Georgia 2018
หากเอ่ยถึง “จอร์เจีย” หลายๆคนที่ผมรู้จักมักจะนึกถึงรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจอร์เจีย... อืมมม ไม่ใช่ละ “จอร์เจีย” ที่ผมกำลังจะเอ่ยถึงมันเป็นชื่อของประเทศต่างหาก
- ประเทศจอร์เจียตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาคอเคซัส เดิมเคยเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต ก่อนจะแยกตัวออกมาตั้งเป็นประเทศในปี 1991
- จอร์เจียมีภาษาเป็นของตนเองนะครับ ก็คือภาษาจอร์เจียโบราณ แต่ก็ยังใช้ภาษารัสเซียอยู่ด้วย ส่วนภาษาอังกฤษนี่ก็น้อยหน่อย โดยเฉพาะชาวจอร์เจียรุ่นเก่าๆส่วนใหญ่ก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้หรอกครับ บางครั้งซื้อของยังต้องใช้จิ้มเครื่องคิดเลขเอา
- ประเทศจอร์เจียมีพื้นที่ทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งอยู่ในทวีปเอเชียตามเกณฑ์ทางภูมิศาสตร์นะครับ แต่มีความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมกับทวีปยุโรปซะมากกว่า ในบางกรณีจึงได้รับการจัดอยู่ในทวีปยุโรปซะงั้น อย่างเช่นเรื่องการแข่งขันกีฬาไม่งงเนอะ
- เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียคือ กรุงทบิลิชี่ ทั้งประเทศมีประชากรทั้งสิ้นราว 3.7 ล้านคน โดยประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงทบิลิชี่ (ข้อมูลปี 2017)
- ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาคริสต์นิกายออโธด็อกซ์ มีประมาณ 10% ที่นับถือศาสนาอิสลาม
- สกุลเงินที่ใช้คือ Georgian Lari (Gel) อัตราแลกเปลี่ยนกับเงินบาทช่วงที่ผมไปก็ประมาณ 13 บาทต่อ 1 จอร์เจี้ยนลารี
เอาล่ะครับ ทำความรู้จักกับประเทศจอร์เจียมาคร่าวๆแล้ว ตามผมไปเที่ยวประเทศจอร์เจียกันดีกว่าครับ ไปดูซิ ว่ามันน่าสนใจอย่างที่ผมและคนอื่นๆที่เคยไปมาแล้วมาบอกเล่าให้ฟังหรือเปล่า
อ้อ... ขอออกตัวนิดนึงก่อนนะครับ คือผมไม่ค่อยอยากจะเรียกกระทู้ของผมว่าเป็นการ “รีวิว” สักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ได้ใส่ข้อมูลที่สำคัญบางอย่างไว้ เช่น ราคาตั๋วเครื่องบิน, ราคารถเช่า, ราคาอาหารบางมื้อ, ราคาที่พัก รวมถึงราคาบัตรค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เหตุผลก็คือ ผมไปเที่ยวในลักษณะซื้อทัวร์ไปครับ ซึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่ผมเอ่ยถึงนั้นมันเป็นหน้าที่ของทางคนที่จัดทัวร์ที่เขาจะเป็นคนจัดการ เพราะเราจ่ายเงินจ้างเขาให้พามาในราคาที่เรายินดีจ่ายตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้น เรื่องค่าใช้จ่ายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาไปละกันครับ (แต่หลายคนอาจคิดไม่เหมือนผมก็ได้นะ) นั่นแหละครับ ผมถึงไม่อยากจะใข้คำว่า “รีวิว” (เกรงว่าหลายคนที่อยากไปเที่ยวจะไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย) เอาเป็นเรียกว่า เล่าเรื่องเที่ยวพร้อมลงรูปให้อ่านให้ดูกันดีกว่าครับ อ่านเพลินๆ ดูรูปขำๆ ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์แก่กันก็แล้วกันเนอะ... เอาละครับ เสียเวลามาพอสมควรแล้ว เริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1...
เป็นอีกหนึ่งทริปที่ผมรู้ตัวว่าจะต้องไปและมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างน้อย คือ ประมาณ 1 เดือนก่อนออกเดินทาง... จริงๆ ทริปนี้เพื่อนผมที่เป็นหัวหน้ากลุ่มแจ้งว่ามีคนลงชื่อเต็มหมดแล้ว (ประมาณ 10 คน) แต่พอถึงเวลาจริงๆ มีคนถอนชื่อเยอะมาก คนที่เหลือที่อยากไปจริงๆ (ประมาณ 3 คน) ก็เลยเริ่มกังวลว่าจะได้ไปหรือเปล่า เลยมีการล่ารายชื่อหาสมาชิกเพิ่ม และผมก็เป็น 1 ในจำนวนดังกล่าวที่ตกเป็นเหยื่อ แบบง่ายดายเสียด้วย คือ ขอเวลาตัดสินใจแค่เพียง 1 วัน ก่อนจะตกปากรับคำของคนชวน (จากการอ่านรีวิวต่างๆ ประเทศนี้ยังมีนักท่องเที่ยวเข้าไปไม่มากนัก มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมยาวนาน และค่าครองชีพไม่สูง น่าจะลองไปโดนสักครั้งนะเรา)... สรุปแล้วในที่สุดทริปนี้ก็สามารถคลอดออกมาจนได้ โดยมีสมาชิกร่วมเดินทางทั้งสิ้น 7 ราย แบ่งเป็นวัยเกษียณแล้ว 3 ราย, วัยใกล้เกษียณ 2 ราย และวัยหนุ่มฉกรรจ์อีก 2 ราย (ผมอยู่กลุ่มนี้นะ) ดูเป็นทริปสว. (สูงวัย) ยังไงก็ไม่รู้ แต่เอาน่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีคำว่าถอยหลังกันแน่ๆ
สำหรับโปรแกรมการเดินทางคร่าวๆ ของพวกเรามีดังนี้ครับ
วันที่ 1 (6/3/2018): Bangkok – Almaty - Tbilisi
วันที่ 2 (7/3/2018): Tbilisi –Mtskheta -Kazbeki
วันที่ 3 (8/3/2018): Kazbeki- Gudauri - Gori
วันที่ 4 (9/3/2018): Gori – Borjomi – Akhaltsikhe
วันที่ 5 (10/3/2018): Akhaltsikhe – Kutaisi
วันที่ 6 (11/3/2018): Kutaisi – Tbilisi
วันที่ 7 (12/3/2018): Tbilisi - Bangkok
เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 05.50 น. โดยสายการบิน Air Astana (ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเลยแฮะ) เป็นสายการบินของประเทศคาซัคสถานครับ เคยอ่านในรีวิวของคนที่เคยใช้บริการหลายๆ คน ทุกความเห็นออกมาค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ว่า “ดี” แล้วก็เป็นอย่างที่เค้าร่ำลือกันจริงๆ เครื่องบินลำค่อนข้างใหญ่ ดูใหม่และสะอาดสะอ้าน แอร์โฮสเตสหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราและดูเป็นมิตรกว่าหลายสายการบินที่เคยใช้บริการมา อาหารการกินก็ดูดี รสชาติไม่เลวเลย อีกทั้งของแจกบนเครื่องบินก็น่ารัก สรุปแล้ว แจ่มแมวมากครับ... เที่ยวบินแรกของเรา KC232 บินจากสุวรรณภูมิไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุง Almaty (อัลมาตี้) ประเทศคาซัคสถาน ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง 25 นาที หลังจากนั้นรอต่อเครื่องบินอีกประมาณ 4 ชั่วโมง (อาคารผู้โดยสารค่อนข้างเล็กและดูเงียบเหงาไปหน่อยนะ) ก่อนเดินทางต่อด้วยเที่ยวบิน KC119 ซึ่งเป็นเครื่องที่ลำย่อมลงมาหน่อย บินสู่กรุง Tbilisi (ทบิลิชี่) เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ซึ่งใช้เวลาบินอีกประมาณ 4 ชั่วโมง 15 นาที เบ็ดเสร็จรวมเวลาที่เราใช้บินทั้งสิ้นราว 12 ชั่วโมง กับอีก 40 นาที อันนี้ไม่นับเวลาที่รอเปลี่ยนเครื่องนะครับ แค่คิดกลับไปก็เมื่อยก้นขึ้นมาอีกรอบนึงแล้ว
ผ่านไป 7 ชั่วโมงเศษ KC 232 ก็พาเรามาถึงสนามบินเมืองอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน เพื่อมาต่อเที่ยวบินไปจอร์เจียอีกที
ประมาณ 1 ทุ่มเศษ เราก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติโนโวอเล็กซีเยฟก้า ในกรุงทบิลิชี่ เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างจะชุ่มฉ่ำ เนื่องจากฝนเพิ่งจะหยุดไปได้ไม่นาน (สังเกตจากพื้นสนามบินและพื้นถนน) อ้อ... เวลาที่จอร์เจียช้ากว่าที่บ้านเรา 3 ชั่วโมงนะครับ และเพื่อไม่ให้สับสน เวลาเล่าเรื่องผมจะเล่าเป็นเวลาท้องถิ่นละกันนะครับ จะได้ดูสมจริงกับสถานการณ์ในขณะนั้นๆหน่อย หลังจากรับกระเป๋ากันเรียบร้อย เราก็เดินออกมามองหาคนขับรถของบริษัทเอเจนซี่ที่เพื่อนผมได้ติดต่อเช่ารถ (พร้อมคนขับ) ไว้ล่วงหน้าแล้ว หาไม่ยากครับ เพราะเขาถือป้ายชื่อเพื่อนผมชูหราอยู่ตรงทางออกของผู้โดยสารขาเข้านั่นเอง... เราขอเวลาคนขับแป๊บนึงเพื่อแลกเงินและซื้อซิมโทรศัพท์ (ต้องขอขอบคุณคุณสมาชิกหมายเลข 2188742 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ที่ให้ข้อมูลเรื่องการซื้อซิมโทรศัพท์ของที่จอร์เจียนี่) ก่อนเดินทางผมแลกเงิน US ดอลล่าร์มาจากไทย แล้วกะจะมาแลกเงินลารีจอร์เจียที่นี่ (แต่ถ้าใครจะมา แนะนำให้แลกเป็นเงินยูโรมาจะสะดวกกว่าครับ เพราะที่นี่เค้าอิงค่าเงินยูโรมากกว่า) เบื้องต้นผมแลกไป 150 US ได้กลับมา 366 ลารี คิดเป็นเงินไทยก็ 1 ลารีประมาณ 13 บาท ถือว่าไม่แพงครับ ยิ่งถ้าเทียบกับที่เคยเห็นรีวิวของคนอื่นที่เคยมาเที่ยวที่นี่ (ประมาณ 15 บาทถึง 18 บาทต่อ 1 ลารี) แสดงว่าค่าเงินลารีในปัจจุบันมันถูกลง... หลังจากนั้นก็เดินไปซื้อซิมตามลายแทงที่คุณสมาชิกหมายเลข 2188742 ได้บอกไว้ ปรากฏว่าเค้าปิดให้บริการแล้ว เซ็งดิ... แต่ไม่เป็นไร ตอนนั้นค่ำแล้ว เดี๋ยวค่อยหาซื้อใหม่วันพรุ่งนี้ก็ได้
(เกี่ยวกับซิม: หลังจากวันแรก ผมก็ตามหาซื้อซิมโทรศัพท์มาตลอด แต่หาซื้อยากมาก คนที่โรงแรมเองก็ได้แต่บอกให้ไปถามร้านโน้นร้านนี้ แต่พอไปถาม ก็ไม่มี สรุปแล้วก็เลยไม่ได้ซื้อ ไม่ใช้ก็ได้ รอกลับไปใช้ wifi ที่โรงแรมตอนค่ำๆก็ได้ ซึ่งก็มีให้ใช้ทุกที่ล่ะครับ แรงบ้าง ไม่แรงบ้าง ก็ว่ากันไป ดีกว่าไม่มีใช้ล่ะครับ แถมฟรีอีกต่างหาก)
นี่แหละครับรถตู้ 12 ที่นั่งมารอรับเราที่สนามบินโนโวอเล็กซีเยฟก้า ตรงท้ายรถจะทำเป็นช่องสำหรับใส่กระเป๋า รถเลยดูยาวๆพิกล
จากสนามบิน รถตู้ขนาด 12 ที่นั่งนำเราทั้ง 7 คนมุ่งสู่ใจกลางเมืองทบิลิชี่ ประมาณครึ่งชั่วโมงรถตู้ก็พาเรามาถึงโรงแรมที่พักที่ชื่อ Envoy Hostel & Tour ที่พักของเราตั้งอยู่บนเนินเขา ทางจะเดินขึ้นสู่ป้อมนาริกาลา - Narikala Fortress (แลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่งหนึงของกรุงทบิลิชี่) ทางขึ้นจากพื้นราบที่ถนนใหญ่มาที่โรงแรมนี้ค่อนข้างชันทีเดียวล่ะครับ แม้จะไม่ห่างกันมาก แต่ถ้าเดินขึ้นก็ต้องมีหอบแฮ่กกันแน่ๆ และจากจุดที่ยืนด้านหน้าโรงแรมเราจะสามารถมองเห็นวิวเมืองทบิลิชี่ได้บ้าง และสามารถมองไปได้กว้างยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อมองจากชั้นดาดฟ้าของโรงแรม (โรงแรมนี้มี 3 ชั้นและไม่มีลิฟท์ อันนั้นไม่เท่าไหร่ครับ แต่บันไดดันเป็นบันไดวน ตอนขนกระเป๋าขึ้นห้องพักเลยขลุกชลักกันนิดหน่อย) และหลังจากที่เราขนย้ายสัมภาระเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว (3 ห้อง แบ่งเป็น หญิง 4 คน แบ่งพัก 2ห้อง และชาย 3 คน พัก 1 ห้อง) เราทั้ง 7 ก็ออกท่องกรุงทบิลิชี่ยามค่ำกัน ตอนนั้นเพิ่งจะ 3 ทุ่มเอง ยังเดินเล่นได้อีกนาน (แต่ที่เมืองไทยมันเที่ยงคืนแล้วนะ) ออกจากโรงแรม เราเลี้ยวขวาเดินขึ้นต่อไปบนเนินเขาซึ่งด้านบนเป็นที่ตั้งของป้อมนาริกาลาเพื่อขึ้นไปชมวิวเมืองทบิลิชี่กันก่อน จากบนนั้นเราสามารถเห็นตัวเมืองได้กว้างกว่าชั้นดาดฟ้าของที่พักของเราไปได้อีกไกลเลย แต่อยู่กันได้ไม่นานนักก็ต้องเดินกลับลงมา เพราะบนนั้นลมค่อนข้างแรง สู้อากาศหนาวกันไม่ไหว อยู่นานอาจเดี้ยงได้ ตัดสินใจเดินลงกันเลยดีกว่า
ห้องพักคืนแรกของผมครับ
วิวกรุงทบิลิชี่เมื่อมองจากชั้นดาดฟ้า น่าเสียดายนิดนึงที่โดนโบสถ์ Saint George Armenian Cathedral of Tbilisi บังไปแถบนึง ไม่งั้นคงงามกว่านี้
นี่แหละครับ บันไดวนที่ผมว่า เพิ่มความลำบากเวลาขนกระเป๋าขึ้นมาอีกนิดนึง
และนี่คือวิวกรุงทบิลิชี่เมื่อมองจากทางขึ้นป้อมนาริกาลาครับ
[CR] ใครไม่ขอ ผมขอ... ไปจอร์เจียอีกสักครั้ง
หากเอ่ยถึง “จอร์เจีย” หลายๆคนที่ผมรู้จักมักจะนึกถึงรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจอร์เจีย... อืมมม ไม่ใช่ละ “จอร์เจีย” ที่ผมกำลังจะเอ่ยถึงมันเป็นชื่อของประเทศต่างหาก
- ประเทศจอร์เจียตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาคอเคซัส เดิมเคยเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต ก่อนจะแยกตัวออกมาตั้งเป็นประเทศในปี 1991
- จอร์เจียมีภาษาเป็นของตนเองนะครับ ก็คือภาษาจอร์เจียโบราณ แต่ก็ยังใช้ภาษารัสเซียอยู่ด้วย ส่วนภาษาอังกฤษนี่ก็น้อยหน่อย โดยเฉพาะชาวจอร์เจียรุ่นเก่าๆส่วนใหญ่ก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้หรอกครับ บางครั้งซื้อของยังต้องใช้จิ้มเครื่องคิดเลขเอา
- ประเทศจอร์เจียมีพื้นที่ทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งอยู่ในทวีปเอเชียตามเกณฑ์ทางภูมิศาสตร์นะครับ แต่มีความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมกับทวีปยุโรปซะมากกว่า ในบางกรณีจึงได้รับการจัดอยู่ในทวีปยุโรปซะงั้น อย่างเช่นเรื่องการแข่งขันกีฬาไม่งงเนอะ
- เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียคือ กรุงทบิลิชี่ ทั้งประเทศมีประชากรทั้งสิ้นราว 3.7 ล้านคน โดยประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงทบิลิชี่ (ข้อมูลปี 2017)
- ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาคริสต์นิกายออโธด็อกซ์ มีประมาณ 10% ที่นับถือศาสนาอิสลาม
- สกุลเงินที่ใช้คือ Georgian Lari (Gel) อัตราแลกเปลี่ยนกับเงินบาทช่วงที่ผมไปก็ประมาณ 13 บาทต่อ 1 จอร์เจี้ยนลารี
เอาล่ะครับ ทำความรู้จักกับประเทศจอร์เจียมาคร่าวๆแล้ว ตามผมไปเที่ยวประเทศจอร์เจียกันดีกว่าครับ ไปดูซิ ว่ามันน่าสนใจอย่างที่ผมและคนอื่นๆที่เคยไปมาแล้วมาบอกเล่าให้ฟังหรือเปล่า
อ้อ... ขอออกตัวนิดนึงก่อนนะครับ คือผมไม่ค่อยอยากจะเรียกกระทู้ของผมว่าเป็นการ “รีวิว” สักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ได้ใส่ข้อมูลที่สำคัญบางอย่างไว้ เช่น ราคาตั๋วเครื่องบิน, ราคารถเช่า, ราคาอาหารบางมื้อ, ราคาที่พัก รวมถึงราคาบัตรค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เหตุผลก็คือ ผมไปเที่ยวในลักษณะซื้อทัวร์ไปครับ ซึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่ผมเอ่ยถึงนั้นมันเป็นหน้าที่ของทางคนที่จัดทัวร์ที่เขาจะเป็นคนจัดการ เพราะเราจ่ายเงินจ้างเขาให้พามาในราคาที่เรายินดีจ่ายตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้น เรื่องค่าใช้จ่ายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาไปละกันครับ (แต่หลายคนอาจคิดไม่เหมือนผมก็ได้นะ) นั่นแหละครับ ผมถึงไม่อยากจะใข้คำว่า “รีวิว” (เกรงว่าหลายคนที่อยากไปเที่ยวจะไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย) เอาเป็นเรียกว่า เล่าเรื่องเที่ยวพร้อมลงรูปให้อ่านให้ดูกันดีกว่าครับ อ่านเพลินๆ ดูรูปขำๆ ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์แก่กันก็แล้วกันเนอะ... เอาละครับ เสียเวลามาพอสมควรแล้ว เริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1...
เป็นอีกหนึ่งทริปที่ผมรู้ตัวว่าจะต้องไปและมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างน้อย คือ ประมาณ 1 เดือนก่อนออกเดินทาง... จริงๆ ทริปนี้เพื่อนผมที่เป็นหัวหน้ากลุ่มแจ้งว่ามีคนลงชื่อเต็มหมดแล้ว (ประมาณ 10 คน) แต่พอถึงเวลาจริงๆ มีคนถอนชื่อเยอะมาก คนที่เหลือที่อยากไปจริงๆ (ประมาณ 3 คน) ก็เลยเริ่มกังวลว่าจะได้ไปหรือเปล่า เลยมีการล่ารายชื่อหาสมาชิกเพิ่ม และผมก็เป็น 1 ในจำนวนดังกล่าวที่ตกเป็นเหยื่อ แบบง่ายดายเสียด้วย คือ ขอเวลาตัดสินใจแค่เพียง 1 วัน ก่อนจะตกปากรับคำของคนชวน (จากการอ่านรีวิวต่างๆ ประเทศนี้ยังมีนักท่องเที่ยวเข้าไปไม่มากนัก มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมยาวนาน และค่าครองชีพไม่สูง น่าจะลองไปโดนสักครั้งนะเรา)... สรุปแล้วในที่สุดทริปนี้ก็สามารถคลอดออกมาจนได้ โดยมีสมาชิกร่วมเดินทางทั้งสิ้น 7 ราย แบ่งเป็นวัยเกษียณแล้ว 3 ราย, วัยใกล้เกษียณ 2 ราย และวัยหนุ่มฉกรรจ์อีก 2 ราย (ผมอยู่กลุ่มนี้นะ) ดูเป็นทริปสว. (สูงวัย) ยังไงก็ไม่รู้ แต่เอาน่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีคำว่าถอยหลังกันแน่ๆ
สำหรับโปรแกรมการเดินทางคร่าวๆ ของพวกเรามีดังนี้ครับ
วันที่ 1 (6/3/2018): Bangkok – Almaty - Tbilisi
วันที่ 2 (7/3/2018): Tbilisi –Mtskheta -Kazbeki
วันที่ 3 (8/3/2018): Kazbeki- Gudauri - Gori
วันที่ 4 (9/3/2018): Gori – Borjomi – Akhaltsikhe
วันที่ 5 (10/3/2018): Akhaltsikhe – Kutaisi
วันที่ 6 (11/3/2018): Kutaisi – Tbilisi
วันที่ 7 (12/3/2018): Tbilisi - Bangkok
เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 05.50 น. โดยสายการบิน Air Astana (ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเลยแฮะ) เป็นสายการบินของประเทศคาซัคสถานครับ เคยอ่านในรีวิวของคนที่เคยใช้บริการหลายๆ คน ทุกความเห็นออกมาค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ว่า “ดี” แล้วก็เป็นอย่างที่เค้าร่ำลือกันจริงๆ เครื่องบินลำค่อนข้างใหญ่ ดูใหม่และสะอาดสะอ้าน แอร์โฮสเตสหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราและดูเป็นมิตรกว่าหลายสายการบินที่เคยใช้บริการมา อาหารการกินก็ดูดี รสชาติไม่เลวเลย อีกทั้งของแจกบนเครื่องบินก็น่ารัก สรุปแล้ว แจ่มแมวมากครับ... เที่ยวบินแรกของเรา KC232 บินจากสุวรรณภูมิไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุง Almaty (อัลมาตี้) ประเทศคาซัคสถาน ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง 25 นาที หลังจากนั้นรอต่อเครื่องบินอีกประมาณ 4 ชั่วโมง (อาคารผู้โดยสารค่อนข้างเล็กและดูเงียบเหงาไปหน่อยนะ) ก่อนเดินทางต่อด้วยเที่ยวบิน KC119 ซึ่งเป็นเครื่องที่ลำย่อมลงมาหน่อย บินสู่กรุง Tbilisi (ทบิลิชี่) เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ซึ่งใช้เวลาบินอีกประมาณ 4 ชั่วโมง 15 นาที เบ็ดเสร็จรวมเวลาที่เราใช้บินทั้งสิ้นราว 12 ชั่วโมง กับอีก 40 นาที อันนี้ไม่นับเวลาที่รอเปลี่ยนเครื่องนะครับ แค่คิดกลับไปก็เมื่อยก้นขึ้นมาอีกรอบนึงแล้ว
ผ่านไป 7 ชั่วโมงเศษ KC 232 ก็พาเรามาถึงสนามบินเมืองอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน เพื่อมาต่อเที่ยวบินไปจอร์เจียอีกที
ประมาณ 1 ทุ่มเศษ เราก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติโนโวอเล็กซีเยฟก้า ในกรุงทบิลิชี่ เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างจะชุ่มฉ่ำ เนื่องจากฝนเพิ่งจะหยุดไปได้ไม่นาน (สังเกตจากพื้นสนามบินและพื้นถนน) อ้อ... เวลาที่จอร์เจียช้ากว่าที่บ้านเรา 3 ชั่วโมงนะครับ และเพื่อไม่ให้สับสน เวลาเล่าเรื่องผมจะเล่าเป็นเวลาท้องถิ่นละกันนะครับ จะได้ดูสมจริงกับสถานการณ์ในขณะนั้นๆหน่อย หลังจากรับกระเป๋ากันเรียบร้อย เราก็เดินออกมามองหาคนขับรถของบริษัทเอเจนซี่ที่เพื่อนผมได้ติดต่อเช่ารถ (พร้อมคนขับ) ไว้ล่วงหน้าแล้ว หาไม่ยากครับ เพราะเขาถือป้ายชื่อเพื่อนผมชูหราอยู่ตรงทางออกของผู้โดยสารขาเข้านั่นเอง... เราขอเวลาคนขับแป๊บนึงเพื่อแลกเงินและซื้อซิมโทรศัพท์ (ต้องขอขอบคุณคุณสมาชิกหมายเลข 2188742 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ที่ให้ข้อมูลเรื่องการซื้อซิมโทรศัพท์ของที่จอร์เจียนี่) ก่อนเดินทางผมแลกเงิน US ดอลล่าร์มาจากไทย แล้วกะจะมาแลกเงินลารีจอร์เจียที่นี่ (แต่ถ้าใครจะมา แนะนำให้แลกเป็นเงินยูโรมาจะสะดวกกว่าครับ เพราะที่นี่เค้าอิงค่าเงินยูโรมากกว่า) เบื้องต้นผมแลกไป 150 US ได้กลับมา 366 ลารี คิดเป็นเงินไทยก็ 1 ลารีประมาณ 13 บาท ถือว่าไม่แพงครับ ยิ่งถ้าเทียบกับที่เคยเห็นรีวิวของคนอื่นที่เคยมาเที่ยวที่นี่ (ประมาณ 15 บาทถึง 18 บาทต่อ 1 ลารี) แสดงว่าค่าเงินลารีในปัจจุบันมันถูกลง... หลังจากนั้นก็เดินไปซื้อซิมตามลายแทงที่คุณสมาชิกหมายเลข 2188742 ได้บอกไว้ ปรากฏว่าเค้าปิดให้บริการแล้ว เซ็งดิ... แต่ไม่เป็นไร ตอนนั้นค่ำแล้ว เดี๋ยวค่อยหาซื้อใหม่วันพรุ่งนี้ก็ได้
(เกี่ยวกับซิม: หลังจากวันแรก ผมก็ตามหาซื้อซิมโทรศัพท์มาตลอด แต่หาซื้อยากมาก คนที่โรงแรมเองก็ได้แต่บอกให้ไปถามร้านโน้นร้านนี้ แต่พอไปถาม ก็ไม่มี สรุปแล้วก็เลยไม่ได้ซื้อ ไม่ใช้ก็ได้ รอกลับไปใช้ wifi ที่โรงแรมตอนค่ำๆก็ได้ ซึ่งก็มีให้ใช้ทุกที่ล่ะครับ แรงบ้าง ไม่แรงบ้าง ก็ว่ากันไป ดีกว่าไม่มีใช้ล่ะครับ แถมฟรีอีกต่างหาก)
นี่แหละครับรถตู้ 12 ที่นั่งมารอรับเราที่สนามบินโนโวอเล็กซีเยฟก้า ตรงท้ายรถจะทำเป็นช่องสำหรับใส่กระเป๋า รถเลยดูยาวๆพิกล
จากสนามบิน รถตู้ขนาด 12 ที่นั่งนำเราทั้ง 7 คนมุ่งสู่ใจกลางเมืองทบิลิชี่ ประมาณครึ่งชั่วโมงรถตู้ก็พาเรามาถึงโรงแรมที่พักที่ชื่อ Envoy Hostel & Tour ที่พักของเราตั้งอยู่บนเนินเขา ทางจะเดินขึ้นสู่ป้อมนาริกาลา - Narikala Fortress (แลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่งหนึงของกรุงทบิลิชี่) ทางขึ้นจากพื้นราบที่ถนนใหญ่มาที่โรงแรมนี้ค่อนข้างชันทีเดียวล่ะครับ แม้จะไม่ห่างกันมาก แต่ถ้าเดินขึ้นก็ต้องมีหอบแฮ่กกันแน่ๆ และจากจุดที่ยืนด้านหน้าโรงแรมเราจะสามารถมองเห็นวิวเมืองทบิลิชี่ได้บ้าง และสามารถมองไปได้กว้างยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อมองจากชั้นดาดฟ้าของโรงแรม (โรงแรมนี้มี 3 ชั้นและไม่มีลิฟท์ อันนั้นไม่เท่าไหร่ครับ แต่บันไดดันเป็นบันไดวน ตอนขนกระเป๋าขึ้นห้องพักเลยขลุกชลักกันนิดหน่อย) และหลังจากที่เราขนย้ายสัมภาระเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว (3 ห้อง แบ่งเป็น หญิง 4 คน แบ่งพัก 2ห้อง และชาย 3 คน พัก 1 ห้อง) เราทั้ง 7 ก็ออกท่องกรุงทบิลิชี่ยามค่ำกัน ตอนนั้นเพิ่งจะ 3 ทุ่มเอง ยังเดินเล่นได้อีกนาน (แต่ที่เมืองไทยมันเที่ยงคืนแล้วนะ) ออกจากโรงแรม เราเลี้ยวขวาเดินขึ้นต่อไปบนเนินเขาซึ่งด้านบนเป็นที่ตั้งของป้อมนาริกาลาเพื่อขึ้นไปชมวิวเมืองทบิลิชี่กันก่อน จากบนนั้นเราสามารถเห็นตัวเมืองได้กว้างกว่าชั้นดาดฟ้าของที่พักของเราไปได้อีกไกลเลย แต่อยู่กันได้ไม่นานนักก็ต้องเดินกลับลงมา เพราะบนนั้นลมค่อนข้างแรง สู้อากาศหนาวกันไม่ไหว อยู่นานอาจเดี้ยงได้ ตัดสินใจเดินลงกันเลยดีกว่า
ห้องพักคืนแรกของผมครับ
วิวกรุงทบิลิชี่เมื่อมองจากชั้นดาดฟ้า น่าเสียดายนิดนึงที่โดนโบสถ์ Saint George Armenian Cathedral of Tbilisi บังไปแถบนึง ไม่งั้นคงงามกว่านี้
นี่แหละครับ บันไดวนที่ผมว่า เพิ่มความลำบากเวลาขนกระเป๋าขึ้นมาอีกนิดนึง
และนี่คือวิวกรุงทบิลิชี่เมื่อมองจากทางขึ้นป้อมนาริกาลาครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้