Life is Fruity
Life is Fruity (เปิดเผยเนื้อหาหนัง)
แนว หนังสารคดีชีวิต
กำหนดฉายปี 2017
ความยาว 91 นาที
(เข้าฉายในไทยในเทศกาลภาพยนต์ญี่ปุ่น ปี 2562)
น่าจะเป็นหนังทางเลือก ที่อาจจะดูกันเฉพาะกลุ่มแต่ถึงอย่างนั้นก็อยากรีวิวและแนะนำเก็บไว้ค่ะ ชื่อหนังอาจดูน่าเบื่อนะ แต่ถ้าได้ดูจริงๆมันเป็นหนังเชิงสารคดีชีวิตของสองตายายคู่หนึ่งที่น่ารักโคตรๆ (ขออนุญาตใช้คำนี้เลย)
ถ้าคุณชอบ 1. ญี่ปุ่น 2. วิถีชีวิตแบบชนบท 3.แนวคิดเชิงปรัชญาชีวิต
เราอยากให้ลองหาหนังสารคดีเรื่องนี้มานั่งดูค่ะ ดูไปเพลินๆเชื่อว่าจะได้อะไรกลับไปคิดต่อกับชีวิตเราที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่าแน่นอน
สำหรับเรา Life is Fruity เป็นความตั้งใจไปดู (แน่นอนว่ากดตั๋วไม่ทัน แต่โชคดีที่มีคนให้ตั๋วหนังฟรีมา ต้องขอขอบคุณ
งามๆไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ)
สำหรับเรา Life is Fruity คือส่วนผสมของ หนังเรื่อง Little Forest ผสมกับชีวประวัติชีวิตของคนๆหนึ่ง
บท วิว ทุกอย่างในเรื่องตลอด 91 นาทีทั้งหมดคือของจริง ไม่มีการเซตฉาก ไม่มีบทพูด ความน่ารัก ทัศนคติต่องาน คำพูดที่มีต่อคู่ชีวิตของคุณตาคุณยายคือความน่ารักที่เรียลและงดงามอย่างไร้ที่ติเลยจริงๆ
เมนหนังเกินครึ่งอาจจะเน้นการนำเสนอเรื่องงานการเป็นสถาปนิกของคุณตา(90 ปี)ที่มีเส้นชีวิตคาบเกี่ยวอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย แต่วิถีชีวิตประจำวันของคุณตากับคุณยายคู่ชีวิตในเรื่องนั้นก็เป็นตัวชูโรง เป็นเสน่ห์ที่น่าดูของหนังไม่แพ้กันเลยค่ะ
ฉากในบ้าน ตอนคุณยายทำกับข้าวให้คุณตาทาน ฉากคุณยายตัดผมให้คุณตา แล้วมีตอนที่นั่งพักจู่ๆบทสนทนาก็เปลี่ยนไปว่าบางทีฉันก็คิดว่าถ้าตัวเองตายไปก่อนคุณตาจะเป็นยังไงนะ
หรือฉากคือตอนที่คุณยายต้องออกไปทำธุระข้างนอกแล้วรวบผม คุณยายบอกว่า บางทีลูกสาวก็บอกให้คุณแม่ไปร้านทำผมบ้าง แต่ฉันอายุ 87 ปีแล้วที่บ้านไม่ต้องมีกระจกแต่งหน้าแล้วก็ได้ ฟังแล้วก็นึกย้อนมาที่ตัวเองนะ อย่าให้ถึงแค่ว่าจะไปหรือไม่ร้านเสริมสวยตอนอายุมากแล้วเลย เอาแค่ว่าเราจะมีอายุยืนขนาดคุณยายไหมยังเป็นเรื่องที่ยากเกินจะคาดเดาเลยค่ะ (55)
หลักๆเลยก็คือเราชอบความกระจุกกระจิกของวิถีชีวิต และวิถีชนบทของคนญี่ปุ่นค่ะ เราเลยชอบหนังสารคดีอะไรแบบนี้ ทุกอย่างมันดูกุ๊กกิ๊กไปหมด ทั้งเรื่องราวในบ้าน จาน ชาม ถ้วยกาแฟ กระทั่งพีชผักในสวนครัว (จะมีป้ายสีเหลืองที่คุณตาเขียนชื่อผักต่างๆให้คุณยายเอาไปปักไว้ แถมวาดรูปเป็นหน้าคุณยายมือเท้าคางติดไว้อีก) เนี้ย มันกุ๊กกิ๊กฟีลนี้ล่ะค่ะ
คือบางทีฉากอะไรแบบนี้สำหรับเรามันหวานยิ่งกว่าฉากหนุ่มสาวในหนังที่เขาเซตบทขึ้นมาอีกและมันเป็นเสน่ห์ของหนังสารคดี
ความพีคสำหรับเราคือ มีฉากศพในบ้านของคุณตาด้วย แน่นอน มันไม่ใช่การเซตฉากขึ้นมา ระหว่างที่ถ่ายทำหนังสารคดีเรื่องนี้ วันหนึ่งคุณตาก็เสียชีวิตลงค่ะ ฉากหนึ่งที่คุณยายสวมชุดเดรสดำแล้วบอกทีมงานว่า เขาชอบธงที่มีสีสัน ลูกๆหลานๆเลยช่วยกันติดธงสีสันไว้เต็มบ้านเพื่อส่งเขา ฉันจะไม่เศร้านะเพราะเขาคงไม่อยากให้เศร้า แล้วก็ตัดไปที่คุณตานอนนิ่งอยู่ เหมือนคนนอนหลับธรรมดาเสียอย่างนั้น
เรามีความรู้สึกว่า แม้ครี่งสุดท้ายของหนังมันจะเหลือตัวละครแค่ตัวเดียว แต่เรากลับรู้สึกว่ามันอิ่มนะ เป็นการดูหนังที่อิ่ม มันไม่เศร้าเลย มันเป็นการจากลาที่เป็นกลไกของธรรมชาติมาก
จบดื้อๆไปแบบนี้เลยแล้วกันค่ะ
ขอให้ทุกคนที่อุตส่าห์อ่านมาถึงบรรทัดนี้โชคดี มีชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตให้ดีในทุกๆวันนะคะ : )
Life is Fruity ชีวิตนั้นเรียบง่ายและงดงาม
Life is Fruity (เปิดเผยเนื้อหาหนัง)
แนว หนังสารคดีชีวิต
กำหนดฉายปี 2017
ความยาว 91 นาที
(เข้าฉายในไทยในเทศกาลภาพยนต์ญี่ปุ่น ปี 2562)
น่าจะเป็นหนังทางเลือก ที่อาจจะดูกันเฉพาะกลุ่มแต่ถึงอย่างนั้นก็อยากรีวิวและแนะนำเก็บไว้ค่ะ ชื่อหนังอาจดูน่าเบื่อนะ แต่ถ้าได้ดูจริงๆมันเป็นหนังเชิงสารคดีชีวิตของสองตายายคู่หนึ่งที่น่ารักโคตรๆ (ขออนุญาตใช้คำนี้เลย)
ถ้าคุณชอบ 1. ญี่ปุ่น 2. วิถีชีวิตแบบชนบท 3.แนวคิดเชิงปรัชญาชีวิต
เราอยากให้ลองหาหนังสารคดีเรื่องนี้มานั่งดูค่ะ ดูไปเพลินๆเชื่อว่าจะได้อะไรกลับไปคิดต่อกับชีวิตเราที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่าแน่นอน
สำหรับเรา Life is Fruity เป็นความตั้งใจไปดู (แน่นอนว่ากดตั๋วไม่ทัน แต่โชคดีที่มีคนให้ตั๋วหนังฟรีมา ต้องขอขอบคุณ
งามๆไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ)
สำหรับเรา Life is Fruity คือส่วนผสมของ หนังเรื่อง Little Forest ผสมกับชีวประวัติชีวิตของคนๆหนึ่ง
บท วิว ทุกอย่างในเรื่องตลอด 91 นาทีทั้งหมดคือของจริง ไม่มีการเซตฉาก ไม่มีบทพูด ความน่ารัก ทัศนคติต่องาน คำพูดที่มีต่อคู่ชีวิตของคุณตาคุณยายคือความน่ารักที่เรียลและงดงามอย่างไร้ที่ติเลยจริงๆ
เมนหนังเกินครึ่งอาจจะเน้นการนำเสนอเรื่องงานการเป็นสถาปนิกของคุณตา(90 ปี)ที่มีเส้นชีวิตคาบเกี่ยวอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย แต่วิถีชีวิตประจำวันของคุณตากับคุณยายคู่ชีวิตในเรื่องนั้นก็เป็นตัวชูโรง เป็นเสน่ห์ที่น่าดูของหนังไม่แพ้กันเลยค่ะ
ฉากในบ้าน ตอนคุณยายทำกับข้าวให้คุณตาทาน ฉากคุณยายตัดผมให้คุณตา แล้วมีตอนที่นั่งพักจู่ๆบทสนทนาก็เปลี่ยนไปว่าบางทีฉันก็คิดว่าถ้าตัวเองตายไปก่อนคุณตาจะเป็นยังไงนะ
หรือฉากคือตอนที่คุณยายต้องออกไปทำธุระข้างนอกแล้วรวบผม คุณยายบอกว่า บางทีลูกสาวก็บอกให้คุณแม่ไปร้านทำผมบ้าง แต่ฉันอายุ 87 ปีแล้วที่บ้านไม่ต้องมีกระจกแต่งหน้าแล้วก็ได้ ฟังแล้วก็นึกย้อนมาที่ตัวเองนะ อย่าให้ถึงแค่ว่าจะไปหรือไม่ร้านเสริมสวยตอนอายุมากแล้วเลย เอาแค่ว่าเราจะมีอายุยืนขนาดคุณยายไหมยังเป็นเรื่องที่ยากเกินจะคาดเดาเลยค่ะ (55)
หลักๆเลยก็คือเราชอบความกระจุกกระจิกของวิถีชีวิต และวิถีชนบทของคนญี่ปุ่นค่ะ เราเลยชอบหนังสารคดีอะไรแบบนี้ ทุกอย่างมันดูกุ๊กกิ๊กไปหมด ทั้งเรื่องราวในบ้าน จาน ชาม ถ้วยกาแฟ กระทั่งพีชผักในสวนครัว (จะมีป้ายสีเหลืองที่คุณตาเขียนชื่อผักต่างๆให้คุณยายเอาไปปักไว้ แถมวาดรูปเป็นหน้าคุณยายมือเท้าคางติดไว้อีก) เนี้ย มันกุ๊กกิ๊กฟีลนี้ล่ะค่ะ
คือบางทีฉากอะไรแบบนี้สำหรับเรามันหวานยิ่งกว่าฉากหนุ่มสาวในหนังที่เขาเซตบทขึ้นมาอีกและมันเป็นเสน่ห์ของหนังสารคดี
ความพีคสำหรับเราคือ มีฉากศพในบ้านของคุณตาด้วย แน่นอน มันไม่ใช่การเซตฉากขึ้นมา ระหว่างที่ถ่ายทำหนังสารคดีเรื่องนี้ วันหนึ่งคุณตาก็เสียชีวิตลงค่ะ ฉากหนึ่งที่คุณยายสวมชุดเดรสดำแล้วบอกทีมงานว่า เขาชอบธงที่มีสีสัน ลูกๆหลานๆเลยช่วยกันติดธงสีสันไว้เต็มบ้านเพื่อส่งเขา ฉันจะไม่เศร้านะเพราะเขาคงไม่อยากให้เศร้า แล้วก็ตัดไปที่คุณตานอนนิ่งอยู่ เหมือนคนนอนหลับธรรมดาเสียอย่างนั้น
เรามีความรู้สึกว่า แม้ครี่งสุดท้ายของหนังมันจะเหลือตัวละครแค่ตัวเดียว แต่เรากลับรู้สึกว่ามันอิ่มนะ เป็นการดูหนังที่อิ่ม มันไม่เศร้าเลย มันเป็นการจากลาที่เป็นกลไกของธรรมชาติมาก
ขอให้ทุกคนที่อุตส่าห์อ่านมาถึงบรรทัดนี้โชคดี มีชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตให้ดีในทุกๆวันนะคะ : )