เมื่อคิดจะผ่อนบ้านความเครียดก็มากขึ้น

พ่อแม่ไม่มีที่ดิน ไม่มีบ้านเป็นมรดกให้ หลายๆคนน่าจะมีสภาวะแบบผมโดยเฉพาะคนในเมือง
เช่าห้องอยู่เดือนละ 2000-2500-3000 มา 8 ปีก็สุขสบายดี ทำความสะอาดแค่พอใช้ นอนหลับสบายใจ
พอทำงานไปนานๆ ความคิดเรื่องอยากมีบ้านก็เกิดขึ้น เพราะผมโตแล้ว พ่อแม่ก็ผลักดันให้มีบ้านเป็นของตัวเอง
มองๆไปราคาล้านกลางๆ ไกลจากที่ทำงาน 30 กม.ต้องตื่นเช้าขึ้นมาก มองไปล่วงหน้าต้องผ่อนยาวนาน 30 ปี (ตอนนี้ผมอายุ 31 ปี)
เงินเดือนตอนนี้ 20,000 บาท ไม่มากกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ส่งให้ที่บ้านเดือนละ 5000 ใช้เดือนละ 5000
ค่าห้องรวมน้ำไป 3000 อีก 7000 ที่เหลือต่อเดือนต้องเอามาผ่อนบ้าน คิดไปว่าผมจะไม่มีเงินเก็บเลยถ้าเริ่มผ่อนบ้าน
ญี่ปุ่นก็อยากไป เกาหลีก็อยากไป แฟนก็รอแต่งงาน ผมหาทางออกไม่เจอจริงๆ ภาระมันมากไป เงินเก็บก็น้อย
เพื่อนๆ กว่าจะซื้อบ้านซักหลัง คิดพิจารณาอะไรกันบ้างครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
ชื่นชม ก่อน พื้นฐาน จขกท. ใช้เงินระมัดระวังดีแล้วครับ

เพียงแต่อาจจะยังมีความรู้ทางการเงิน ที่ไม่มากพอ ที่จะวางแผน หรือ จัดสรรเงินให้พอดี ในระยะไกล

ทำให้พอมองภาพไกลๆ ก้อนใหญ่ๆ แล้ว มันมืดมน ไปหมด

เท่าที่อ่านดู จขกท. มีเงินเก็บได้เดือนละ 7000 บาท นี่ต้องบอกว่า ทำได้ดีมากกกกกก น่าจะมากกว่าคนอีก 90%++ สำหรับคนเงินเดือนเท่านี้เลยครับ

อยากให้ลองวางแผน ระยะเวลาที่จะเก็บเงิน จำนวนเงิน ความสำคัญ ออกมาในแต่ละเรื่อง เช่น
- งบไปเที่ยวต่างประเทศ 2 ปี ไปที งบ 30,000 บาท เก็บเดือนละ 1,000 บาท ออมในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (เลื่อนได้)
- งบแต่งงาน แฟนก็รอแต่งงาน อีก 5 ปี งบ 300,000 บาท เก็บเดือนละ 5,000 บาท ออมในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (เลื่อนไม่ได้มั้ง)
- ซื้อบ้าน ระยะเวลา อาจจะตั้งไว้ 5 ปี (ไปผูกกับแต่งงานไหม หรือไม่เกี่ยว) ดาวน์ 200,000 บาท ตกเก็บเดือนละ 3,300 บาท
- เงินเก็บไว้ใช้ยามเกษียณ 30 ปี สมมุติตั้งเป้าไว้ 5 ล้านบาท เก็บเดือนละ 4,000 บาท เก็บในกองทุนหุ้น (คาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ย 7.5% ต่อปี)

ถ้ากู้ซื้อบ้านราคา 1 ล้าน (แต่อยากให้มอง คอนโด ใกล้ที่ทำงานมากกว่า เดี๋ยวเขียนเหตุผลไว้ข้างล่าง)
อาจจะผ่อนประมาณเดือนละ 6,000 บาท จขกท. ซึ่งหากคิดจากข้างบน กับ ฐานเงินเดือนที่น่าจะสูงขึ้นด้วย จขกท. ก็น่าจะผ่อนได้อยู่ครับ และมีเงินเก็บอีกด้วย

ทั้งนี อย่าลืม เก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ ถ้าหากมี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้ว ก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
ศึกษา เรื่องการวางแผนการเงิน และ การลงทุน เพิ่มเติมนะครับ จะวางแผนได้ และ เลือกใช้อุปกรณ์ ต่างๆ เพื่อให้ถึงเป้าหมายได้ถูกต้อง

ที่บอกว่า จะซื้อบ้านอยากให้มอง คอนโด ใกล้ที่ทำงานมากกว่า เพราะ
- ประหยัดค่าเดินทาง ทำให้ออมได้มากกว่า
- มีเวลาให้ครอบครัว มากกว่า
- บ้านหลังนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นบ้านหลังสุดท้ายในชีวิตครับ ซื้อเพื่อให้บ้าน เป็นบ้านก่อน แล้วหากวันหนึ่ง มีรายได้ มีเงินมากพอ จะขยับย้าย มองบ้าน ที่เหมาะสมอีกทีก็ได้ ให้บ้านเป็นบ้านครับ อย่าให้บ้าน กลายมาเป็น โซ่ตรวน ที่ฉุดชีวิต ให้ต้องทำงาน เพื่อมัน แต่ให้บ้าน เป็นที่พัก เพื่อให้มีแรง มีพลัง ในการใช้ชีวิตที่มีความสุขนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
มันเป็นสูตรสำเร็จ (รูป) ที่ถือปฎิบัติ (ตามๆกันมา) แต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะครับ  

    รายได้ของคุณตอนนี้ ผมบอกตรงๆเลยว่า  อย่าเพิ่งคิดก่อหนี้ครับ  แม้คำว่า "บ้าน" ที่หลายๆคนมองว่า เป็น "หนี้ใสๆ" ควรค่าแก่การเป็นหนี้ ก็ตาม

    หลายๆ คนบอกว่า  เอาเงินค่าเช่ามาจ่ายค่าผ่อน ดีกว่า  อย่างน้อยๆ ก็ไม่เสียเปล่า
    คำกล่าวนี้ ไม่จริงเลยครับ  มันไม่มีอะไรที่จ่ายไปแล้วสูญเปล่าหรอก และ ก็ไม่มีอะไรที่จ่ายไปแล้ว จะเป็นหลักประกันที่ยั่งยืนได้

    ทั้งหลายทั้งปวง มันอยู่ที่บริบทของแต่ละคนครับ   ที่จะต้องเอามาพิจารณา มากกว่าจะเอาสูตรสำเร็จมาใช้  

    
    การคิดจะมีบ้านเป็นของตัวเอง นั่นดีครับ แต่คุณต้องดูความพร้อมของตัวเองด้วย มีแผนระยะยาวมั้ย ?  มีแผนรองรับกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือไม่ ?  เช่น คุณตกงาน  เป็นต้น

    บ้านราคา ล้านกลางๆ  ค่าผ่อนจะอยู่ราวๆ 7000-10000 บาท/เดือน  ไหนจะค่าตกแต่งโน้นนี่อีก (เชื่อเหอะ ความเห่อ ไม่เข้าใครออกใคร หลายต่อหลายคน หนี้บานปลายเพราะค่าแต่งบ้านนี่แหละ  รวมถึงผมด้วย )   ค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมตามระยะเวลาอีก บ้านสมัยนี้วัสดุห่วยแตก สำหรับราคา ล้านกว่าๆ นี่  หาคุณภาพดียากเหลือเกิน   2-3 ปี ก็เริ่มต้องซ่อมแล้ว  

    ทำงานเก็บเงินไปก่อนครับ  อย่าเพิ่งไปสร้างภาระเพิ่มเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่