สวัสดีเพื่อน ๆ เราเพิ่งกลับจากทริปโอกินาว่าเมื่อวานที่ผ่านมา อยากแชร์ประสบการณ์ครั้งแรกกับการเช่ารถขับในญี่ปุ่นและการบินด้วยพีชแอร์
เรื่องแรก การเช่ารถของ OTS Rent a car
คือคนไทยเช่ารถกับเจ้านี้เยอะมาก คงเหมือนกับเราที่อ่านในกระทู้แล้วก็แห่กันไปเช่า ด้วยความที่เคยอ่านว่ามีเจ้าหน้าทึ่คนไทยบริการคิดว่าคงอุ่นใจ ฟังรู้เรื่องเรื่องกฎจราจรอะไรแบบนี้
วันแรกไปถึงเครื่องลงโดยเราไม่มีกระเป๋าโหลดไปกันสามคนพ่อแม่ลูก ไปยืนรอตั้งแต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รถเช่ามา (เครื่องลง 8 โมงเช้า) ยืนรอเจ้าหน้าที่มาแล้ว ก็ต้องรอคนไทยในไฟลท์เดียวกันที่รอรับกระเป๋า กว่าจะคนพร้อมขึ้นรถบัสของบริษัทพาไปจุดที่จะเช่ารถ เสียเวลามากบอกเลย เกือบ 9 โมงเช้าจึงได้นั่งรถบัสออกไป
ไปถึงสำนักงานของ OTS รถเอาพวกเรามาปล่อยลงไว้ที่สำนักงาน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งอะไรเลยว่าเราต้องทำอะไร ยังไง ตอนเราขึ้นรถมาจากสนามบิน เราได้เรียกคิวแรก เพราะไปแสดงตัวตอนเช่ารถเป็นคนแรก แต่พอเอาเรามาทิ้งไว้ออฟฟิศ กลายเป็นว่าคนที่เดินเข้าไปในคอกกั้น คล้ายกับเวลาคุณไปทำเช็คอินที่สนามบินแบบนั้น คนเดินไปก่อน กลับได้ทำรายการก่อน แต่ก่อนจะได้ทำรายการเช่ารถ หลังจากปล่อยให้คนไทยทั้งหลายยืนงง ว่าต้องทำอะไรสัก 15 นาที ถึงมีจนท.คนไทยผู้หญิงเดินมา และมายืนอธิบายกฎจราจรตรงคอกกั้นตรงนั้นแหล่ะ อธิบายไมไ่ด้อะไรเยอะแยะเลย จริง ๆอ่านคู่มือภาษาอังกฤษเองก็ได้ เสร็จแล้วคนที่ยืนอยู่ตรงจุดหน้าสุด ก็จะได้เดินเข้าไปยืนเอกสารเช่ารถที่เคาน์เตอร์ก่อน คิวแรกอย่างเราไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
พอยื่นเอกสารเช่ารถเสร็จ คุณจะได้รับการอธิบายว่าประกัน CDW ที่ซื้อมามันแทบไม่ครอบคลุมตัวรถเลยถ้าเราทำเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเราอยากให้ครอบคลุมตัวรถเราด้วย เราต้องจ่ายอีกวันละประมาณ 500 บาทไทย เราเลยไม่ซื้อ อาศัยขับรถอย่างระมัดระวังที่สุดในชีวิต เพราะถ้ามีริ้วรอย บุบ ยุบ ชน คุณจะโดนขั้นต่ำประมาณ 6,000 บาทไทย (20,000 เยน)
หลังจากจ่ายค่ารถเสร็จแล้ว เราคาดหวังว่าที่ใครหลายคนบอกมีเจ้าหน้าที่คนไทย จะเป็นคนพาพวกเรามาอธิบายการใช้ GPS หรือรายละเอียดอื่น ๆ แต่ไม่มี เราเจอคนไทยแค่ช่วงอธิบายกฎจราจรนิดหน่อยตรงนั้น แล้วจบกัน ตอนตรวจรถหรือเปิดใช้รถกลายเป็นเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นทั้งหมด คือ ถ้าเป็นแบบนี้ เราไปหาเช่าเจ้าอื่นที่ไม่ต้องรอนานมาก ๆ ก็ได้
สรุปกว่าจะทำเรื่องเสร็จ เราเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง ในการเช่า แอบเห็นบูธรถเช่าข้าง ๆ กันเป็น Toyota rent a car มีคนเช่าแค่ 1 ครอบครัวเอง ซึ่งมันคงจะเสร็จไวมากกว่า ส่วนตอนคืนรถเสร็จแล้ว ถึงแม้เราจะมาถึงออฟฟิศก่อน 6 โมงเย็น แต่พวกเราที่เป็น Low Cost Airline จะต้องนั่งรอรถบัสที่ออฟฟิศเพื่อไปส่งในเวลาประมาณ 6 โมง 10 นาที คือ คืนรถเร็วไปก็เท่านั้น รถบัสของออฟฟิศเค้าก็ไม่ไปส่งคุณอยู่ดี
มาต่อที่พีชแอร์บ้าง
ประสบการณ์คือ ถ้าบุ้คกิ้งเดียวกันส่วนใหญ่ก็นั่งติดกันนั่นแหล่ะ 3 คน สำหรับขากลับที่ต้องทำเว็บเช็คอินเอง ดูเหมือนทำเช็คอินเร็วจะโดนส่งไปนั่งท้ายเครื่องก่อน แต่ทำเว็บเช็คอินช้าก็ตอบไม่ได้ว่าจะมีที่เหลือแบบติดกันให้เราอีกหรือเปล่า
สำหรับน้ำหนักกระเป๋า เราไม่โหลดทั้งไปและกลับ แต่เคยได้ยินเรื่องความเข้มงวดของน้ำหนัก เลยจัดกระเป๋าไม่ให้เกิน 7 กิโล ตอนขาไปไม่มีจนท.เคาน์เตอร์คนไทยขอชั่งน้ำหนักเลย ส่วนขากลับเช็คอินกับตู้ เสร็จแล้วเราก็เดินผ่านตรวจสัมภาระ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มาขอชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่เราหิ้วขึ้นเครื่องแต่อย่างใด
จบกับประสบการณ์เช่ารถและบินพีชแอร์
ป.ล.อีกอย่าง โอกินาว่าเวิลด์ เราเข้าไปโดยคิดว่าเค้าจะมีร้านอาหารหลาย ๆ ร้านให้เลือกทานพวกราเมง หรือข้าว เลยไมไ่ด้พกของกินเข้าไป แต่เดินจนสุดก็หาร้านที่เราคิดว่าจะกินไมไ่ด้ ไปเจอที่สุดท้ายเป็นบุฟเฟต์เหมาคนละ 1,500 เยน ถ้าเด็กไม่เกิน 5 ขวบคนละ 500 เยน เลยต้องกินเพราะหิวมาก และไม่มีร้านอาหารอื่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถือว่าราคาแพงอะไร ของมีให้เลือกกินหลายอย่าง เพียงแต่จะเปลืองกว่าการซื้อข้าวปั้นตามแฟมิลี่ไปนั่งกินในนั้น
บอกเล่าทริปโอกินาว่าของตัวเองกับรถเช่า OTS และ Peach Air
เรื่องแรก การเช่ารถของ OTS Rent a car
คือคนไทยเช่ารถกับเจ้านี้เยอะมาก คงเหมือนกับเราที่อ่านในกระทู้แล้วก็แห่กันไปเช่า ด้วยความที่เคยอ่านว่ามีเจ้าหน้าทึ่คนไทยบริการคิดว่าคงอุ่นใจ ฟังรู้เรื่องเรื่องกฎจราจรอะไรแบบนี้
วันแรกไปถึงเครื่องลงโดยเราไม่มีกระเป๋าโหลดไปกันสามคนพ่อแม่ลูก ไปยืนรอตั้งแต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รถเช่ามา (เครื่องลง 8 โมงเช้า) ยืนรอเจ้าหน้าที่มาแล้ว ก็ต้องรอคนไทยในไฟลท์เดียวกันที่รอรับกระเป๋า กว่าจะคนพร้อมขึ้นรถบัสของบริษัทพาไปจุดที่จะเช่ารถ เสียเวลามากบอกเลย เกือบ 9 โมงเช้าจึงได้นั่งรถบัสออกไป
ไปถึงสำนักงานของ OTS รถเอาพวกเรามาปล่อยลงไว้ที่สำนักงาน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งอะไรเลยว่าเราต้องทำอะไร ยังไง ตอนเราขึ้นรถมาจากสนามบิน เราได้เรียกคิวแรก เพราะไปแสดงตัวตอนเช่ารถเป็นคนแรก แต่พอเอาเรามาทิ้งไว้ออฟฟิศ กลายเป็นว่าคนที่เดินเข้าไปในคอกกั้น คล้ายกับเวลาคุณไปทำเช็คอินที่สนามบินแบบนั้น คนเดินไปก่อน กลับได้ทำรายการก่อน แต่ก่อนจะได้ทำรายการเช่ารถ หลังจากปล่อยให้คนไทยทั้งหลายยืนงง ว่าต้องทำอะไรสัก 15 นาที ถึงมีจนท.คนไทยผู้หญิงเดินมา และมายืนอธิบายกฎจราจรตรงคอกกั้นตรงนั้นแหล่ะ อธิบายไมไ่ด้อะไรเยอะแยะเลย จริง ๆอ่านคู่มือภาษาอังกฤษเองก็ได้ เสร็จแล้วคนที่ยืนอยู่ตรงจุดหน้าสุด ก็จะได้เดินเข้าไปยืนเอกสารเช่ารถที่เคาน์เตอร์ก่อน คิวแรกอย่างเราไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
พอยื่นเอกสารเช่ารถเสร็จ คุณจะได้รับการอธิบายว่าประกัน CDW ที่ซื้อมามันแทบไม่ครอบคลุมตัวรถเลยถ้าเราทำเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเราอยากให้ครอบคลุมตัวรถเราด้วย เราต้องจ่ายอีกวันละประมาณ 500 บาทไทย เราเลยไม่ซื้อ อาศัยขับรถอย่างระมัดระวังที่สุดในชีวิต เพราะถ้ามีริ้วรอย บุบ ยุบ ชน คุณจะโดนขั้นต่ำประมาณ 6,000 บาทไทย (20,000 เยน)
หลังจากจ่ายค่ารถเสร็จแล้ว เราคาดหวังว่าที่ใครหลายคนบอกมีเจ้าหน้าที่คนไทย จะเป็นคนพาพวกเรามาอธิบายการใช้ GPS หรือรายละเอียดอื่น ๆ แต่ไม่มี เราเจอคนไทยแค่ช่วงอธิบายกฎจราจรนิดหน่อยตรงนั้น แล้วจบกัน ตอนตรวจรถหรือเปิดใช้รถกลายเป็นเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นทั้งหมด คือ ถ้าเป็นแบบนี้ เราไปหาเช่าเจ้าอื่นที่ไม่ต้องรอนานมาก ๆ ก็ได้
สรุปกว่าจะทำเรื่องเสร็จ เราเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง ในการเช่า แอบเห็นบูธรถเช่าข้าง ๆ กันเป็น Toyota rent a car มีคนเช่าแค่ 1 ครอบครัวเอง ซึ่งมันคงจะเสร็จไวมากกว่า ส่วนตอนคืนรถเสร็จแล้ว ถึงแม้เราจะมาถึงออฟฟิศก่อน 6 โมงเย็น แต่พวกเราที่เป็น Low Cost Airline จะต้องนั่งรอรถบัสที่ออฟฟิศเพื่อไปส่งในเวลาประมาณ 6 โมง 10 นาที คือ คืนรถเร็วไปก็เท่านั้น รถบัสของออฟฟิศเค้าก็ไม่ไปส่งคุณอยู่ดี
มาต่อที่พีชแอร์บ้าง
ประสบการณ์คือ ถ้าบุ้คกิ้งเดียวกันส่วนใหญ่ก็นั่งติดกันนั่นแหล่ะ 3 คน สำหรับขากลับที่ต้องทำเว็บเช็คอินเอง ดูเหมือนทำเช็คอินเร็วจะโดนส่งไปนั่งท้ายเครื่องก่อน แต่ทำเว็บเช็คอินช้าก็ตอบไม่ได้ว่าจะมีที่เหลือแบบติดกันให้เราอีกหรือเปล่า
สำหรับน้ำหนักกระเป๋า เราไม่โหลดทั้งไปและกลับ แต่เคยได้ยินเรื่องความเข้มงวดของน้ำหนัก เลยจัดกระเป๋าไม่ให้เกิน 7 กิโล ตอนขาไปไม่มีจนท.เคาน์เตอร์คนไทยขอชั่งน้ำหนักเลย ส่วนขากลับเช็คอินกับตู้ เสร็จแล้วเราก็เดินผ่านตรวจสัมภาระ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มาขอชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่เราหิ้วขึ้นเครื่องแต่อย่างใด
จบกับประสบการณ์เช่ารถและบินพีชแอร์
ป.ล.อีกอย่าง โอกินาว่าเวิลด์ เราเข้าไปโดยคิดว่าเค้าจะมีร้านอาหารหลาย ๆ ร้านให้เลือกทานพวกราเมง หรือข้าว เลยไมไ่ด้พกของกินเข้าไป แต่เดินจนสุดก็หาร้านที่เราคิดว่าจะกินไมไ่ด้ ไปเจอที่สุดท้ายเป็นบุฟเฟต์เหมาคนละ 1,500 เยน ถ้าเด็กไม่เกิน 5 ขวบคนละ 500 เยน เลยต้องกินเพราะหิวมาก และไม่มีร้านอาหารอื่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถือว่าราคาแพงอะไร ของมีให้เลือกกินหลายอย่าง เพียงแต่จะเปลืองกว่าการซื้อข้าวปั้นตามแฟมิลี่ไปนั่งกินในนั้น