[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้12 January 2019
—————————
MT & SH Wedding
พอรู้ว่าจะต้องแต่งงาน ชีวิตก็วุ่นวายและเครียดขึ้นมาทันที เพราะชีวิตนี้ก็ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน 555 ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน เตรียมอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ทุกอย่างไม่มีในหัวเลย
วันนี้งานแต่งงานของเราผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ ความพัง ความวุ่นวาย คำแนะนำและความประทับใจต่างๆ พร้อมบอกค่าใช้จ่ายในการจัดงานบางส่วนให้ฟัง เผื่อใครจะแต่งงานจะได้มีแนวทางในการจัดงาน ทั้งนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราล้วนๆ นะ พร้อมแล้วก็... เริ่มเลยยยย
คำเตือน : รีวิวยาวมากกกกก
•สิ่งสำคัญเริ่มแรกเลยที่ควรทำก็คงจะเป็นการสู่ขอ หรือการตกลงคุยกันให้ดีระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ในทุกๆเรื่อง(ขอย้ำ) ไม่ว่าจะเป็น ฤกษ์ สินสอด-ทองหมั้น การแบ่งสรรปันส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงาน (เธอออกนั่น ฉันออกนี่ หรืออันนี้เราออกด้วยกันนะ) สถานที่ รูปแบบงาน อยากได้งานแบบไหน อลังการหรือเรียบง่าย ชอบสีไหน โทนไหน กินเลี้ยงกลางวันหรือเย็น เลี้ยงแบบไหน บุพเฟ่ โต๊ะจีน หรือโต๊ะไทย เชิญแขกกี่คน คุยกันให้เคลียร์ เพราะหากไม่คุยกันให้ละเอียด สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
•ผู้ใหญ่ใครไม่เรื่องมากก็รอดไป ผู้ใหญ่ใครเรื่องเยอะก็ต้องทำใจ 555 โชคดีผู้ใหญ่ของเราสองคนให้เราจัดการหมดเลย อันไหนเขาจัดการ เราไม่โอเค ก็สามารถคุยกันได้ อันไหนเราจัดการ เขาไม่โอเค เขาก็บอก ผู้ใหญ่เราน่ารักมากก ไม่ทำให้ปวดหัว เยิฟเยยย
•จากนั้นหาฤกษ์ค่ะคุณ จะฤกษ์มงคลหรือฤกษ์สะดวกก็แล้วแต่ เพราะเมื่อเราหาวันได้ เราก็จะสามารถติดต่อประสานงานในส่วนอื่นๆได้ทันที ทั้งนี้ต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ใหญ่ด้วยแล้วเด้อ เพราะถ้าติดต่ออะไรเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่บอกว่าวันนี้ไม่โอเค มาเลื่อนวันนี่เรื่องใหญ่มากๆค่ะ
•ต่อมาแนะนำให้หาข้อมูลในการจัดงานเยอะๆ ถามจากคนใกล้ตัว หรือหาอ่านในพันทิปก็มีถมเถไป จะได้รู้ข้อมูลในการจัดงานเบื้องต้น ทั้งของที่ต้องใช้ ชุด หรือราคาอะไรต่างๆ หาข้อมูลเยอะก็สามารถนำมาเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจได้เยอะ หาอะไรได้ ชอบอะไรก็จดไว้ แคปไว้ดู
•ค่าใช้จ่ายในรีวิวมักไม่จริง 555 พอถึงงานจริงๆมันมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยที่มากกว่านั้นเยอะและเขาไม่ได้เขียนลงไป ประมาณค่าใช้จ่ายไว้เท่าไหร่จงสำรองเงินไว้ด้วย
•ติดต่อสถานที่ให้พร้อม สถานที่ดีๆมักจะมีคนจองไว้แล้ว บางคู่จองสถานที่ข้ามปีกันเลยก็มีนะ อย่างเราแต่งมกรา แต่จองสถานที่ไว้ตั้งแต่กรกฎาแน่ะ
•อย่าลืมนิมนต์พระ จะนิมนต์พระวัดเดียวกันทั้งหมด 9 รูป หรือแยกวัดยังไงก็แล้วแต่ ตามสะดวก บอกวัน เวลา สถานที่ให้ชัดเจน ให้ท่านเดินทางมาเองหรือเรารับส่งก็ตามตกลง
•การคุยกัน ประสานงานกันกับส่วนอื่นๆสำคัญมาก ข้องใจ สงสัยอะไรให้ถามเลย ของชิ้นนี้มีให้ใช่ไหม ราคาเท่าไหร่ บวกเพิ่มไหม มีอะไรให้บ้าง หรืออันไหนเราต้องเตรียมเอง รับของ ส่งของวันไหน มัดจำเท่าไหร่ จ่ายอีกทีเมื่อไหร่ เป็นต้น คุยให้เคลียร์ เพราะถ้ามาคุยตอนใกล้วันมีวุ่นวายแน่นอน
•ราคาของสิ่งต่างๆ ทุกอย่างที่ใช้ในการจัดงาน มีตั้งแต่ถูกมากกก แพงมากกก และแพงฉหหหหหห อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเราจะไหวแค่ไหน ตั้งงบไว้ในใจ ลิสมาเลยว่าของนี้อยากได้ราคานี้ ไหวแค่นี้ แล้วหาร้านที่ถูกใจเรา เพราะส่วนใหญ่หากเราไปติดต่ออะไร เค้าจะถามเรากลับมาว่าเรา “มีงบเท่าไหร่” เดี๋ยวนี้มีร้านให้เลือกเยอะมากทั้งที่มีหน้าร้านและในเว็บ ขอแค่เปิดหาดูแค่นั้น
•หมดกันไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า “ของมันต้องมี” “งานแต่งทั้งที” “ไม่ได้แต่งกันบ่อยๆ” ถ้าไม่เซฟงบให้ดี มีบานปลายแน่นอน
•กำหนดธีมในการจัดงาน เพราะมันเป็นเหมือนแนวทางในการเลือกโทนที่ใช้ในการตกแต่งสถานที่ การแต่งกายของแขกที่มาร่วมงาน รวมถึงชุดบ่าวสาวเองด้วย เวลาไปเลือกของ เลือกชุด ถ้ามีสีในหัว งานจะได้ออกมาเป็นแนวเดียวกัน ถ่ายรูปแล้วสวยดี แต่ถ้าใครไม่มีธีมก็ไม่ผิดอะไรนะ ไม่ลำบากแขกหาชุดด้วย
•บางคนอาจจะคิดว่าของชำร่วย ของรับไหว้ หรือของบางอย่าง ไปซื้อเองหรือทำเองน่าจะได้ราคาที่ถูกกว่า แต่อย่าลืมบวกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปซื้อด้วย เพราะท้ายที่สุดเล้วราคามันอาจจะต่างกันไม่มากก็ได้นะ และแน่นอนของเหล่านี้มีหลายอย่างและมีหลายราคาให้เลือกมากๆ
•การประมาณจำนวนแขกที่มาร่วมงานเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะเราไม่รู้เลยว่าเมื่อถึงวันงานจริงๆ เขาจะมางานเราได้ไหม บางคนบอกจะมาแล้วก็ไม่มา บางคนคิดว่าจะไม่มาแต่ดันมาได้ แขกบางคนสะดวกมาเช้าแต่ไม่ได้มากินเลี้ยง บางคนก็มากินเลี้ยงอย่างเดียว การประมาณง่ายๆที่พอจะบอกได้คือ 1 ซอง อาจจะมีแขกมาประมาณ 1-3 คน ฉะนั้นเราแจกซองไปเท่าไหร่ ก็ให้ x2 หรือ x3 ไปด้วย และอย่าลืมรวมเพื่อนหรือแขกบางคนที่ไม่ได้แจกซองด้วยนะ ปล. ถ้าวันงานตรงกับวันหยุดยาวหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์มีเปอร์เซนต์สูงที่แขกจะไม่ว่างมาเยอะ
•อย่าคาดหวังว่าทุกคนที่เราเชิญจะว่างมางานเรา ถ้าหวังไว้มาก มีเสียใจแน่นอน
•ถ้าคุณท้องก่อนแต่ง จงเตรียมตัวตอบคำถามนี้ให้ดี “มีน้องเลยไหมจ้ะ” คำถามกึ่งถามกึ่ง
ว่าท้องก่อนแต่งหรือเปล่าเนี่ยยย
•เราจัดงานเช้าที่คุ้มขุนแผน ค่าเช่าสถานที่วันละ 2,000 บาท บวกค่าทำความสะอาดอีก 500 ส่วนมากจะเช่ากันสองวันเพื่อเตรียมสถานที่ก่อน รวมทั้งหมดเป็น 4,500 บาท มีที่จอดรถน่าจะเพียงพอ แต่ข้อเสียคือไม่อนุญาตให้ประกอบอาหารหรือตั้งเต้นท์ที่สนามหญ้า ที่นี่จึงเหมาะกับการจัดงานเช้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
•จัดงานกินเลี้ยงตอนกลางวัน ถ้าจัด outdoor ร้อนแน่นอน จัด indoor ราคาก็อาจจะสูงขึ้น และกินเลี้ยงตอนเย็นราคาจะสูงที่สุด งานเราเลือกกินเลี้ยงตอนกลางวัน outdoor แล้วกางเต้นท์เอา ถือว่าพลาดพอสมควร จากตอนแรกที่เราคาดหวังว่าจัดงานหน้าหนาวแล้วอากาศน่าจะดี ฟังเพลงทานอาหารกันแบบเพลินๆ แต่วันงานดันร้อน
ยยย ต้องขออภัยแขกทุกคนมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
•จัดงานเช้า-กลางวัน น่าจะเหนื่อยน้อยกว่าจัดงานเช้า-เย็น เพราะแค่จบงานเช้าเราก็รู้สึกว่าเหนื่อยมากๆแล้ว จบงานกลางวันแทบจะร้องเฮ ด้วยความดีใจว่าเสร็จสักทีโว้ยยยย ถ้างานลากไปยันเย็น ยันดึก ไม่อยากจะคิดสภาพตัวเอง แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความชอบนะ
•งานกินเลี้ยงหากไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก(เช่นงานเรา) ควรมีที่ให้ถ่ายรูปอย่างน้อย 1 ที่เพื่อให้บ่าวสาวและแขกได้ถ่ายรูปร่วมกัน ร้านจัด backdrop อย่างเดียวมีหลายร้าน หลายราคาให้เลือก เราเลือกร้านโดมบ้านดอกไม้ ราคา 6,500 บาท บริการดี และทำฉากได้สวยเหมือนที่เราคิดไว้ ส่วนใครหัว DIY อยากจะทำเองก็ไม่น่าจะยากนะ แต่คงต้องใช้เวลาทำนิดนึง
•จัดเพลย์ลิสเพลงมาเป็นอย่างดี วันงานจริงเปิดห่อหมกฮวก กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!
•การ์ดแต่งงานไม่จำเป็นต้องรีบทำ เพราะอาจมีปัญหาเลื่อนวัน เปลี่ยนสถานที่ หรืออื่นๆ ต้องมานั่งเสียเวลาพิมพ์การ์ดกันใหม่ เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ก็อย่าทำช้าจนเกินไปเดี๋ยวจะแจกไม่ทัน เวลาแจกการ์ดที่เหมาะที่สุดเราว่าน่าจะก่อนแต่งสัก 1 เดือนกำลังดี ราคาการ์ดมีเห็นถูกสุดก็น่าจะสัก 2 บาท ชอบแบบไหน สีไหน กระดาษแบบไหน จะ 1 พับ 2 พับ 3 พับ 5 พับก็ได้หมด แต่จงจำไว้ ว่าไม่มีใครเก็บการ์ดเราไว้ชื่นชมแน่นอนน
•เจ้าสาวไม่ควรลองเครื่องสำอาง สกินแคร์ใดๆเลยในช่วงที่จะแต่งงานนะคะ ถ้าแพ้ หน้าเห่อขึ้นมาแล้วเรื่องใหญ่ หน้าพังวันงานขึ้นมาจะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต ดิชั้นแพ้มาส์คใต้ตา 2 วันก่อนวันงาน โคตรเซ็ง จะร้องไห้ก็ไม่ได้ เพราะทำตัวเอง 555 กลัวแฟนด่า และที่สำคัญกลัวช่างแต่งหน้าด่ามาก แต่โชคดีไม่แพ้มาก โบกว่านหางเต็มที่ วันงานเลยกลบได้ รอดไป ฟู่วว~
•การเลือกช่างแต่งหน้าเหมือนเล่นหวย ถ้าถูกหน้าเราก็จะปั๊วปัง แต่ถ้าไม่ถูกหน้าเราก็จะพังไปตลอดงาน ฉะนั้นจงเลือกให้ดี ตกลงกับช่างให้ดีว่าอยากได้ผมทีงไหน แต่งหน้าแบบไหน ช่างแต่งหน้ามีหลายราคา เลือกเอาตามจริต ช่างมือโปรราคาค่อนข้างสูงจงทำใจ แต่ถ้าแต่งหน้าเราดีงามจงยอม (เพราะเครื่องสำอางที่ใช้ราคามันแพงนะเทอออ)
•ช่างแต่งหน้าวันจริงเราดีงามมากกก แต่งหน้าเราฉ่ำว้าวแวววาวยันจบงาน ใจดีและแต่งหน้าดีโคตรรรร แม้หน้าจะแพ้แต่ช่างก็ให้กำลังใจว่ามันกลบอยู่แน่นอนน มองรูปกี่ทีก็ชื่นนนใจ เพราะมีแต่คนชมว่าสวย ใครสนใจตาม IG นี้ : hutmakeup ปล. ถ้าเลือกช่างแต่งหน้าได้แล้วให้รีบจองเพราะฤกษ์ดีๆมันจะมีไม่กี่วัน และส่วนใหญ่ช่างจะคิวเต็มนะจ้ะ
•การจองทุกสิ่งอย่าง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเราจะมั่นใจได้เลยว่าเรามีสิ่งนั้นแน่นอนแล้ว ข้อเสียคือเราอาจจะไปเจอที่มันถูกกว่าหรือดีกว่า ฉะนั้นตัดสินใจดีๆ ก่อนคอนเฟิร์ม
•กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ วันงานหรือก่อนงาน เราไม่ควรจะได้ยินอะไรที่ลบๆ อีกแล้ว เพราะมันทำให้เสียกำลังใจ แล้วมันก็ทำให้เครียดมากด้วยโว้ยยย จัดงานก็เครียดพออยู่แล้วโว้ยยย โชคดีที่วันงานไม่ได้ยินอะไรลบๆเท่าไหร่นัก ขอบคุณคนรอบข้างมากๆค่ะ
•คนขี้ตำหนิ ยังไงก็หาเรื่องติได้หมด โน่นไม่ดี นี่ไม่ชอบ จงทำใจ(แล้วด่าในใจเอา)
•การนอนสำคัญที่สุด จงเตรียมตัวในการนอนให้พร้อม ก่อนวันงานทุกอย่างควรเสร็จเรียบร้อยและเราไม่ควรทำอะไรอีกแล้ว จงนอนให้พอ เพราะเราจะได้ลุกมาตื่นแต่งหน้าตอนตี 3 และได้นอนอีกทีตอนส่งตัวโน่นแน่ะค่ะ
•หาชุดแต่งงานแบบที่ชอบไว้ บ่าวสาวควรมีเวลาไปลองชุดในครั้งแรกสักหนึ่งวันเต็ม เพราะที่ร้านจะมีชุดเยอะมากก หลายแบบ หลายสไตล์ ถ้าเรามีแบบไว้ในใจ การเลือกชุดก็จะทำได้ง่ายขึ้น หลังจากวันแรกหาเวลาไปลองอีกสักครั้ง เผื่อมีแบบที่ถูกใจกว่า และลองชุดรอบสุดท้ายก่อนวันงานสัก 1 อาทิตย์ และจงรักษาหุ่นตัวเองให้ดีในช่วงนี้
•วันนั้นจะได้ลุก นั่ง นั่งพื้น กราบ เยอะมากก ใครขาแข้งไม่ค่อยดี ไม่สะดวกนั่งพื้น แจ้งคนรันงาน คนจัดสถานที่ เพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงให้เปลี่ยนเป็นนั่งโต๊ะได้ ชุดก็อย่าฟิตไปจนกราบไม่ลง
•พรีเวดดิ้งสำคัญไหม? สำหรับเรามันก็สำคัญนะ เพราะวันจริงเราจะไม่ได้มีเวลาถ่ายรูปคู่กันสองคนมากนัก พิธีต้องดำเนินไปเรื่อยๆ และส่วนมากเราจะได้ถ่ายรูปแต่กับแขกซะมากกว่า รูปพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่เลยจะใช้เอาไว้ดูให้ชื่นใจ ไว้ตกแต่งสถานที่ ทำ E-Card หรืออื่นๆ แต่ถ้าใครไม่อยากพรี ไม่ได้อยากมีรูปไว้ดู หรืออยากประหยัดค่าใช้จ่ายก็ข้ามไปได้เลย ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น
•ส่วนใครที่คิดว่าสามารถถ่ายเองได้ มีความรู้เรื่องกล้อง การหามุม จัดแสง การโพสท่า อันนี้ก็สามารถทำเองได้เลย ซื้อชุดมาถ่ายพรีเองเกร๋ๆ เวรี่กู๊ด ไม่ต้องเขินตากล้อง หรือเซ็งกับท่าโพสห่วยๆ ที่เขาให้เราทำ
•โปรโมชั่นพรีเวดดิ้งมีหลายราคาเช่นเดียวกัน แล้วแต่สถานที่และจำนวนชุด เราเลือกโปรโมชั่นพรีเวดดิ้งที่ร้านสวีทเมมโมรี่ ราคา 14,000 บาท ถ่ายในสตู ได้ชุดบ่าวสาววันพรีคนละ 1 ชุด วันจริงคนละ 2 ชุดพร้อมเครื่องประดับ ไฟล์รูปทั้งหมด รูปใหญ่ 1 รูป ปล.ราคาโปรพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่จะไม่รวมค่าช่างแต่งหน้าวันจริงนะคะ
•หรือใครไม่อยากพรี อยากได้ชุดอย่างเดียวก็สามารถเลือกเช่าเป็นชุดๆได้เลย ราคาขึ้นอยู่กับความสวยงามของชุดนั้น มีตั้งแต่หลักพันยันหลายหมื่นเช่นเดิม เคยไปถามร้านนึงชุดเจ้าสาวชุดเดียว 25,000 บาท ใครไหวก็ไหว แต่เราไม่หวายย 555 แต่เชื่อเราสิ โปรโมชั่นพรีมันจะบวกชุดด้วยคุ้มสุด
•อย่าลืมอาหารเช้าที่จะมารองรับแขก กะปริมาณแขกให้ดีจะได้ทำอาหารมาได้อย่างเพียงพอ ถ้าไม่มีคนล้างจาน ก็ซื้อภาชนะแบบใช้แล้วทิ้งได้เลย ค่าอาหารเช้าเราหมดไป 25,000 บาท รวมอาหารสำหรับพระสงฆ์และอาหารใส่บาตรแล้ว
•วันงานบ่าวสาวจะไม่ค่อยได้กินอะไร ฉะนั้นมีเวลากินได้จงกินไปก่อน เพื่อป้องกันความเกรี้ยวกราดเพราะโมโหหิว หรือเป็นลมล้มพับไปก่อนงานจะเสร็จ แต่เอาเข้าจริงๆ พอถึงตอนงานแทบจะไม่หิวเลยนะ เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องงานจนลืมหิวไปเลยย
ปล.เขียนต่อแปร้บนะคะ
จะแต่งงานแล้วโว้ยยย เตรียมอะไรก่อนดี กระทู้นี้เลยจ้าาา
—————————
MT & SH Wedding
พอรู้ว่าจะต้องแต่งงาน ชีวิตก็วุ่นวายและเครียดขึ้นมาทันที เพราะชีวิตนี้ก็ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน 555 ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน เตรียมอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ทุกอย่างไม่มีในหัวเลย
วันนี้งานแต่งงานของเราผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ ความพัง ความวุ่นวาย คำแนะนำและความประทับใจต่างๆ พร้อมบอกค่าใช้จ่ายในการจัดงานบางส่วนให้ฟัง เผื่อใครจะแต่งงานจะได้มีแนวทางในการจัดงาน ทั้งนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราล้วนๆ นะ พร้อมแล้วก็... เริ่มเลยยยย
คำเตือน : รีวิวยาวมากกกกก
•สิ่งสำคัญเริ่มแรกเลยที่ควรทำก็คงจะเป็นการสู่ขอ หรือการตกลงคุยกันให้ดีระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ในทุกๆเรื่อง(ขอย้ำ) ไม่ว่าจะเป็น ฤกษ์ สินสอด-ทองหมั้น การแบ่งสรรปันส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงาน (เธอออกนั่น ฉันออกนี่ หรืออันนี้เราออกด้วยกันนะ) สถานที่ รูปแบบงาน อยากได้งานแบบไหน อลังการหรือเรียบง่าย ชอบสีไหน โทนไหน กินเลี้ยงกลางวันหรือเย็น เลี้ยงแบบไหน บุพเฟ่ โต๊ะจีน หรือโต๊ะไทย เชิญแขกกี่คน คุยกันให้เคลียร์ เพราะหากไม่คุยกันให้ละเอียด สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
•ผู้ใหญ่ใครไม่เรื่องมากก็รอดไป ผู้ใหญ่ใครเรื่องเยอะก็ต้องทำใจ 555 โชคดีผู้ใหญ่ของเราสองคนให้เราจัดการหมดเลย อันไหนเขาจัดการ เราไม่โอเค ก็สามารถคุยกันได้ อันไหนเราจัดการ เขาไม่โอเค เขาก็บอก ผู้ใหญ่เราน่ารักมากก ไม่ทำให้ปวดหัว เยิฟเยยย
•จากนั้นหาฤกษ์ค่ะคุณ จะฤกษ์มงคลหรือฤกษ์สะดวกก็แล้วแต่ เพราะเมื่อเราหาวันได้ เราก็จะสามารถติดต่อประสานงานในส่วนอื่นๆได้ทันที ทั้งนี้ต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ใหญ่ด้วยแล้วเด้อ เพราะถ้าติดต่ออะไรเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่บอกว่าวันนี้ไม่โอเค มาเลื่อนวันนี่เรื่องใหญ่มากๆค่ะ
•ต่อมาแนะนำให้หาข้อมูลในการจัดงานเยอะๆ ถามจากคนใกล้ตัว หรือหาอ่านในพันทิปก็มีถมเถไป จะได้รู้ข้อมูลในการจัดงานเบื้องต้น ทั้งของที่ต้องใช้ ชุด หรือราคาอะไรต่างๆ หาข้อมูลเยอะก็สามารถนำมาเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจได้เยอะ หาอะไรได้ ชอบอะไรก็จดไว้ แคปไว้ดู
•ค่าใช้จ่ายในรีวิวมักไม่จริง 555 พอถึงงานจริงๆมันมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยที่มากกว่านั้นเยอะและเขาไม่ได้เขียนลงไป ประมาณค่าใช้จ่ายไว้เท่าไหร่จงสำรองเงินไว้ด้วย
•ติดต่อสถานที่ให้พร้อม สถานที่ดีๆมักจะมีคนจองไว้แล้ว บางคู่จองสถานที่ข้ามปีกันเลยก็มีนะ อย่างเราแต่งมกรา แต่จองสถานที่ไว้ตั้งแต่กรกฎาแน่ะ
•อย่าลืมนิมนต์พระ จะนิมนต์พระวัดเดียวกันทั้งหมด 9 รูป หรือแยกวัดยังไงก็แล้วแต่ ตามสะดวก บอกวัน เวลา สถานที่ให้ชัดเจน ให้ท่านเดินทางมาเองหรือเรารับส่งก็ตามตกลง
•การคุยกัน ประสานงานกันกับส่วนอื่นๆสำคัญมาก ข้องใจ สงสัยอะไรให้ถามเลย ของชิ้นนี้มีให้ใช่ไหม ราคาเท่าไหร่ บวกเพิ่มไหม มีอะไรให้บ้าง หรืออันไหนเราต้องเตรียมเอง รับของ ส่งของวันไหน มัดจำเท่าไหร่ จ่ายอีกทีเมื่อไหร่ เป็นต้น คุยให้เคลียร์ เพราะถ้ามาคุยตอนใกล้วันมีวุ่นวายแน่นอน
•ราคาของสิ่งต่างๆ ทุกอย่างที่ใช้ในการจัดงาน มีตั้งแต่ถูกมากกก แพงมากกก และแพงฉหหหหหห อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเราจะไหวแค่ไหน ตั้งงบไว้ในใจ ลิสมาเลยว่าของนี้อยากได้ราคานี้ ไหวแค่นี้ แล้วหาร้านที่ถูกใจเรา เพราะส่วนใหญ่หากเราไปติดต่ออะไร เค้าจะถามเรากลับมาว่าเรา “มีงบเท่าไหร่” เดี๋ยวนี้มีร้านให้เลือกเยอะมากทั้งที่มีหน้าร้านและในเว็บ ขอแค่เปิดหาดูแค่นั้น
•หมดกันไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า “ของมันต้องมี” “งานแต่งทั้งที” “ไม่ได้แต่งกันบ่อยๆ” ถ้าไม่เซฟงบให้ดี มีบานปลายแน่นอน
•กำหนดธีมในการจัดงาน เพราะมันเป็นเหมือนแนวทางในการเลือกโทนที่ใช้ในการตกแต่งสถานที่ การแต่งกายของแขกที่มาร่วมงาน รวมถึงชุดบ่าวสาวเองด้วย เวลาไปเลือกของ เลือกชุด ถ้ามีสีในหัว งานจะได้ออกมาเป็นแนวเดียวกัน ถ่ายรูปแล้วสวยดี แต่ถ้าใครไม่มีธีมก็ไม่ผิดอะไรนะ ไม่ลำบากแขกหาชุดด้วย
•บางคนอาจจะคิดว่าของชำร่วย ของรับไหว้ หรือของบางอย่าง ไปซื้อเองหรือทำเองน่าจะได้ราคาที่ถูกกว่า แต่อย่าลืมบวกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปซื้อด้วย เพราะท้ายที่สุดเล้วราคามันอาจจะต่างกันไม่มากก็ได้นะ และแน่นอนของเหล่านี้มีหลายอย่างและมีหลายราคาให้เลือกมากๆ
•การประมาณจำนวนแขกที่มาร่วมงานเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะเราไม่รู้เลยว่าเมื่อถึงวันงานจริงๆ เขาจะมางานเราได้ไหม บางคนบอกจะมาแล้วก็ไม่มา บางคนคิดว่าจะไม่มาแต่ดันมาได้ แขกบางคนสะดวกมาเช้าแต่ไม่ได้มากินเลี้ยง บางคนก็มากินเลี้ยงอย่างเดียว การประมาณง่ายๆที่พอจะบอกได้คือ 1 ซอง อาจจะมีแขกมาประมาณ 1-3 คน ฉะนั้นเราแจกซองไปเท่าไหร่ ก็ให้ x2 หรือ x3 ไปด้วย และอย่าลืมรวมเพื่อนหรือแขกบางคนที่ไม่ได้แจกซองด้วยนะ ปล. ถ้าวันงานตรงกับวันหยุดยาวหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์มีเปอร์เซนต์สูงที่แขกจะไม่ว่างมาเยอะ
•อย่าคาดหวังว่าทุกคนที่เราเชิญจะว่างมางานเรา ถ้าหวังไว้มาก มีเสียใจแน่นอน
•ถ้าคุณท้องก่อนแต่ง จงเตรียมตัวตอบคำถามนี้ให้ดี “มีน้องเลยไหมจ้ะ” คำถามกึ่งถามกึ่งว่าท้องก่อนแต่งหรือเปล่าเนี่ยยย
•เราจัดงานเช้าที่คุ้มขุนแผน ค่าเช่าสถานที่วันละ 2,000 บาท บวกค่าทำความสะอาดอีก 500 ส่วนมากจะเช่ากันสองวันเพื่อเตรียมสถานที่ก่อน รวมทั้งหมดเป็น 4,500 บาท มีที่จอดรถน่าจะเพียงพอ แต่ข้อเสียคือไม่อนุญาตให้ประกอบอาหารหรือตั้งเต้นท์ที่สนามหญ้า ที่นี่จึงเหมาะกับการจัดงานเช้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
•จัดงานกินเลี้ยงตอนกลางวัน ถ้าจัด outdoor ร้อนแน่นอน จัด indoor ราคาก็อาจจะสูงขึ้น และกินเลี้ยงตอนเย็นราคาจะสูงที่สุด งานเราเลือกกินเลี้ยงตอนกลางวัน outdoor แล้วกางเต้นท์เอา ถือว่าพลาดพอสมควร จากตอนแรกที่เราคาดหวังว่าจัดงานหน้าหนาวแล้วอากาศน่าจะดี ฟังเพลงทานอาหารกันแบบเพลินๆ แต่วันงานดันร้อนยยย ต้องขออภัยแขกทุกคนมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
•จัดงานเช้า-กลางวัน น่าจะเหนื่อยน้อยกว่าจัดงานเช้า-เย็น เพราะแค่จบงานเช้าเราก็รู้สึกว่าเหนื่อยมากๆแล้ว จบงานกลางวันแทบจะร้องเฮ ด้วยความดีใจว่าเสร็จสักทีโว้ยยยย ถ้างานลากไปยันเย็น ยันดึก ไม่อยากจะคิดสภาพตัวเอง แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความชอบนะ
•งานกินเลี้ยงหากไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก(เช่นงานเรา) ควรมีที่ให้ถ่ายรูปอย่างน้อย 1 ที่เพื่อให้บ่าวสาวและแขกได้ถ่ายรูปร่วมกัน ร้านจัด backdrop อย่างเดียวมีหลายร้าน หลายราคาให้เลือก เราเลือกร้านโดมบ้านดอกไม้ ราคา 6,500 บาท บริการดี และทำฉากได้สวยเหมือนที่เราคิดไว้ ส่วนใครหัว DIY อยากจะทำเองก็ไม่น่าจะยากนะ แต่คงต้องใช้เวลาทำนิดนึง
•จัดเพลย์ลิสเพลงมาเป็นอย่างดี วันงานจริงเปิดห่อหมกฮวก กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!
•การ์ดแต่งงานไม่จำเป็นต้องรีบทำ เพราะอาจมีปัญหาเลื่อนวัน เปลี่ยนสถานที่ หรืออื่นๆ ต้องมานั่งเสียเวลาพิมพ์การ์ดกันใหม่ เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ก็อย่าทำช้าจนเกินไปเดี๋ยวจะแจกไม่ทัน เวลาแจกการ์ดที่เหมาะที่สุดเราว่าน่าจะก่อนแต่งสัก 1 เดือนกำลังดี ราคาการ์ดมีเห็นถูกสุดก็น่าจะสัก 2 บาท ชอบแบบไหน สีไหน กระดาษแบบไหน จะ 1 พับ 2 พับ 3 พับ 5 พับก็ได้หมด แต่จงจำไว้ ว่าไม่มีใครเก็บการ์ดเราไว้ชื่นชมแน่นอนน
•เจ้าสาวไม่ควรลองเครื่องสำอาง สกินแคร์ใดๆเลยในช่วงที่จะแต่งงานนะคะ ถ้าแพ้ หน้าเห่อขึ้นมาแล้วเรื่องใหญ่ หน้าพังวันงานขึ้นมาจะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต ดิชั้นแพ้มาส์คใต้ตา 2 วันก่อนวันงาน โคตรเซ็ง จะร้องไห้ก็ไม่ได้ เพราะทำตัวเอง 555 กลัวแฟนด่า และที่สำคัญกลัวช่างแต่งหน้าด่ามาก แต่โชคดีไม่แพ้มาก โบกว่านหางเต็มที่ วันงานเลยกลบได้ รอดไป ฟู่วว~
•การเลือกช่างแต่งหน้าเหมือนเล่นหวย ถ้าถูกหน้าเราก็จะปั๊วปัง แต่ถ้าไม่ถูกหน้าเราก็จะพังไปตลอดงาน ฉะนั้นจงเลือกให้ดี ตกลงกับช่างให้ดีว่าอยากได้ผมทีงไหน แต่งหน้าแบบไหน ช่างแต่งหน้ามีหลายราคา เลือกเอาตามจริต ช่างมือโปรราคาค่อนข้างสูงจงทำใจ แต่ถ้าแต่งหน้าเราดีงามจงยอม (เพราะเครื่องสำอางที่ใช้ราคามันแพงนะเทอออ)
•ช่างแต่งหน้าวันจริงเราดีงามมากกก แต่งหน้าเราฉ่ำว้าวแวววาวยันจบงาน ใจดีและแต่งหน้าดีโคตรรรร แม้หน้าจะแพ้แต่ช่างก็ให้กำลังใจว่ามันกลบอยู่แน่นอนน มองรูปกี่ทีก็ชื่นนนใจ เพราะมีแต่คนชมว่าสวย ใครสนใจตาม IG นี้ : hutmakeup ปล. ถ้าเลือกช่างแต่งหน้าได้แล้วให้รีบจองเพราะฤกษ์ดีๆมันจะมีไม่กี่วัน และส่วนใหญ่ช่างจะคิวเต็มนะจ้ะ
•การจองทุกสิ่งอย่าง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเราจะมั่นใจได้เลยว่าเรามีสิ่งนั้นแน่นอนแล้ว ข้อเสียคือเราอาจจะไปเจอที่มันถูกกว่าหรือดีกว่า ฉะนั้นตัดสินใจดีๆ ก่อนคอนเฟิร์ม
•กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ วันงานหรือก่อนงาน เราไม่ควรจะได้ยินอะไรที่ลบๆ อีกแล้ว เพราะมันทำให้เสียกำลังใจ แล้วมันก็ทำให้เครียดมากด้วยโว้ยยย จัดงานก็เครียดพออยู่แล้วโว้ยยย โชคดีที่วันงานไม่ได้ยินอะไรลบๆเท่าไหร่นัก ขอบคุณคนรอบข้างมากๆค่ะ
•คนขี้ตำหนิ ยังไงก็หาเรื่องติได้หมด โน่นไม่ดี นี่ไม่ชอบ จงทำใจ(แล้วด่าในใจเอา)
•การนอนสำคัญที่สุด จงเตรียมตัวในการนอนให้พร้อม ก่อนวันงานทุกอย่างควรเสร็จเรียบร้อยและเราไม่ควรทำอะไรอีกแล้ว จงนอนให้พอ เพราะเราจะได้ลุกมาตื่นแต่งหน้าตอนตี 3 และได้นอนอีกทีตอนส่งตัวโน่นแน่ะค่ะ
•หาชุดแต่งงานแบบที่ชอบไว้ บ่าวสาวควรมีเวลาไปลองชุดในครั้งแรกสักหนึ่งวันเต็ม เพราะที่ร้านจะมีชุดเยอะมากก หลายแบบ หลายสไตล์ ถ้าเรามีแบบไว้ในใจ การเลือกชุดก็จะทำได้ง่ายขึ้น หลังจากวันแรกหาเวลาไปลองอีกสักครั้ง เผื่อมีแบบที่ถูกใจกว่า และลองชุดรอบสุดท้ายก่อนวันงานสัก 1 อาทิตย์ และจงรักษาหุ่นตัวเองให้ดีในช่วงนี้
•วันนั้นจะได้ลุก นั่ง นั่งพื้น กราบ เยอะมากก ใครขาแข้งไม่ค่อยดี ไม่สะดวกนั่งพื้น แจ้งคนรันงาน คนจัดสถานที่ เพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงให้เปลี่ยนเป็นนั่งโต๊ะได้ ชุดก็อย่าฟิตไปจนกราบไม่ลง
•พรีเวดดิ้งสำคัญไหม? สำหรับเรามันก็สำคัญนะ เพราะวันจริงเราจะไม่ได้มีเวลาถ่ายรูปคู่กันสองคนมากนัก พิธีต้องดำเนินไปเรื่อยๆ และส่วนมากเราจะได้ถ่ายรูปแต่กับแขกซะมากกว่า รูปพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่เลยจะใช้เอาไว้ดูให้ชื่นใจ ไว้ตกแต่งสถานที่ ทำ E-Card หรืออื่นๆ แต่ถ้าใครไม่อยากพรี ไม่ได้อยากมีรูปไว้ดู หรืออยากประหยัดค่าใช้จ่ายก็ข้ามไปได้เลย ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น
•ส่วนใครที่คิดว่าสามารถถ่ายเองได้ มีความรู้เรื่องกล้อง การหามุม จัดแสง การโพสท่า อันนี้ก็สามารถทำเองได้เลย ซื้อชุดมาถ่ายพรีเองเกร๋ๆ เวรี่กู๊ด ไม่ต้องเขินตากล้อง หรือเซ็งกับท่าโพสห่วยๆ ที่เขาให้เราทำ
•โปรโมชั่นพรีเวดดิ้งมีหลายราคาเช่นเดียวกัน แล้วแต่สถานที่และจำนวนชุด เราเลือกโปรโมชั่นพรีเวดดิ้งที่ร้านสวีทเมมโมรี่ ราคา 14,000 บาท ถ่ายในสตู ได้ชุดบ่าวสาววันพรีคนละ 1 ชุด วันจริงคนละ 2 ชุดพร้อมเครื่องประดับ ไฟล์รูปทั้งหมด รูปใหญ่ 1 รูป ปล.ราคาโปรพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่จะไม่รวมค่าช่างแต่งหน้าวันจริงนะคะ
•หรือใครไม่อยากพรี อยากได้ชุดอย่างเดียวก็สามารถเลือกเช่าเป็นชุดๆได้เลย ราคาขึ้นอยู่กับความสวยงามของชุดนั้น มีตั้งแต่หลักพันยันหลายหมื่นเช่นเดิม เคยไปถามร้านนึงชุดเจ้าสาวชุดเดียว 25,000 บาท ใครไหวก็ไหว แต่เราไม่หวายย 555 แต่เชื่อเราสิ โปรโมชั่นพรีมันจะบวกชุดด้วยคุ้มสุด
•อย่าลืมอาหารเช้าที่จะมารองรับแขก กะปริมาณแขกให้ดีจะได้ทำอาหารมาได้อย่างเพียงพอ ถ้าไม่มีคนล้างจาน ก็ซื้อภาชนะแบบใช้แล้วทิ้งได้เลย ค่าอาหารเช้าเราหมดไป 25,000 บาท รวมอาหารสำหรับพระสงฆ์และอาหารใส่บาตรแล้ว
•วันงานบ่าวสาวจะไม่ค่อยได้กินอะไร ฉะนั้นมีเวลากินได้จงกินไปก่อน เพื่อป้องกันความเกรี้ยวกราดเพราะโมโหหิว หรือเป็นลมล้มพับไปก่อนงานจะเสร็จ แต่เอาเข้าจริงๆ พอถึงตอนงานแทบจะไม่หิวเลยนะ เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องงานจนลืมหิวไปเลยย
ปล.เขียนต่อแปร้บนะคะ