มาถึง Part จบกันแล้ว ต้องขอโทษที่ล่าช้ามาก และ ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับสำหรับ Part นี้อาจจะมีเนื้อหาที่น้อยและภาพที่ไม่ครบเท่าไหร่ครับ เนื่องจากกล้องเต็มและเหนื่อยล้ามาหลายวันครับบางสถานที่ก็ไม่ได้หยิบขึ้นมาถ่ายครับ และขอขอบคุณที่คอยติดตามชมถึง Part สุดท้าย
ตื่นเช้ามาวันที่ 12 เรามีจุดหมายไป 2 ที่คือ YamaderaRisshakujiTempleและGinza Onsenเราได้ทำการจองรถ 1 วันเพื่อขับไปยัง 2 สถานที่นี้ บริษัทที่เช่ารถคือ Nippon Rent A Car เปิด Google map ตามไปเลยจ้า
ถึงแล้วหน้าร้านหน้าตาแบบนี้เลยจ้า Credit:Google map เราได้เอารถ Toyota ตกคันล่ะ 2500 บาท แต่รุ่นไรไม่รู้ ทรงคล้ายๆ Yaris ครับ ผมนั่ง 6 คนก็ตกคนล่ะ 420 บาทโดยประมาณ ได้น้ำมันมาเต็มถัง เวลาคืนรถก็เติมคืนเต็มถังค่าน้ำมันก็ไม่ได้แพงเท่าที่ควร ลิตรล่ะ 30กว่าบาทนิดๆ
เมื่อเราได้รถเรียบร้อยเราขับลุยตาม Google map เลยจ้าไปยัง YamaderaRisshakujiTempleหรือจะนั่งรถไฟมาลงสถานีYamadera
ถึงแล้วจ้าเมือง Yamaderaซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด YamaderaRisshakujiTemple
เดินชมบรรยากาศร้านค้าในระแวกนั้น
หาที่จอดรถเลยจ้า บางที่เสียตังนะครับ ทางผมได้ไปขอจอดร้านอาหารแต่ผมก็เข้าไปกินอาหารในร้านเขาก่อนนะครับนี่แหละครับร้านอาหารที่ผมเข้าไปกิน ก็มีพวกอาหารทั่วไปครับราเมง ข้าวหน้าหมูไรแบบนี้ อุด้ง ไม่ได้ถ่ายมานะครับ ราคาไม่แพงครับปกติทั่วไป เอาสะว่าอิ่มแล้วได้ค่าจอดรถฟรีด้วย
ทุกๆบ้านก็ต้องมีเครื่องโกยหิมะครับ เพื่อไม่ให้บังหน้าบ้านเรา เก็บกวาดหิมะให้เป็นระเบียบ น่าเล่นไหมครับ 555+
มาถึงแล้ววัด YamaderaRisshakujiTemple นี่ไงทางขึ้นโหดมากๆ ระวังลื่นนะครับตกนี่ตกยาวนะครับชันและสูงมาก ถ้ามาหน้าหิมะ
นี่ไง Map ของทางวัด เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่สูงและกว้างมาก ประวัติของวัด Credit:
https://www.talonjapan.com/yamadera-temple/เป็นวัดของนิกายเทนไดที่สวยงามที่ตั้งอยู่ในภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองยามากาตะ ก่อตั้งขึ้นในปี 860 มีอายุมากกว่า 1,000 ปี มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Risshakujiเนื่องจากพื้นที่ของวัดครอบคลุมถึงบนเนินเขาลาดชัน ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหุบเขาที่สวยงามได้อย่าง รอบๆประกอบด้วยร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ รวมถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของสะพานในช่วงต้นสมัยเฮอัน(794-1185) จักรพรรดิเซวะ ได้ส่งพระสงฆ์ Jikaku Daishi ไปยังชายแดนของภูมิภาคโทโฮคุ และได้สร้างวัดยามาเดระขึ้น วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีนักกวีชื่อดัง Basho ได้มาเยี่ยมชมแล้วแต่งกลอนไฮกุอันไพเราะไว้ที่นี่ ซึ่งเกี่ยวกับความนิ่งและเงียบสงบของพื้นที่แห่งนี้ ปัจจุบันมีรูปปั้นของกวี Basho และแผ่นหินจารึกตั้งอยู่ด้านล่างของวัดรอบๆฐานของภูเขาประกอบด้วยอาคารของวัดหลายอาคาร รวมถึงห้องโถงหลัก Konponchudo Hall ซึ่งเป็นอาคารไม้บีชที่เก่าแก่ที่สุด เป็นสถานที่ที่รวบรวมพระพุทธรูป และคบเพลิงที่ถูกจุดไว้ตั้งแต่ก่อตั้งวัดยามาเดระ ซึ่งเปลวไฟนี้ได้รับมาจากวัดเอนริอาคุจิ(Enryakuji Temple) ในเกียวโต(วัดหลักของนิกายเทนได) และยังมีห้องสมบัติเล็กๆที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมฟรีอีกด้วยหากต้องการเข้าชมพื้นที่ด้านบนของวัด จะต้องใช้เวลาเดินขึ้นไปประมาณ 30 นาที ถึงประตูซังม่อน(Sanmon Gate) แล้วเดินต่อไปอีก 3 นาทีจึงถึงห้องโถงหลัก (มีค่าเข้าชมต่างหาก) เส้นทางที่เดินขึ้นไปเป็นบันไดหินประมาณ 1,000 ขั้น ตลอดทางจะพบโคมไฟหิน และรูปปั้นเล็กๆในป่า เมื่อใกล้ถึงยอดเขาจะเป็นเส้นทางผ่านหินมิดะโฮระ(Mida Hora rock) ขนาดใหญ่มีรูปร่างคล้ายพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นจึงถึงประตูนิโอม่อน(Niomon Gate) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ค่อนข้างใหม่ เมื่อผ่านประตูนิโอม่อนมาแล้ว จะมีทางแยกไปยังอาคารวัดตามจุดต่างๆริมเชิงเขา แต่ละจุดเป็นสถานที่ชมวิวทิวทัศน์หุบเขาอันงดงาม หนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัด คือ หอคาอิซังโดะ(Kaisando Hall) ที่สำหรับผู้ก่อตั้งวัด และอาคารเล็กที่ติดกัน โนเคียวโดะ(Nokyodo) ที่สำหรับคัดลอกพระสูตร
ส่วนผมอยู่แต่ข้างล่างนะครับ เพราะหิมะเยอะมากเขาปิดทางขึ้นเลยไม่ได้ครับ ถ่ายวิวรอบเข้าไป
สวยไหมง่ะ ระแหวกร้านค้าและบ้านๆรอบเมืองแห่งนี้
วิวอาจจะไม่สวยเท่าคนข้างๆที่คุณไปนะ 555+
เสพย์กันสักพัก เราก็มาขอพรได้เลยจ้า
มีมุมต่างๆมากมายที่ถ่ายรูปได้นะ ลุยเลยให้เมมเต็ม
ขอ Act หน่อย นั่งรถมาตั้งไกล อิอิ
หนาวกว่านี้มีอีกไหม......
บางคนอาจจะเบื่อ แต่บางมุมก็สวยไปอีกแบบนะ
น่าไปนอนกลิ้งแล้วถ่ายจริงๆฉากนี้
ศาลาต่างๆภายในวัด
ลำธารเล็กๆภายในวัดจ้า ใครหนาวไม่พอ ลองลงไปเล่นดู (พูดเล่นนะครับ)
ลุยเลยปั้นหิมะโยนใส่กัน เหมือนในการ์ตูน ฟูและนุ่มจริงๆ แต่โยนใส่กันนี่เจ็บเอาเรื่องนะ!
มุมนี้ได้เห็นวิวภูเขารอบๆวัดด้วย ก็สวยไปอีกแบบเนาะ ว่าไหม ??(ใครว่า ??)
นี่ไงหิมะเยอะขนาดไหน อาผมไปยืนก็ท่วมไปครึ่งตัว
นี่วิวของเมืองแต่ถ้าขึ้นไปบนสุดน่าจะสวยกว่านี้นะ
สะพานแดงก็มา เอ๊ะ ไม่ใช่ล่ะๆ
ดูเหมือนโรงแรมนะแต่ไม่รู้ว่าใช่ไหม ผมว่าถ้ามาลองพักที่นี่คืนก็เที่ยววัดชิวๆได้สบายไม่ต้องรีบเท่าไหร่
มาถึงทางลงแล้วของวัด ขึ้นอีกทางลงอีกทางนะครับ ถ่ายรูปสวยนะวิวกำลังได้เลย
ลงดีๆนะครับไม่งั้นลื่นแน่นอน ดูจากหิมะเกาะบันได เมื่อเสพย์วัดแห่งนี้เรียบร้อย เราจะไปเป้าหมายต่อไปคือ Ginza Onsen
เมื่อเราเที่ยววัดเสร็จเรียบร้อย ท้องก็เริ่มร้องว่าหิว 555+ และเก็ไม่มีแพลนว่าจะไปกินร้านไหนต่อ จากนั้นก็เปิด Google map แสดงร้านอาหารขึ้นมาในทางที่จะไปกิน Ginza Onsenบังเอิญไปเจอร้านนี้ชื่อร้านตามภาพเลยจ้าเป็นร้านขายเนื้อพวกสเต็กต่างๆ วิวทะเลสาบ
หน้าร้านจะเป็นแบบนี้นะครับ อันนี้เอามาจาก Google map นะครับ หน้าร้านจะขาวไปด้วยหิมะเลยตอนผมไปแทบมองไม่เห็นหน้าร้าน
นั่นไงรถกระป๋องของพวกเราอัด 6 คน คันสีฟ้า 555+
บรรยากาศภายในร้านจ้า มีมุมที่ไว้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่กินต่างๆถ้าสนใจก็มามุมนี้ได้เลยจ้า
ตู้โชว์โมเดลเล็กๆน่ารักอีกมุมของร้าน
ไปที่โต๊ะกันเลยหามุมดีๆและนั่งได้เลยครับ
ไปที่โต๊ะกันเลยหามุมดีๆและนั่งได้เลยครับ
นี่ไงครับ มุมซีวิว 5555+ ถ้าหน้าหิมะจะไม่ค่อยเห็นวิวนะครับ
มาแล้วครับเมนูแรก ซุปเห็ด เสิร์ฟพร้อมสลัด รสชาติกลมกล่อมและอร่อยครับ น้ำสลัดจะไม่เค็มมากนะครับ แนะนำถ้าหนาวมาควรสั่งมาซดร้อนๆครับแก้หนาว
นี่ล่ะเด็ดเลย สเต็กเนื้อของเมืองนี้หรือป่าว ?? ไม่รู้นะ แต่มีประวัติอยู่จ้า 555+ นุ่มแต่ไม่ถึงกับละลายแต่รสชาติออกมาได้ดีมาก ไม่ถึงราดซอสหรือปรุงก็ได้นะครับ กินกับข้าวสวยร้อนๆ หื้มมมมม อยากกินอีกเลยมีเนื้อให้เลือกนะครับ ส่วนนั้นส่วนนี้ พันธุ์นั้นพันธุ์นี้ตามสะดวกเลยครับ ราคาไม่ได้แรงมากครับ
ใครไม่กินเนื้อ หมูก็มีจ้าพร้อมสูตรซอสของทางร้าน นุ่มครับไม่เหนียว
อีกเมนู น่าจะเป็นสตูว์เนื้อหรือเนื้อตุ๋นราดซอส ไม่แน่ใจเหมือนครับ แต่ไม่ออกหวานนะครับ กินกับข้าวสวยก็เด็ดไม่ใช่ย่อยเมื่ออิ่มและมีแรงพร้อมลุยต่อกันเลย
ปักมุดพร้อมลุย ไปต่อไม่รอแล้วนะ พิมพ์เยอะเจ็บนิ้ว นั่งนานปวดตูด...
ขับตามมาเรื่อยๆๆ ถึงแล้วครับบบบบบ Ginza Onsen (กินซันออนเซ็น) แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองโอบานาซาวะ จ.ยามากาตะ ภูมิภาคโทโฮคุ โดยเป็นแหล่งออนเซ็นที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นแบ่งเขตจ.อิวาเตะ ว่ากันว่าตั้งชื่อมาจาก “โนเบซาวะกินซัง” เหมืองเงินขนาดใหญ่อันเจริญรุ่งเรืองในสมัยก่อน หมู่บ้านออนเซ็นในปัจจุบันสร้างขึ้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บรรยากาศของหมู่บ้านที่เรียงรายไปด้วย เรียวกัง ไม้เลียบแม่น้ำยังคงมีให้เห็นกันอยู่จนถึงทุกวันนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มสร้าง ตอนแรกพวกผมจะมาแช่ออนเซ็นที่นี่แล้วก็กลับ สรุปไม่ได้แช่ครับ เวลาเปิด-ปิดไม่ตรงกับที่พวกผมมาถึง แนะนำครับใครอยากมาแช่ที่นี่ แนะนำให้จองที่พักที่มีออนเซ็นเลยครับได้ถ่ายรูปสวยๆทั้งกลางวันและกลางคืนมีแสงไฟ
ชมบรรยากาศรอบๆครับ จะมีโรงแรมและเรียวกังติดกันๆไปครับ อารมณ์เมืองเก่าชิคๆของญี่ปุ่น
สักรูปหน่อย สวยๆจริง เสียดายที่ไม่ได้มาแช่ออนเซ็น
อาผมก็ขอบ้างครับ อิอิ
[SR] 15Day Japan "Trip" เดินให้ขาขาด กินให้เป๋าฉีก [Hokkaido and Tokyo] (Part END)
ตื่นเช้ามาวันที่ 12 เรามีจุดหมายไป 2 ที่คือ YamaderaRisshakujiTempleและGinza Onsenเราได้ทำการจองรถ 1 วันเพื่อขับไปยัง 2 สถานที่นี้ บริษัทที่เช่ารถคือ Nippon Rent A Car เปิด Google map ตามไปเลยจ้า
ถึงแล้วหน้าร้านหน้าตาแบบนี้เลยจ้า Credit:Google map เราได้เอารถ Toyota ตกคันล่ะ 2500 บาท แต่รุ่นไรไม่รู้ ทรงคล้ายๆ Yaris ครับ ผมนั่ง 6 คนก็ตกคนล่ะ 420 บาทโดยประมาณ ได้น้ำมันมาเต็มถัง เวลาคืนรถก็เติมคืนเต็มถังค่าน้ำมันก็ไม่ได้แพงเท่าที่ควร ลิตรล่ะ 30กว่าบาทนิดๆ
เมื่อเราได้รถเรียบร้อยเราขับลุยตาม Google map เลยจ้าไปยัง YamaderaRisshakujiTempleหรือจะนั่งรถไฟมาลงสถานีYamadera
ถึงแล้วจ้าเมือง Yamaderaซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด YamaderaRisshakujiTemple
เดินชมบรรยากาศร้านค้าในระแวกนั้น
หาที่จอดรถเลยจ้า บางที่เสียตังนะครับ ทางผมได้ไปขอจอดร้านอาหารแต่ผมก็เข้าไปกินอาหารในร้านเขาก่อนนะครับนี่แหละครับร้านอาหารที่ผมเข้าไปกิน ก็มีพวกอาหารทั่วไปครับราเมง ข้าวหน้าหมูไรแบบนี้ อุด้ง ไม่ได้ถ่ายมานะครับ ราคาไม่แพงครับปกติทั่วไป เอาสะว่าอิ่มแล้วได้ค่าจอดรถฟรีด้วย
ทุกๆบ้านก็ต้องมีเครื่องโกยหิมะครับ เพื่อไม่ให้บังหน้าบ้านเรา เก็บกวาดหิมะให้เป็นระเบียบ น่าเล่นไหมครับ 555+
มาถึงแล้ววัด YamaderaRisshakujiTemple นี่ไงทางขึ้นโหดมากๆ ระวังลื่นนะครับตกนี่ตกยาวนะครับชันและสูงมาก ถ้ามาหน้าหิมะ
นี่ไง Map ของทางวัด เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่สูงและกว้างมาก ประวัติของวัด Credit: https://www.talonjapan.com/yamadera-temple/เป็นวัดของนิกายเทนไดที่สวยงามที่ตั้งอยู่ในภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองยามากาตะ ก่อตั้งขึ้นในปี 860 มีอายุมากกว่า 1,000 ปี มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Risshakujiเนื่องจากพื้นที่ของวัดครอบคลุมถึงบนเนินเขาลาดชัน ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหุบเขาที่สวยงามได้อย่าง รอบๆประกอบด้วยร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ รวมถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของสะพานในช่วงต้นสมัยเฮอัน(794-1185) จักรพรรดิเซวะ ได้ส่งพระสงฆ์ Jikaku Daishi ไปยังชายแดนของภูมิภาคโทโฮคุ และได้สร้างวัดยามาเดระขึ้น วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีนักกวีชื่อดัง Basho ได้มาเยี่ยมชมแล้วแต่งกลอนไฮกุอันไพเราะไว้ที่นี่ ซึ่งเกี่ยวกับความนิ่งและเงียบสงบของพื้นที่แห่งนี้ ปัจจุบันมีรูปปั้นของกวี Basho และแผ่นหินจารึกตั้งอยู่ด้านล่างของวัดรอบๆฐานของภูเขาประกอบด้วยอาคารของวัดหลายอาคาร รวมถึงห้องโถงหลัก Konponchudo Hall ซึ่งเป็นอาคารไม้บีชที่เก่าแก่ที่สุด เป็นสถานที่ที่รวบรวมพระพุทธรูป และคบเพลิงที่ถูกจุดไว้ตั้งแต่ก่อตั้งวัดยามาเดระ ซึ่งเปลวไฟนี้ได้รับมาจากวัดเอนริอาคุจิ(Enryakuji Temple) ในเกียวโต(วัดหลักของนิกายเทนได) และยังมีห้องสมบัติเล็กๆที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมฟรีอีกด้วยหากต้องการเข้าชมพื้นที่ด้านบนของวัด จะต้องใช้เวลาเดินขึ้นไปประมาณ 30 นาที ถึงประตูซังม่อน(Sanmon Gate) แล้วเดินต่อไปอีก 3 นาทีจึงถึงห้องโถงหลัก (มีค่าเข้าชมต่างหาก) เส้นทางที่เดินขึ้นไปเป็นบันไดหินประมาณ 1,000 ขั้น ตลอดทางจะพบโคมไฟหิน และรูปปั้นเล็กๆในป่า เมื่อใกล้ถึงยอดเขาจะเป็นเส้นทางผ่านหินมิดะโฮระ(Mida Hora rock) ขนาดใหญ่มีรูปร่างคล้ายพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นจึงถึงประตูนิโอม่อน(Niomon Gate) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ค่อนข้างใหม่ เมื่อผ่านประตูนิโอม่อนมาแล้ว จะมีทางแยกไปยังอาคารวัดตามจุดต่างๆริมเชิงเขา แต่ละจุดเป็นสถานที่ชมวิวทิวทัศน์หุบเขาอันงดงาม หนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัด คือ หอคาอิซังโดะ(Kaisando Hall) ที่สำหรับผู้ก่อตั้งวัด และอาคารเล็กที่ติดกัน โนเคียวโดะ(Nokyodo) ที่สำหรับคัดลอกพระสูตร
ส่วนผมอยู่แต่ข้างล่างนะครับ เพราะหิมะเยอะมากเขาปิดทางขึ้นเลยไม่ได้ครับ ถ่ายวิวรอบเข้าไป
สวยไหมง่ะ ระแหวกร้านค้าและบ้านๆรอบเมืองแห่งนี้
วิวอาจจะไม่สวยเท่าคนข้างๆที่คุณไปนะ 555+
เสพย์กันสักพัก เราก็มาขอพรได้เลยจ้า
มีมุมต่างๆมากมายที่ถ่ายรูปได้นะ ลุยเลยให้เมมเต็ม
ขอ Act หน่อย นั่งรถมาตั้งไกล อิอิ
หนาวกว่านี้มีอีกไหม......
บางคนอาจจะเบื่อ แต่บางมุมก็สวยไปอีกแบบนะ
น่าไปนอนกลิ้งแล้วถ่ายจริงๆฉากนี้
ศาลาต่างๆภายในวัด
ลำธารเล็กๆภายในวัดจ้า ใครหนาวไม่พอ ลองลงไปเล่นดู (พูดเล่นนะครับ)
ลุยเลยปั้นหิมะโยนใส่กัน เหมือนในการ์ตูน ฟูและนุ่มจริงๆ แต่โยนใส่กันนี่เจ็บเอาเรื่องนะ!
มุมนี้ได้เห็นวิวภูเขารอบๆวัดด้วย ก็สวยไปอีกแบบเนาะ ว่าไหม ??(ใครว่า ??)
นี่ไงหิมะเยอะขนาดไหน อาผมไปยืนก็ท่วมไปครึ่งตัว
นี่วิวของเมืองแต่ถ้าขึ้นไปบนสุดน่าจะสวยกว่านี้นะ
สะพานแดงก็มา เอ๊ะ ไม่ใช่ล่ะๆ
ดูเหมือนโรงแรมนะแต่ไม่รู้ว่าใช่ไหม ผมว่าถ้ามาลองพักที่นี่คืนก็เที่ยววัดชิวๆได้สบายไม่ต้องรีบเท่าไหร่
มาถึงทางลงแล้วของวัด ขึ้นอีกทางลงอีกทางนะครับ ถ่ายรูปสวยนะวิวกำลังได้เลย
ลงดีๆนะครับไม่งั้นลื่นแน่นอน ดูจากหิมะเกาะบันได เมื่อเสพย์วัดแห่งนี้เรียบร้อย เราจะไปเป้าหมายต่อไปคือ Ginza Onsen
เมื่อเราเที่ยววัดเสร็จเรียบร้อย ท้องก็เริ่มร้องว่าหิว 555+ และเก็ไม่มีแพลนว่าจะไปกินร้านไหนต่อ จากนั้นก็เปิด Google map แสดงร้านอาหารขึ้นมาในทางที่จะไปกิน Ginza Onsenบังเอิญไปเจอร้านนี้ชื่อร้านตามภาพเลยจ้าเป็นร้านขายเนื้อพวกสเต็กต่างๆ วิวทะเลสาบ
หน้าร้านจะเป็นแบบนี้นะครับ อันนี้เอามาจาก Google map นะครับ หน้าร้านจะขาวไปด้วยหิมะเลยตอนผมไปแทบมองไม่เห็นหน้าร้าน
นั่นไงรถกระป๋องของพวกเราอัด 6 คน คันสีฟ้า 555+
บรรยากาศภายในร้านจ้า มีมุมที่ไว้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่กินต่างๆถ้าสนใจก็มามุมนี้ได้เลยจ้า
ตู้โชว์โมเดลเล็กๆน่ารักอีกมุมของร้าน
ไปที่โต๊ะกันเลยหามุมดีๆและนั่งได้เลยครับ
ไปที่โต๊ะกันเลยหามุมดีๆและนั่งได้เลยครับ
นี่ไงครับ มุมซีวิว 5555+ ถ้าหน้าหิมะจะไม่ค่อยเห็นวิวนะครับ
มาแล้วครับเมนูแรก ซุปเห็ด เสิร์ฟพร้อมสลัด รสชาติกลมกล่อมและอร่อยครับ น้ำสลัดจะไม่เค็มมากนะครับ แนะนำถ้าหนาวมาควรสั่งมาซดร้อนๆครับแก้หนาว
นี่ล่ะเด็ดเลย สเต็กเนื้อของเมืองนี้หรือป่าว ?? ไม่รู้นะ แต่มีประวัติอยู่จ้า 555+ นุ่มแต่ไม่ถึงกับละลายแต่รสชาติออกมาได้ดีมาก ไม่ถึงราดซอสหรือปรุงก็ได้นะครับ กินกับข้าวสวยร้อนๆ หื้มมมมม อยากกินอีกเลยมีเนื้อให้เลือกนะครับ ส่วนนั้นส่วนนี้ พันธุ์นั้นพันธุ์นี้ตามสะดวกเลยครับ ราคาไม่ได้แรงมากครับ
ใครไม่กินเนื้อ หมูก็มีจ้าพร้อมสูตรซอสของทางร้าน นุ่มครับไม่เหนียว
อีกเมนู น่าจะเป็นสตูว์เนื้อหรือเนื้อตุ๋นราดซอส ไม่แน่ใจเหมือนครับ แต่ไม่ออกหวานนะครับ กินกับข้าวสวยก็เด็ดไม่ใช่ย่อยเมื่ออิ่มและมีแรงพร้อมลุยต่อกันเลย
ปักมุดพร้อมลุย ไปต่อไม่รอแล้วนะ พิมพ์เยอะเจ็บนิ้ว นั่งนานปวดตูด...
ขับตามมาเรื่อยๆๆ ถึงแล้วครับบบบบบ Ginza Onsen (กินซันออนเซ็น) แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองโอบานาซาวะ จ.ยามากาตะ ภูมิภาคโทโฮคุ โดยเป็นแหล่งออนเซ็นที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นแบ่งเขตจ.อิวาเตะ ว่ากันว่าตั้งชื่อมาจาก “โนเบซาวะกินซัง” เหมืองเงินขนาดใหญ่อันเจริญรุ่งเรืองในสมัยก่อน หมู่บ้านออนเซ็นในปัจจุบันสร้างขึ้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บรรยากาศของหมู่บ้านที่เรียงรายไปด้วย เรียวกัง ไม้เลียบแม่น้ำยังคงมีให้เห็นกันอยู่จนถึงทุกวันนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มสร้าง ตอนแรกพวกผมจะมาแช่ออนเซ็นที่นี่แล้วก็กลับ สรุปไม่ได้แช่ครับ เวลาเปิด-ปิดไม่ตรงกับที่พวกผมมาถึง แนะนำครับใครอยากมาแช่ที่นี่ แนะนำให้จองที่พักที่มีออนเซ็นเลยครับได้ถ่ายรูปสวยๆทั้งกลางวันและกลางคืนมีแสงไฟ
ชมบรรยากาศรอบๆครับ จะมีโรงแรมและเรียวกังติดกันๆไปครับ อารมณ์เมืองเก่าชิคๆของญี่ปุ่น
สักรูปหน่อย สวยๆจริง เสียดายที่ไม่ได้มาแช่ออนเซ็น
อาผมก็ขอบ้างครับ อิอิ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น