[CR] "ปฏิบัติการล่ามาส์กหน้า ตูต้องบ้าไปแล้ว" ตอนที่1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสารประกอบใน skin care

ปฐมบท ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสารประกอบใน skin care
เราเป็นคนมีผิวหน้าที่สิวขึ้นง่าย บาง ไวต่อแสงเนื่องจากเคยรักษาหน้าที่รพ.รามาธิบดี(บอกเลยแล้วกัน) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยารักษา อันนี้ไม่ได้ติรพ.นะคะ แต่มันเป็นเรื่องปกติในการรักษาและใช้ยารักษาอาการของผิวหนัง ตอนนี้หายแล้ว แต่ต้องบำรุงรักษาหน้าดีๆใช้เวลาในการฟื้นฟูผิวหน่อย ข้อดีของการรักษาหน้ากับคุณหมอคือ คุณหมอที่นี่น่ารัก ใจดี สอนและให้ความรู้เกี่ยวกับผิวหนัง ผิวหน้า skin care ต่างๆในการนำไปใช้ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ชอบหมอที่นี่มากถามอะไรไม่เคยกั๊ก อธิบายเหมือนได้เรียนไปกับหมอเลย หมอสอนให้เราเลือกใช้ skin care ต่างๆโดยดูไปถึงสารส่วนประกอบที่ใส่มาด้วย ทั้งคุณภาพ ราคา หาซื้อยากง่ายและแนะนำวิธีการรักษาบำรุงหน้า ผิว ทั้งจาก skin care ทั่วไปและจากวิถีธรรมชาติที่ได้ผลจริงและดีในระยะยาว ( “ธรรมชาติไม่เคยทำร้ายเรา แต่เราต้องรู้จักใช้ให้เป็น” หมอสอน ) เราเลยหา skin care ใช้ยากหน่อย เปลี่ยนบ่อยหน้าไม่ชินสิวขึ้นอีก จะหา skin care ที่มีคุณสมบัติครบองค์ก็ยาก  เลยหันมาสนใจมาส์กหน้า เพราะไม่ต้องใช้ทุกวัน เปลี่ยนสูตรได้ตามชอบ วันไหนอยากขาว วันไหนอยากชุ่มชื่น อยากลดริ้วรอยก็เลือกได้เลย
จากความรู้ที่พอมีอยู่บ้างหน้าเราจะมาพูดถึงสารประกอบต่างๆใน skin care กัน
-    Whitening (ความขาว) กับ Brightening (ความสว่างใส) ไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรทำให้ขาวเว่อร์วังอลังได้ถาวร
-    วิตามินB ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มักจะให้ Whitening (ความขาว)บางทีอาจเจอในชื่อ Niacinamide , Panthenol
-    วิตามินC จะให้ Brightening (ความสว่างใส)  บางครั้งอาจมาในชื่อของ AHA , BHA หรือกรดผลไม้ ก็ไม่ใช่ว่าอันตรายค่ะ แต่อาจทำให้ผิวบางลง แสบ แดงได้ ต้องทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการถูกเบิร์นจากแดดบ้าง เราเคยใช้กลุ่มยาประเภทนี้ หน้าใสจิงค่ะ แต่เวลาโดนแดดแสบหน้ามาก หน้าคล้ำเร็วกว่าคนปกติ เลยต้องใช้แค่พอเหมาะค่ะ
-    วิตามินE ช่วยชะลอริ้วรอย ผิวยืดหยุ่น ชุ่มชื่น สมานแผลรอยต่างๆ แต่ส่วนมากมักจะเป็นน้ำมันทั้งหลาย อาจอุดตันรูขุมขนสิวขึ้นได้ อย่างเราก็ใช้อยู่ค่ะเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น แต่ปริมาณน้อย และไม่ได้ทาไว้ตลอด เราใช้น้ำมันมะพร้าวทาบางๆบำรุงหน้าทุกวัน แต่ทาทิ้งไว้ได้ไม่เกิน3ชม./วัน ถ้านานกว่านี้หน้าเนียนใสขึ้นจริงค่ะแต่สิวก็มาด้วย(สำหรับเรานะ) คนที่มีรอยแผลรอยสิวใช้รักษาหน้าดีแผลเป็นรอยต่างๆเลยหายไปตอนไหนก้ไม่รู้ แต่ถ้าใช้กับหน้าต้องระวังการอุดตันนะ จึงต้องหาความพอเหมาะให้หน้าเราค่ะ
-    วิตามินA ช่วยในการผลัดเซลผิวใหม่ ลดเลือนริ้วรอย มักใช้ในการรักษาสิว บางทีอาจเจอในชื่อ Retinyl palmitate , Retin-A อะไรที่เขียนชื่อทำนองนี้ สงสัยได้เลยว่าคือพวกวิตามินA ก็ไม่ใช่ว่าอันตรายนะคะแต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองไวต่อแสง ซึ่งเค้าอาจใส่มาไม่เข้มข้นมากใช้ได้ปลอดภัยแต่เวลาใช้ก็มีข้อควรระวังอยู่ เช่น ต้องหลีกเลี่ยงแสงต่างๆ เช่น หลอดไฟ (ในกรณีใส่วิตามินA มามากๆ คนที่เคยใช้ยาทารักษาหน้า Retin-A รู้ดี) และแสงแดดค่ะ  
-    Sodium Hyaluronate , Hyaluronate , Hyaluronic acid ไฮยารูรอน ให้ความชุ่มชื่นเพิ่มความยืดหยุ่นมักเป็นส่วนผสมหลักในมาส์กหน้า
-    Sodium hydroxide , Potassium hydroxide , Hydrogen peroxide  สารประเภทกัดกร่อน ภาษาชาวบ้านเรียก ”โซดาไฟ” บางครั้งใช้ฆ่าเชื้อทำความสะอาดผิวได้ในเปอร์เซ็นอ่อนๆ แต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองไวต่อแสง แต่เค้ามักใส่ไม่เยอะ ไม่เป็นอันตราย แต่สำหรับเรา เราเลี่ยงได้เลี่ยงค่ะ เพราะผิวหน้าเราบางอยู่แล้ว เคยแอบเห็นในสกินแคร์ยี่ห้อดังขวดละเป็นเกือบหมื่นที่ตั้งใจอยากจะซื้อมาใช้ แต่พอเห็นสารตัวนี้ก็แอบผิดหวังนะ ถ้าของดีจริง แพงด้วยไม่น่าต้องใส่สารตัวนี้เลย..แอบเซ็ง
**ที่กล่าวมานี้ก็จะเป็นส่วนผสมหลักๆที่อยากให้สังเกตดูเวลาหาสกินแคร์ใช้กันนะคะ เพราะผิวหน้ามีอันเดียว ต้องอยู่กับเราไปจนตาย ถนอมๆกันหน่อยจะได้สวยด้วยกันไปนานๆนะคะ
..........โปรดติดตามตอนหน้าว่ามาส์กตัวไหนจะเป็นผู้โชคดีหยิบมารีวิวกันนะจ๊ะ
ชื่อสินค้า:   Skindom,Leader,Lululun,The face shop,Banobagi Vita Genic ....
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่