Nightflyers สยองขวัญกลางอวกาศจากคนเขียน Game of Thrones

Nightflyers สยองขวัญกลางอวกาศจากคนเขียน Game of Thrones

*Series นี้จะสนุกที่สุดถ้าไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ดูไปเรื่อย ๆ สิบตอน ถ้าคุณคิดว่าดูแน่แล้ว แนะนำให้ปิดก่อนแล้วค่อยมาเจอกันครับ ยิ้ม


แต่ถ้ายังต้องการรู้ว่ามันสนุกมั้ย แบบไม่สปอยล์อะไรเลย ก็อาจเรียกได้ว่า สนุกตื่นเต้นตอนช่วงแรกๆ ตามมาตรฐานซีรี่ส์ทุนสูงสมัยใหม่ ที่ทำให้เราติดตามไปได้ตลอดเพราะว่าอยากรู้ อยากเห็น (ฮ่า) แต่ช่วงกลางๆ ประมาณตอนที่ 4-6 อาจจะมีคล้ายๆ เป็น Side Story แวะนู่นนี่บ้าง แต่ Series ก็กลับมาในทาง ในช่วงหลัง และนำไปสู่ตอนจบที่มีอะไรให้ไปคิด สนุกๆ ครับ

ถ้ายังอยากรู้อีกหน่อยว่าคุ้มค่าในการดูสิบตอนมั้ย อ่านต่อก็ได้ครับ ผมพยายามจะไม่สปอยล์ครับ

มันเป็นเรื่องที่ยากในการจะอธิบายว่า Series 10 ตอนที่ทำมาจากนิยายขนาดสั้น (Novella) ของ จอร์จ อาร์ อาร์ มาติน คนเขียน GOT เรื่อง Nightflyers มันเป็นยังไงกันแน่

ระหว่างดูรู้สึกว่า Nightflyers เป็นส่วนผสมของหลายอย่างมากมาย ตั้งแต่ นิยายและหนังคลาสสิค ไซไฟปรัชญาอย่าง 2010 Space Odyssey, หนังไซไฟสยองขวัญเกรดบีอย่าง Event Horizon, ความหลอนๆ แบบ The Shining, ความเป็นโลกอนาคตที่มืดหม่นแบบ Aliens และงานออกแบบของ H.R. Giger, ในบางขณะนึกไปถึง ไซไฟ สยองขวัญ กล้ามเนื้อเละๆ แบบของ David Cronenberg, บางขณะคิดไปถึงหนังแนวไซเบอร์พังค์อย่าง Ghost in the Shell หรือ หนังปรัชญาดิจิตอลแบบ The Matrix และในบางขณะ นึกไปถึงการเล่นเกมสยองขวัญจิตวิทยาแบบ The Evil Within (ฮ่า)

ที่เขียนนี่ไม่ได้โม้ หรือต้องการจะโชว์ภูมิว่าเป็นแฟนอ้วนเนิร์ดหนังไซไฟนะครับ (ฮ่า) แต่มันมาเยอะจริง ไม่เชื่อไปดูกันได้ !

คำถามก็คือเอามาปนกันเยอะขนาดนี้แล้วมันสนุกมั้ย สมเป็น Series ที่มาจากมันสมองของคนเขียน Game of thrones มั้ย

ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าถ้าใครคาดหวังจะได้ดู หนังการเมืองอวกาศ อารมณ์แบบ GOT นี่คงไม่ใช่แนวเพราะเรื่องนี้ก็มีความชัดเจนในแนวทางตั้งแต่ตอนแรกเลยว่า มีพื้นฐานการดำเนินเรื่องในแนวหนังสยองขวัญ-อวกาศ

เรื่องติดตามชีวิตของลูกเรื่องกลุ่มหนึ่งในยานอวกาศขนาดใหญ่มากชื่อว่า Nightflyers กำลังเดินทางไปสู่สิ่งที่เรียกว่าโวคลิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ต้องใช้เวลาในการเดินทางร่วม สองปีไปถึงเจ้าโวคลินที่ว่าให้ได้ แต่ยิ่งเข้าไปใกล้เจ้าโวคลินเท่าไหร่ เหตุการแปลกประหลาด ต่างๆ ก็เกิดขึ้น

สำหรับผม รู้สึกว่า Series ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนอย่างชัดเจน

ช่วงแรก ที่เร่งเครื่องอย่างรัวกลอง สนุก หยุดไม่ได้ จังหวะดี ดูแล้วติด ถ้าไม่ติดว่าต้องไปทำงานในวันถัดไปคงลากไปสิบตอนรวด !

ช่วงกลางๆ ที่ Series เริ่มอ่อนแรง คล้ายๆ กับว่า คนทำคุยกันว่า เอ้ยมันตั้งสิบตอน เราเอาอะไรมาใส่ให้มันเต็มตรงกลางๆ ดีนะ (นึกถึงอารมณ์บางตอนของ GOT ที่กลางๆ season ที่แบบว่า ทำมาให้ดูทำไม ! เรื่องน้อยมาก อะไรแบบนั้น) มันเลยออกไปทางเรื่อง Side Story มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ดูก็ไม่เสียหาย แต่ด้วยความที่ทีมเค้ามาตรฐานดีก็เลยดูเพลินๆ อาจมีง่วงนิดหน่อย ถ้าพึ่งทานข้าวมา (ฮ่า)

กับช่วงหล้ง ที่พลังอาจไม่มากเท่าช่วงแรก แต่ก็นำไปซึ่งบทสรุปที่พอดูจบแล้วก็รู้สึกว่า คุ้มที่ดูมาสิบตอน ผมก็ดูลากยาว ตอนเจ็ดถึงสิบแบบไม่หยุดพัก !

ทั้งหมดผมใช้เวลาดูสองวัน ตาปูดบวมกันเลย

โดยสรุปใครอยากดู และอยากรู้ว่า series ที่ผสมปนเปกัน ระหว่าง ระทึกขวัญ ลึกลับ สยองขวัญ ไซไฟ ปรัชญา จิตวิทยา มันจะมีรสชาตติยังไง Series นี้มีให้คุณลองครับ อาจจะไม่ได้เป็นที่สุดแห่ง Series ที่ขึ้นหิ้งคลาสสิค แต่ก็สนุกใช้ได้ มาตรฐานดี เล่าเรื่องเก่ง กระฉับ น่าติดตาม โปรดักชั่นดีมากๆ รู้สึกได้ถึงความแพง ดูแล้วไม่เสียดายเวลา หรือรู้สึกแบบเอาเวลาสิบตอนฉันคืนมา อะไรแบบนี้แน่นอนครับ

เขียนโดยแมวนูน

Page : https://www.facebook.com/maewnoonyoutuber/
Blockdit : https://www.blockdit.com/articles/5c5b1c3cc5a407525e58d13d
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่