ต้อนรับตรุษจีนกันหน่อย กับหนังที่เอามาแบ่งยอดขายตั๋วจากหนังจีน โคตรพยัคฆ์หยินหยาง ให้คนดูมีทางเลือกเพิ่มเติม กับการกลับมารับบทในหนัง Sci-Fi อีกครั้งของ Keanu Reeve ที่พักหลังรับเล่นหนังอะไรไม่รู้ประหลาดๆ หลายเรื่อง แล้วก็แป้กแทบจะทุกเรื่อง อาจจะเพราะความติสท์ของเฮียแกด้วยส่วนหนึ่ง พอมาเรื่องนี้คะแนนรีวิวจากเมืองนอกเรียกว่าน้อยเลยล่ะ แต่ก็นะ ขึ้นชื่อเฮีย Keanu ก็ดึงดูดแล้ว

ภาพยนตร์ “พลิกชะตา เร็วกว่านรก” เป็นเรื่องราวของ “วิลเลียม” ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาที่สูญเสียครอบครัวในอุบัติเหตุ แต่เขาไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียจึงหาทางนำผลการวิจัยที่เขาคิดค้นร่วมกับนักวิทยาศาสตร์เพื่อนำชีวิตของคนที่รักกลับคืนมา ซึ่งการกระทำของเขาก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ตามมาอีกมากมาย ที่จะนำพามาซึ่งความเดือดร้อนแกตัวเขาเองและครอบครัวที่เขาปลุกให้ฟื้น

หนังเปิดช่วงแรกได้น่าสนใจดี มีการบอกเล่าถึงกรรมวิธีการโอนถ่ายความทรงจำเข้าสู่ร่างต้นแบบได้ค่อนข้างดูน่าสนใจ แต่เต็มไปด้วยคำศัพท์แปลกๆ เยอะแยะมากมาย แล้วก็เข้าสู่จุดพลิกผันเมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้ครอบครัวของ วิลเลียม ต้องเสียชีวิต ช่วงนี้แหละที่เป็นช่วงที่หนังค่อนข้างจะอืดจนทำให้ง่วงนอน เพราะหนังไปอธิบายเรื่องราวมากมายที่ซ้ำกับตอนต้นเรื่องที่อธิบายไปแล้ว ซึ่งมันดูเหมือนทุกอย่างจะยากไปหมด แถมยังมีประเด็นเรื่องศีลธรรมโผล่ขึ้นมาให้หนังมันกดดันเพิ่มขึ้นอีก แต่มันก็มีความขัดแย้งในตัวมันเองว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่หนังบอกว่า ยากและไม่ควรทำ กลับถูกทำสำเร็จได้อย่างง่ายดายซะเฉยๆ

พอการทดลองสามารถทำได้โดยง่าย ทีนี้พระเอกเราก็เอาใหญ่เลย คิดการทดลองที่ advance ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันเลยกลายเป็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันง่ายเกินไปหมด จะทำอะไรก็ได้แล้วทีนี้ ยังดีที่มีเรื่องราวของบริษัทที่เห็นแก่เงินเข้ามาไล่ล่าเบรกความ advance ของพระเอกลง แล้วหนังก็เข้าสู่โหมดตามล่าตัวพระเอกแทน ซึ่งก็ทำให้ตื่นได้ละทีนี้

สำหรับหนังเรื่องนี้ เฮีย Keanu แกเป็นเดอะแบกของหนังจริงๆ เพราะทั้งเรื่องเฮียแกเด่นอยู่คนเดียว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นพีคอะไร เพราะด้วยตัวบทหนังที่ผมว่าพล็อตมันถ้าทำให้ดีพลิกแพลงหักมุมหน่อย น่าจะพีคกว่านี้และน่าจะส่งให้เฮียแกเด่นกว่านี้ได้ แต่กับเรื่องนี้ มันเหมือนจะพีคก็ยังไปไม่สุด แล้วตอนจบก็โคตรง่ายไปซะทุกอย่าง แล้วที่ลุ้นมาตลอดทั้งเรื่องล่ะ จบง่ายๆ แบบเนี้ยะ..

หนังไม่ได้แย่นะครับ พล็อตดี แต่สรุปง่ายไปหน่อย ทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มกับเกือบๆ สองชั่วโมงที่นั่งลุ้นอยู่ตั้งนาน หนังไปเสียเวลาพูดถึงขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ซะยาวเหยียดแต่ใช้ไม่คุ้มค่า มันเลยกลายเป็นส่วนประกอบที่ถูกลืมของหนัง และทำให้คนดูง่วงนอนเอาง่ายๆ แต่ถ้าดูเพลินๆ เพื่อให้หายคิดถึงเฮีย เรื่องนี้หายคิดถึงแน่นอนครับ

ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >> https://www.facebook.com/DooNangGunMai