เมื่อค่ำคืนพุธที่ 9 มกราคม โรสหลีกหนีความวุ่นวายไปดูภาพยนตร์ล่ารางวัล เพราะดูจากเนื้อเรื่อง ตัวอย่างหนัง รางวัลที่ได้รับ คำชมและดารานักแสดงแล้ว ทำให้ไม่ต้องลังเลที่จะเข้าชมเลย พูดถึงดารานำชายมากฝีมืออย่าง วิกโก้ มอร์เทนเซน ซึ่งมารับบทเป็น “โทนี่ ลิป วัลเลลองกา” โรสชอบป๋าตั้งแต่หนังเลือดสาดอย่าง “สิงหาสับ” แล้วและชอบป๋ามากขึ้นไปอีกจากบทกษัตริย์อารากอนแห่งลอร์ดออฟเดอะริง ป๋าดูน่าเกรงขรามและสง่างามมาก ส่วนดาราสมทบหญิงฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาอย่าง ลินดา คาเดลลินี รับบทเป็นภรรยาของโทนี่ ชื่อว่า “โดโลเรส” ชอบเธอตั้งแต่บทสาวเสิร์ฟหัวใจบริสุทธิ์ในหนังชายรักชายชื่อดังระดับโลกใน “หุบเขาเร้นรัก” ดาราทั้งสองท่านนี้โรสเห็นบทบาทการแสดงมาแล้ว ได้แต่บอกว่าทั้งคู่ฝีมือการแสดงเป็นธรรมชาติและจัดจ้านขึ้นเรื่อยๆ

    ส่วนดาราสมทบชายอีกท่าน มาเฮอร์ชาลา อาลี ซึ่งมารับบทเป็น “ดร.ดอน เชอร์ลี่” โรสรู้แต่เพียงว่าได้รับการกล่าวขานด้านฝีมือการแสดง อีกทั้งเขาเป็นดาราชายมุสลิมคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ดรามาเรื่อง “Moonlight” ทันทีที่เห็นบทบาทของเขาบนจอแล้วทึ่งมาก ครั้งนี้เขาทุ่มเกินร้อยเพื่อถ่ายทอดบทบาท เตรียมตัวก่อนเปิดกล้องถ่ายทำเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อศึกษาทักษะเปียโนขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ทำนองเเละคอร์ด ไปจนถึงจังหวะท่าทางการเล่นของนักเปียโนตัวจริง    

        “GREEN BOOK กรีนบุ๊ค” เป็นหนังดราม่า-คอมเมดี้จากเค้าโครงเรื่องจริง ด้วยโชคชะตาของบุคคลทั้งสองระหว่างศิลปินนักเปียโนผิวสี “ดร. ดอน เชอร์ลีย์” ที่ต้องการคนขับรถที่คล่องตัวและสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตได้ ในขณะที่ โทนี่ ลิป เองซึ่งประสบปัญหาผับปิดปรับปรุงชั่วคราวและเขาต้องการเงินเพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัว ในที่สุดทั้งคู่จึงได้ตกลงออกเดินทางร่วมกันมุ่งสู่ดินแดนตอนใต้อเมริกาในช่วงยุค 60’ ซึ่งการต่อต้านสีผิวยังคงรุนแรงโดยอาศัยกรีนบุ๊คเป็นคู่มือสำหรับดูสถานที่ๆเป็นมิตรไมตรีแก่คนผิวสี แม้ในตอนแรกพวกเขาอาจจะมีกำแพงของสีผิวเข้ามาขวางกั้นในจิตใจ แต่หลังจากเดินทางร่วมกันเขาต่างเป็นมิตรแท้ที่ข้ามผ่านความแบ่งแยกนั้นไปได้อย่างงดงาม

        ภาพยนตร์ได้รับรางวัลจากเวทีล่ารางวัลอย่างมากมายและได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกอย่างล้นหลาม ล่าสุดได้รับรางวัลลูกโลกทองคำถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลภาพนยตร์ยอดเยี่ยม (ตลกเพลง) รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมและรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม สำหรับกรีนบุ๊ค กำกับโดยปีเตอร์ ฟาเรลลี เขาเคยมีผลงานหนังสัปดนขึ้นหิ้งอย่าง There’s something about Mary และนี่คือความได้เปรียบที่ทำให้เขาทำหนังฉบับนี้ตลกอย่างมีชั้นเชิงทั้งที่อ้างอิงจากเรื่องจริง มารอลุ้นกันต่อว่าหนังขวัญใจมหาชนเรื่องเยี่ยมนี้จะสามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้กี่รางวัลค่ะ

        วันที่โรสไปชมที่ SF World Cinema คนดูเยอะมาก เห็นแล้วก็ดีใจแทนแสดงให้เห็นว่ากระแสคนดูให้ความสนใจพอสมควร ทันทีที่หนังเริ่มฉายบนจอ พวกเราชาวคนดูมีเสียงหัวเราะดังร่วมกันเป็นระลอก บางฉากก็หัวเราะ บางฉากก็เศร้า ในขณะที่บางฉากก็หัวเราะระคนร้องไห้ ขโมยหัวใจผู้ชมไปแบบเต็มๆ ความยาวของหนังร่วม 130 นาที แต่ไม่น่าเชื่อว่าเราในฐานะคนดูรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับชะตากรรมของสองตัวละครหลักที่เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ บทหนังดี ดนตรีประกอบเยี่ยม ภาพสวย นักแสดงประกอบเล่นดีทุกคน โดยเฉพาะวิกโก้กับอาลี เล่นได้ดีมากๆ ทั้งเข้าขาและมีเคมีที่เข้ากัน วิกโก้ดูดิบเป็นนักเลงกร่างกร้านโลก ไม่เคยกลัวใคร ในขณะที่อาลีมีความเป็นผู้รากมากดีและมีความเป็นศิลปินผู้มีจิตวิญญาณ ลีลาท่าทางเหมือนนักเปียโนจนอึ้ง ดาราทั้งสองท่านถ่ายทอดตัวตนของบุคคลที่เขาสวมบทบาทออกมาได้อย่างเฉิดฉายเป็นที่สุด นี่คือนักแสดงที่เยี่ยมยอดจริงๆ ดูไปหัวเราะไปและปาดน้ำตาไป นี่เป็นเรื่องจริงที่สุดแสนประทับใจในมิตรภาพ มีหลายต่อหลายฉากที่ดูแล้วเสียดแทงจิตใจเพราะมันเสียดสีสังคม แต่มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ฉากสุดท้ายของหนังเป็นบทสรุปของมิตรภาพข้ามสีผิวที่ทำให้เรายิ้มทั้งน้ำตาค่ะ เขาทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันนับจากนั้น เสียชีวิตในปีเดียวกันคือ ปี 2013 แต่คนละเดือน เกิดมาเป็นเพื่อนกันจนวาระสุดท้ายจริงๆ

        สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ ดีงามหาได้อยู่ที่สีผิว จิตใจดีนั่นต่างหากคือเนื้อแท้ของมนุษย์ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะเจอใคร ไม่รู้ว่าใครยืนรออยู่ข้างหน้า คนที่ไม่คาดคิดกลับกลายเป็นมิตรแท้ไม่รู้ลืม การได้เจอคนดีเป็นเรื่องยาก แต่การรักษาคนดีไว้ให้ยาวนานกลับยากมากยิ่งกว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ในความไม่สมบูรณ์แบบจะสามารถเติมเต็มให้ตนเองและผู้อื่นได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนล้นโลก ขอแค่ใครสักคนที่เป็นมิตรที่รักและเข้าใจเราอย่างแท้จริงเป็นพอ ใครที่ยังไม่ได้ชมแนะนำว่าไปดูเลย คุ้มค่าเกินราคาตั๋วค่ะ