ตอนนี้ชีวิตเรากำลังแปรเปลี่ยนมากค่ะ จากเมื่อก่อนเคยมีบ้าน ตอนนี้ก็กำลังจะขาย
จากเมื่อก่อนเคยมีเงินทอง ตอนนี้กลับมีหนี้สินท่วมหัว
จากเมื่อก่อนพ่อแม่รักกันดีครอบครัวอบอุ่น ตอนนี้กำลังทะเลาะกันอย่างหนักเพราะหนี้สินและกำลังจะแยกทางกัน
พ่อทำงานค้าขายเมื่อก่อน ก่อนยุคพลเอก... ขายของได้กำไรงาม คืนละห้าพันอัพ แต่ตอนนี้บางคืนขายไม่ได้เลยก็มีต้องไปเสียค่าที่เปล่าๆบางครั้งถึงกลับต้องไปยืมเงินร้านข้างๆมาจ่ายค่าที่ด้วยซ้ำ
ส่วนแม่ เมื่อก่อน ก่อนยุคพลเอก...
เงินเดือนสามหมื่นอัพ ตอนนี้เหลือแค่สองหมื่นเศษๆ เพราะบริษัทกำไรไม่ดี ห้างหลายแห่งยุบไปเพราะพิษเศรษฐกิจ
จนตอนนี้รายได้ติดลบ เพราะเงินเดือนถูกลด ต้องจ่าย ค่าเทอม ค่ารถ ค่าบ้าน เงินเดือนแทบไม่พอ เพราะแม่เป็นคนจ่ายหนี้สินในบ้าน เพราะเป็นชื่อแม่
ตอนนี้ประกาศขายบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ พ่อแม่ก็เตรียมแยกย้ายกันเมื่อขายบ้านได้ เราอยากเรียนต่อรร.ดีๆเลยตัดสินใจอยู่กับพ่อที่รายได้ไม่แน่นอนสองคน(เราอยู่นนทบุรีค่ะ ติดกรุงเทพและติดรถไฟฟ้าเลยไปมาสะดวก) ส่วนแม่ก็ตัดสินใจกลับไปอยู่หาดใจกับน้องค่ะ ซึ่งทุกๆวันคนที่ทำให้เราสดใจได้ และเป็นคนที่ช่วยฮีลลิ่งเรายามท้อหรือเหนื่อยก็คือน้องเนี่ยแหละค่ะ พอน้องจะไปก็รู้สึกกังวล ตอนนี้เครียดมากๆค่ะ ปีหน้าต้องสอบเข้าแล้ว อยู่กับพ่อสองคนก็ไม่แน่ใจว่าจะส่งเรียนไหวหรือเปล่า สงสารพ่อมากๆเลยค่ะ เมื่อกี้นั่งคุยกับพ่อถึงแผนการเรียนต่อไปก็ยิ่งสงสาร สิ่งที่เป็นชื่อพ่อก็มีอย่างเดียวคือรถ แกบอกว่าแกจะทำทุกอย่างเพื่อส่งเราเรียน แกจะยอมขายรถ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของแกค่ะ ตอนนี้เครียดมากๆ หลังจากขายบ้านก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหนแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี พ่อบอกว่า "หนูไม่ต้องคิดอะไรหรอก ขอแค่หนูตั้งใจเรียนเรียนให้เก่ง สอบเข้าให้ได้ พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อส่งหนูเรียนเอง" แต่ก็อดคิดไม่ได้ค่ะ สงสารพ่อเหลือเกิน ไอ้เราก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรมากมาย ไม่รู้ว่าจะสู้เขาได้หรือเปล่า ถ้าสอบเข้าไม่ได้พ่อต้องผิดหวังมากแน่ๆ ตอนนี้ทั้งเครียดทั้งกดดันเลยค่ะ ปัญหารายล้อมไปหมด
ควรทำยังไงกับชีวิตต่อไปดีคะ
จากเมื่อก่อนเคยมีเงินทอง ตอนนี้กลับมีหนี้สินท่วมหัว
จากเมื่อก่อนพ่อแม่รักกันดีครอบครัวอบอุ่น ตอนนี้กำลังทะเลาะกันอย่างหนักเพราะหนี้สินและกำลังจะแยกทางกัน
พ่อทำงานค้าขายเมื่อก่อน ก่อนยุคพลเอก... ขายของได้กำไรงาม คืนละห้าพันอัพ แต่ตอนนี้บางคืนขายไม่ได้เลยก็มีต้องไปเสียค่าที่เปล่าๆบางครั้งถึงกลับต้องไปยืมเงินร้านข้างๆมาจ่ายค่าที่ด้วยซ้ำ
ส่วนแม่ เมื่อก่อน ก่อนยุคพลเอก...
เงินเดือนสามหมื่นอัพ ตอนนี้เหลือแค่สองหมื่นเศษๆ เพราะบริษัทกำไรไม่ดี ห้างหลายแห่งยุบไปเพราะพิษเศรษฐกิจ
จนตอนนี้รายได้ติดลบ เพราะเงินเดือนถูกลด ต้องจ่าย ค่าเทอม ค่ารถ ค่าบ้าน เงินเดือนแทบไม่พอ เพราะแม่เป็นคนจ่ายหนี้สินในบ้าน เพราะเป็นชื่อแม่
ตอนนี้ประกาศขายบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ พ่อแม่ก็เตรียมแยกย้ายกันเมื่อขายบ้านได้ เราอยากเรียนต่อรร.ดีๆเลยตัดสินใจอยู่กับพ่อที่รายได้ไม่แน่นอนสองคน(เราอยู่นนทบุรีค่ะ ติดกรุงเทพและติดรถไฟฟ้าเลยไปมาสะดวก) ส่วนแม่ก็ตัดสินใจกลับไปอยู่หาดใจกับน้องค่ะ ซึ่งทุกๆวันคนที่ทำให้เราสดใจได้ และเป็นคนที่ช่วยฮีลลิ่งเรายามท้อหรือเหนื่อยก็คือน้องเนี่ยแหละค่ะ พอน้องจะไปก็รู้สึกกังวล ตอนนี้เครียดมากๆค่ะ ปีหน้าต้องสอบเข้าแล้ว อยู่กับพ่อสองคนก็ไม่แน่ใจว่าจะส่งเรียนไหวหรือเปล่า สงสารพ่อมากๆเลยค่ะ เมื่อกี้นั่งคุยกับพ่อถึงแผนการเรียนต่อไปก็ยิ่งสงสาร สิ่งที่เป็นชื่อพ่อก็มีอย่างเดียวคือรถ แกบอกว่าแกจะทำทุกอย่างเพื่อส่งเราเรียน แกจะยอมขายรถ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของแกค่ะ ตอนนี้เครียดมากๆ หลังจากขายบ้านก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหนแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี พ่อบอกว่า "หนูไม่ต้องคิดอะไรหรอก ขอแค่หนูตั้งใจเรียนเรียนให้เก่ง สอบเข้าให้ได้ พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อส่งหนูเรียนเอง" แต่ก็อดคิดไม่ได้ค่ะ สงสารพ่อเหลือเกิน ไอ้เราก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรมากมาย ไม่รู้ว่าจะสู้เขาได้หรือเปล่า ถ้าสอบเข้าไม่ได้พ่อต้องผิดหวังมากแน่ๆ ตอนนี้ทั้งเครียดทั้งกดดันเลยค่ะ ปัญหารายล้อมไปหมด