่งขึ้น คงจะได้เจออะไรดีกว่าเดิมบ้างล่ะน่า
"คนทรยศ คนหลายใจ..."
สักกะหันขวับไปตามเสียง จิล วาเลนไทน์ เอด้า วอง และสาวสวยจากเกมสยองขวัญแนวซอมบี้สุดดัง หลายคน กำลังเล็งอาวุธประจำตัวของพวกเธอตรงมา และอยู่ข้างๆตำรวจสาวลาร่า ครอฟท์ สาวเซ็กซี่แห่งเกมดังในอดีตจนกลายเป็นมาเป็นหนังแอ๊คชั่นผจญภัย ทูม เรเดอร์หลายต่อหลายภาค ก็กำลังเล็งปืนกลอูซี่ในมือตรงมาเช่นกัน วินาทีต่อมาเสียงปืนหลายกระบอกก็แข่งกันแผดเสียงกึกก้องถี่ยิบชนิดไม่นับ
“โอ้ย...!” สักกะผวาตื่น เพราะเสียงร้องของตัวเอง นั่งงงอยู่บนเตียงนอนพักหนึ่ง ความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ยังคงแผ่ซ่านอยู่หน้าอก ลุกขึ้นมาปรับตัวสักพักค่อยรู้ว่าเสียงปืนในความฝันความจริงเป็นเพียงเสียงนาฬิกาปลุกกำลังทำหน้าที่ทำให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันน่ากลัว
ทำไมสาวๆ ถึงได้ใจร้ายขนาดนี้
“บ้าชิบ...” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดปุ่มหยุดเสียงกรีดร้องของนาฬิกาปลุก ส่ายหัวไปมาให้กับความผิดพลาดของตัวเอง ความจริงไม่เห็นจำเป็นต้องตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าแบบนี้เลย ในเมื่อไม่มีงานทำ ก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนตื่นขึ้นมาพบกับความวุ่นวายของชีวิตและสังคมเลยสักนิด
ไม่นะ..สักกะคิดในใจ ผมไม่ได้หลายใจนะ จิลครับ เอด้าครับ ลาร่าครับ ผมมีใจเดียว สโรชินยังไงละ
นี่เขาเป็นอะไรไปแล้ว
สโรชิน...ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในความฝันเลื่อนลอยเหมือนตัวละครอื่นๆ แต่เป็นความจริงที่เขาอยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาพบเธอตั้งแต่ตื่นนอน นอกจากเธอจะมาวุ่นวายอยู่ในความรู้สึกนึกคิดแล้ว ก็ยังทำให้ชีวิตประจำวันและพฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมด้วย กลายเป็นคนมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เหมือนมีแรงบันดาลใจพิเศษ จากการตะลอนเดินหางานอย่างซังกะตายไปวันๆ กลายเป็นคนมีแรงจูงใจ มีเป้าหมายของชีวิตมากขึ้น ไม่อยากปล่อยให้ชีวิตไหลเอื่อยไปตามกระแสแห่งชะตากรรมแบบไร้จุดหมาย เขาเคยมองเห็นภาพตัวเองนอนตายอย่างโดดเดี่ยวในห้องตามลำพัง หลายครั้งที่ไม่รู้สึกแคร์กับภาพแบบนี้
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองอ่อนล้าและท้อถอยกับชีวิตถึงขีดสุด ก็คิดว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดี ตายไปซะก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องทุกข์ร้อนดิ้นรนต่อไป แต่เมื่อผู้หญิงพิศวงชื่อสโรชินมาปรากฏในชีวิตที่เหลือ สักกะก็ไม่อยากเห็นภาพตัวเองนอนตายอยู่เพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างต่อไปอีกแล้ว จะต้องมีงานทำ มีเงินมาจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าไฟฟ้า ถ้าถูกตัดไฟฟ้าเขาจะติดต่อกับเธอได้อย่างไร แค่คิดก็ใจหาย
สักกะเดินไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ ภาพในจอเป็นมุมมองเฉียงลงไปเห็นห้องนั่งเล่น ไม่มีวี่แววว่าสโรชินนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรด เมนูทำอาหารไม่ปรากฏให้เห็นบนหน้าจอ เออ...กวนประสาทดีนะแก...ได้แต่นึกบ่นในใจ เจ้าเกมพิศวงดูเหมือนว่าจะคอยควบคุมบงการคนเล่นให้ทำตามที่มันต้องการ มากกว่าจะให้คนเล่นเกมควบคุมมันเสียอีก
บางทีเช้าวันนี้มันอาจอยากให้หญิงสาวทำอาหารกินเองก็เป็นได้ รู้สึกหงุดหงิดหัวเสียขึ้นมาทันที ก็หน้าที่ทำอาหารเช้าให้เธอเป็นหน้าที่ของสักกะคนนี้เท่านั้น
ถึงสโรชินจะชำนาญทิศทางพื้นที่ในห้องและคุ้นเคยกับอุปกรณ์ทำครัวมากมายปานใดก็ตาม แต่คนตาบอดทำข้าวปลาอาหารกินเอง อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้ววันนี้เจ้าเกมบ้านี้มันจะต้องการให้เขาทำอะไรอีกถึงไม่ยอมให้ทำอาหาร
ราวกับจะรู้ใจ หน้าจอคอมพิวเตอร์พลันดับวูบลงเหลือแต่ความมืดดำ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะไฟฟ้าดับ แต่ยังเห็นไฟจากตัวเคสคอมพิวเตอร์ติดอยู่เป็นปกติ รวมทั้งเสียงพัดลมระบายความร้อนจากตัวเครื่องยังคงดังสม่ำเสมอ
“แกจะเอายังไงกับฉันอีกฟะ...” สักกะตะโกนใส่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์เสีย
จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเพราะอะไรก็เหลือเดา บนจอคอมพิวเตอร์ปรากฏข้อความสีขาวขึ้นมาอย่างได้อย่างชัดเจนถนัดตา
[...กรุณาออกไปหางานทำ...]
“เฮ้ย...!” ชายหนุ่มอุทานเสียงหลง ปากอ้าตาค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เจ้าเกมบ้ามันปีกกล้าขาแข็ง ถึงกับกล้าออกคำสั่งเขาได้ขนาดนี้ สักกะรู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างทันทีทันใด มันจะมากไปแล้วนะ..!ลองกดปุ่มแป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ดดูโดยหวังว่าข้อความบ้าบอกวนประสาทจะหายไป แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด มิหนำซ้ำคำสั่งนั้นยังเต้นไหวไปมาราวกับว่าจะเยาะเย้ย
“ไอ้บ้า.....แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน” สักกะด่าหน้าจอด้วยอาการหายใจหอบแรง ไม่ได้เหนื่อยกายแต่เหนื่อยใจมากกว่า เขาควรจะเห็นหน้าสโรชินในตอนเช้านี้สักนิดก็ยังดี จะได้เก็บเป็นแรงกายแรงใจในการจัดการให้ร่างกายและวิญญาณอยู่ด้วยกันต่อไป จะได้บันทึกภาพภาพของเธอเก็บไว้ดูเมื่อคิดถึงหรือยามอ่อนล้า แต่เจ้าเกมพิศวงตัดโอกาสและความหวังไปอย่างสิ้นเชิง
[...ไม่ได้สั่ง เป็นการเตือนด้วยความหวังดี...]
ข้อความสีขาวกะพริบโต้ตอบมา ทำให้พูดอะไรไม่ออก มองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง นึกในใจว่าตัวเองกำลังคุยกับโปรแกรมหรือคุยกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกันแน่ จะว่ามีคนเล่นตลกเอาอุปกรณ์สอดแนมแอบมาติดตั้งในห้องพักก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขาไม่ได้มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติขนาดนั้น
“เออ หวังดีก็หวังดี...แต่ให้ฉันได้คุยกับสโรชินสักนิดได้ไหม”
สักกะหันไปอ้อนวอนเจ้าโปรแกรมพิศวงอย่างขอความเห็นใจ เริ่มรู้แล้วว่ามันสามารถรับรู้คำพูดของเขาได้ โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ข้อความลงไปในกล่องข้อความบนจอ ส่วนจะรับรู้คำพูดด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
อิโมติคอนหน้ากลมปรากฏขึ้นพร้อมกับอาการแลบลิ้นล้อเลียนและข้อความ
[...ไม่ได้ เสียใจด้วย...]
“ไอ้คน เอ้ย.. ไอ้โปรแกรมแล้งน้ำใจ คอยดูนะมีโอกาสฉันจะลบแกซะให้เกลี้ยง”
[…ทำแบบนั้นมันเป็นการฆาตกรรมทางโปรแกรม และคุณจะไม่ได้เจอสโรชินอีก..]
“แกนะแก..” สักกะทั้งฉุนทั้งขำ รู้สึกว่าเจ้าเกมพิศวงนี้เหมือนมีชีวิตจิตใจ บางครั้งก็ดูมีอารมณ์ขันอย่างไม่น่าเชื่อ บางทีก็ดูอำมหิตไร้น้ำใจทำตัวเป็นจอมบงการอยู่เสมอ
.
เกมรักพิศวง บทที่ 8 เวลาที่ต่างกัน
https://ppantip.com/topic/38528042
เธอเป็นเพียงตัวละครในเกมอย่างนั้นหรือ?
.....................
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ปลายสายปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้เรื่องเวลาและตัวเลข ว่ามันคลาดเคลื่อนกันตั้งหลายปี
“ขะ... ค่ะ” หญิงสาวตอบรับไปแบบอัตโนมัติ คิดว่ามันอาจเป็นเกมพิศวงสลับมิติ หรืออะไรก็ตาม มีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ เกมประหลาดทำให้มีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ สามารถโทรหากันข้ามเวลาได้หรืออย่างไร บรรยากาศบ้านเมืองที่เขาเล่ามา ก็มีแต่เรื่องไม่เคยอยู่ในความคาดหมายทั้งนั้น
ถ้าเรื่องของเวลาเหลื่อมล้ำกันจริง เวลาห้าปี สภาพผู้คน สังคม บ้านเมืองไม่น่าจะแตกต่างกันมากมายอย่างที่เขาเล่าให้ฟังเลย จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ หรือว่าเป็นการโกหกด้วยจุดประสงค์บางอย่าง เธอได้แต่ร่ำร้องสงสัยอยู่ในใจแต่กลับไม่กล้าเอ่ยออกมาเป็นคำพูด
“คุณโทรเข้าเครื่องฉันด้วยหมายเลขอะไรคะ” เธอถามเพื่อให้แน่ใจ
“ผมจำได้ดีเลยละครับ ท่องจนขึ้นใจ หมายเลข......”
พอเสียงของเขาบอกหมายเลขสิบห้าหลักที่ใช้ในการโทรเข้า ทำให้หญิงสาวรู้ว่าสมมุติฐานตัวเองถูกต้อง เพราะว่านั่นไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์ของเธอเลยสักนิด มันเป็นไปได้อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งสับสนไม่เข้าใจจนดูเหมือนคู่สนทนาจะสังเกตได้
“ผมว่า... คุณคงฟังผมจนเหนื่อย ดูสิ หน้าซีดลงไปทุกทีแล้ว เอาอย่างนี้ ผมจะไม่รบกวนแล้วก็ได้ เอาไว้ผมค่อยโทรมาใหม่วันหลังดีกว่าไหมครับ”
ระหว่างที่เขาพยายามผูกไมตรี เสียงเคาะประตูก็ดังสามหน เป็นจังหวะที่รู้กันเฉพาะกับเพื่อนสนิท แถมด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดของเพื่อนรักดังอยู่หน้าห้อง อย่างไม่มีการออมเสียงสมกับชื่อแจ๋นอย่างที่สุด
“บัวจ๋า... ถ้าได้ยินเสียงนี้ รีบมาเปิดประตูให้แจ๋นทีนะจ๊ะ อย่าปล่อยให้เพื่อนเลิฟรอนานนักล่ะ”
“ค่ะ มีคนมาพอดี ถ้าคุณไม่รังเกียจฉัน เอาไว้เราคุยกันใหม่วันหลังนะคะ”
นึกตำหนิตัวเองที่พูดเหมือนทอดสะพานให้ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจก่อนจะบอก “ครับ ได้ครับ” แล้วค่อยวางสาย
สโรชินลุกไปเปิดประตูให้เพื่อน แจ๋นโผล่หน้าเข้ามายิ้มละไมสวมกอดเธอเบาๆ
“มาทำไมจ๊ะ...มืดค่ำแล้ว” จริงๆไม่ใช่คำถาม เธอรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงจึงแวะมาดู
“พอดีแจ๋นมาทำธุระแถวนี้ เลยแวะมาหา มาดูว่าหล่อนซ่อนผู้ชายไว้หรือเปล่า เอามาแบ่งให้เพื่อนบ้าง”
“แจ๋นก็... คนตาบอดอย่างเรา จะเอาผู้ชายไปซุกไว้ที่ไหน”
“โถๆๆ แจ๋นล้อเล่นน่า บัวก็... แจ๋นอยากให้บัวหายไวๆ จะได้ดูตัวเองในกระจกได้ ว่าจริงๆบัวน่ารักขนาดไหน ตกลงไม่มีอะไรใช่ไหม ที่บอกว่าเหมือนมีคนมาแอบดูน่ะ เขาไม่โทรมาอีกแล้วใช่ไหม”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ขอบใจนะ ที่เป็นห่วง” สโรชินตอบไม่ตรงคำถาม
“แน่นะ”
“อื้ม…” หญิงสาวยิ้มจืดๆพยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง นึกว่ายังไม่เล่าดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนรักหาว่าเสียสติจะยุ่งกันใหญ่ และอาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะกำลังแอบมองเธอคุยอยู่กับเพื่อนก็ได้
“แต่แจ๋นมาก็ดี บัวจะได้มีเพื่อนพาไปกินข้าว มื้อเย็นนี้ให้บัวเลี้ยงนะ ป่ะเราไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่า”
“จ้า จ้า” แจ๋นว่าพลางเอามือเธอไปคล้องแขน ชวนเธอออกไปข้างนอก สโรชินลอบถอนหายใจเมื่อปิดประตูห้องพัก ใจหนึ่งโล่งอกที่หลุดพ้นสายตาของเขามาเสียได้ แต่อีกใจหนึ่งกลับพะวักพะวงอย่างประหลาด
เธอยังอยากคุยกับสักกะอีกหลายอย่าง แต่กลับลืมถามหาวิธีติดต่อเขาเสียได้!แบบนี้คงได้แต่รอการติดต่อกลับมาเท่านั้น
แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะคิดแล้วรอให้เขาเป็นฝ่ายติดต่อมาดูจะเหมาะสมมากกว่า
ผมไม่ได้รังเกียจคุณจริงๆ คุณอ่านใจผมผิดเพราะระยะทางแน่ๆ เอาอย่างนี้ไหม ผมจะให้คุณพิสูจน์กันต่อหน้าว่าผมไม่ได้รังเกียจคุณเลยสักนิด บอกมาสิครับว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาคุณ เพื่อยืนยันคำพูดของผมด้วยตัวผมเอง”
ไปหาเธอ... นั่นพูดไปเพราะความเมาหรือเปล่า..ไปหาตัวละครผู้อยู่ในเกมอันน่าพิศวงและเหลือเชื่อ...พอพูดออกไปแล้วเขาก็รู้สึกผิดที่ออกปากในเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ แม้จะเริ่มแน่ใจว่าไม่ได้ตั้งใจหลอกหรือโกหกอะไรเธอเลยสักนิด เพียงแต่รู้สึกว่าอะไรๆ มันยังไม่ลงตัวหรือเข้าที่เข้าทางเท่านั้น แล้วจะไปหาเธอด้วยวิธีใดแบบไหนกันเล่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากการพูดคุยกันอย่างผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น เขาก็เริ่มแน่ใจว่าตัวเองหลงเสน่ห์หญิงสาวคนนี้เข้าให้แล้วจริงๆ เป็นความรู้สึกพิเศษอย่างไม่เคยรู้สึกกับสาวคนไหนมาก่อน มันมีส่วนผสมหลายอย่าง ทั้งความเป็นห่วงกังวล คิดถึง หวังดีและความสุขกับการได้คิดถึงห่วงหา
“...ถ้าคุณไม่รังเกียจฉัน เอาไว้เราคุยกันใหม่วันหลังนะคะ”
เสียงนั้นตกประหม่าในตอนท้าย สักกะมองเธออยู่ในทุกอิริยาบถขณะคุยโทรศัพท์ คงใจอ่อนบ้างแล้วล่ะ แต่อย่ารุกคืบเร็วเกินไปนัก บอกตัวเองแล้วหัวเราะเบาๆก่อนตอบ
“ครับ ได้ครับ”
หลังวางสายมองเห็นหญิงสาวออกไปเปิดประตูรับเพื่อนแล้วพากันออกไปข้างนอก เธอไม่อยู่ในห้องพักก็คงไม่มีประโยชน์อะไรมากนักในการมานั่งดูห้องอันปราศจากผู้คน ชายหนุ่มเองก็ผละไปทำธุระส่วนตัวโดยยังคงเปิดคอมพิวเตอร์ค้างเอาไว้ก่อนเข้านอนเก็บแรงไว้ในวันรุ่งขึ้น คงจะได้เจออะไรดีกว่าเดิมบ้างล่ะน่า
"คนทรยศ คนหลายใจ..."
สักกะหันขวับไปตามเสียง จิล วาเลนไทน์ เอด้า วอง และสาวสวยจากเกมสยองขวัญแนวซอมบี้สุดดัง หลายคน กำลังเล็งอาวุธประจำตัวของพวกเธอตรงมา และอยู่ข้างๆตำรวจสาวลาร่า ครอฟท์ สาวเซ็กซี่แห่งเกมดังในอดีตจนกลายเป็นมาเป็นหนังแอ๊คชั่นผจญภัย ทูม เรเดอร์หลายต่อหลายภาค ก็กำลังเล็งปืนกลอูซี่ในมือตรงมาเช่นกัน วินาทีต่อมาเสียงปืนหลายกระบอกก็แข่งกันแผดเสียงกึกก้องถี่ยิบชนิดไม่นับ
“โอ้ย...!” สักกะผวาตื่น เพราะเสียงร้องของตัวเอง นั่งงงอยู่บนเตียงนอนพักหนึ่ง ความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ยังคงแผ่ซ่านอยู่หน้าอก ลุกขึ้นมาปรับตัวสักพักค่อยรู้ว่าเสียงปืนในความฝันความจริงเป็นเพียงเสียงนาฬิกาปลุกกำลังทำหน้าที่ทำให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันน่ากลัว
ทำไมสาวๆ ถึงได้ใจร้ายขนาดนี้
“บ้าชิบ...” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดปุ่มหยุดเสียงกรีดร้องของนาฬิกาปลุก ส่ายหัวไปมาให้กับความผิดพลาดของตัวเอง ความจริงไม่เห็นจำเป็นต้องตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าแบบนี้เลย ในเมื่อไม่มีงานทำ ก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนตื่นขึ้นมาพบกับความวุ่นวายของชีวิตและสังคมเลยสักนิด
ไม่นะ..สักกะคิดในใจ ผมไม่ได้หลายใจนะ จิลครับ เอด้าครับ ลาร่าครับ ผมมีใจเดียว สโรชินยังไงละ
นี่เขาเป็นอะไรไปแล้ว
สโรชิน...ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในความฝันเลื่อนลอยเหมือนตัวละครอื่นๆ แต่เป็นความจริงที่เขาอยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาพบเธอตั้งแต่ตื่นนอน นอกจากเธอจะมาวุ่นวายอยู่ในความรู้สึกนึกคิดแล้ว ก็ยังทำให้ชีวิตประจำวันและพฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมด้วย กลายเป็นคนมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เหมือนมีแรงบันดาลใจพิเศษ จากการตะลอนเดินหางานอย่างซังกะตายไปวันๆ กลายเป็นคนมีแรงจูงใจ มีเป้าหมายของชีวิตมากขึ้น ไม่อยากปล่อยให้ชีวิตไหลเอื่อยไปตามกระแสแห่งชะตากรรมแบบไร้จุดหมาย เขาเคยมองเห็นภาพตัวเองนอนตายอย่างโดดเดี่ยวในห้องตามลำพัง หลายครั้งที่ไม่รู้สึกแคร์กับภาพแบบนี้
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองอ่อนล้าและท้อถอยกับชีวิตถึงขีดสุด ก็คิดว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดี ตายไปซะก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องทุกข์ร้อนดิ้นรนต่อไป แต่เมื่อผู้หญิงพิศวงชื่อสโรชินมาปรากฏในชีวิตที่เหลือ สักกะก็ไม่อยากเห็นภาพตัวเองนอนตายอยู่เพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างต่อไปอีกแล้ว จะต้องมีงานทำ มีเงินมาจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าไฟฟ้า ถ้าถูกตัดไฟฟ้าเขาจะติดต่อกับเธอได้อย่างไร แค่คิดก็ใจหาย
สักกะเดินไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ ภาพในจอเป็นมุมมองเฉียงลงไปเห็นห้องนั่งเล่น ไม่มีวี่แววว่าสโรชินนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรด เมนูทำอาหารไม่ปรากฏให้เห็นบนหน้าจอ เออ...กวนประสาทดีนะแก...ได้แต่นึกบ่นในใจ เจ้าเกมพิศวงดูเหมือนว่าจะคอยควบคุมบงการคนเล่นให้ทำตามที่มันต้องการ มากกว่าจะให้คนเล่นเกมควบคุมมันเสียอีก
บางทีเช้าวันนี้มันอาจอยากให้หญิงสาวทำอาหารกินเองก็เป็นได้ รู้สึกหงุดหงิดหัวเสียขึ้นมาทันที ก็หน้าที่ทำอาหารเช้าให้เธอเป็นหน้าที่ของสักกะคนนี้เท่านั้น
ถึงสโรชินจะชำนาญทิศทางพื้นที่ในห้องและคุ้นเคยกับอุปกรณ์ทำครัวมากมายปานใดก็ตาม แต่คนตาบอดทำข้าวปลาอาหารกินเอง อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้ววันนี้เจ้าเกมบ้านี้มันจะต้องการให้เขาทำอะไรอีกถึงไม่ยอมให้ทำอาหาร
ราวกับจะรู้ใจ หน้าจอคอมพิวเตอร์พลันดับวูบลงเหลือแต่ความมืดดำ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะไฟฟ้าดับ แต่ยังเห็นไฟจากตัวเคสคอมพิวเตอร์ติดอยู่เป็นปกติ รวมทั้งเสียงพัดลมระบายความร้อนจากตัวเครื่องยังคงดังสม่ำเสมอ
“แกจะเอายังไงกับฉันอีกฟะ...” สักกะตะโกนใส่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์เสีย
จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเพราะอะไรก็เหลือเดา บนจอคอมพิวเตอร์ปรากฏข้อความสีขาวขึ้นมาอย่างได้อย่างชัดเจนถนัดตา
[...กรุณาออกไปหางานทำ...]
“เฮ้ย...!” ชายหนุ่มอุทานเสียงหลง ปากอ้าตาค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เจ้าเกมบ้ามันปีกกล้าขาแข็ง ถึงกับกล้าออกคำสั่งเขาได้ขนาดนี้ สักกะรู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างทันทีทันใด มันจะมากไปแล้วนะ..!ลองกดปุ่มแป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ดดูโดยหวังว่าข้อความบ้าบอกวนประสาทจะหายไป แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด มิหนำซ้ำคำสั่งนั้นยังเต้นไหวไปมาราวกับว่าจะเยาะเย้ย
“ไอ้บ้า.....แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน” สักกะด่าหน้าจอด้วยอาการหายใจหอบแรง ไม่ได้เหนื่อยกายแต่เหนื่อยใจมากกว่า เขาควรจะเห็นหน้าสโรชินในตอนเช้านี้สักนิดก็ยังดี จะได้เก็บเป็นแรงกายแรงใจในการจัดการให้ร่างกายและวิญญาณอยู่ด้วยกันต่อไป จะได้บันทึกภาพภาพของเธอเก็บไว้ดูเมื่อคิดถึงหรือยามอ่อนล้า แต่เจ้าเกมพิศวงตัดโอกาสและความหวังไปอย่างสิ้นเชิง
[...ไม่ได้สั่ง เป็นการเตือนด้วยความหวังดี...]
ข้อความสีขาวกะพริบโต้ตอบมา ทำให้พูดอะไรไม่ออก มองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง นึกในใจว่าตัวเองกำลังคุยกับโปรแกรมหรือคุยกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกันแน่ จะว่ามีคนเล่นตลกเอาอุปกรณ์สอดแนมแอบมาติดตั้งในห้องพักก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขาไม่ได้มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติขนาดนั้น
“เออ หวังดีก็หวังดี...แต่ให้ฉันได้คุยกับสโรชินสักนิดได้ไหม”
สักกะหันไปอ้อนวอนเจ้าโปรแกรมพิศวงอย่างขอความเห็นใจ เริ่มรู้แล้วว่ามันสามารถรับรู้คำพูดของเขาได้ โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ข้อความลงไปในกล่องข้อความบนจอ ส่วนจะรับรู้คำพูดด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
อิโมติคอนหน้ากลมปรากฏขึ้นพร้อมกับอาการแลบลิ้นล้อเลียนและข้อความ
[...ไม่ได้ เสียใจด้วย...]
“ไอ้คน เอ้ย.. ไอ้โปรแกรมแล้งน้ำใจ คอยดูนะมีโอกาสฉันจะลบแกซะให้เกลี้ยง”
[…ทำแบบนั้นมันเป็นการฆาตกรรมทางโปรแกรม และคุณจะไม่ได้เจอสโรชินอีก..]
“แกนะแก..” สักกะทั้งฉุนทั้งขำ รู้สึกว่าเจ้าเกมพิศวงนี้เหมือนมีชีวิตจิตใจ บางครั้งก็ดูมีอารมณ์ขันอย่างไม่น่าเชื่อ บางทีก็ดูอำมหิตไร้น้ำใจทำตัวเป็นจอมบงการอยู่เสมอ
.