*** Update 2/2/2019 : หน่วยวัดของ Xiaomi Smart PM2.5 Air Detector คือ AQI (เทียมๆ เพราะถ้าเป็น AQI จริงๆควรคำนวณจากสัดส่วนค่าของแกสพิษตัวอื่นๆเข้ามาด้วย) ที่คำนวณจาก PM2.5 เพียงตัวเดียว อีกทั้งข้อมูลบางแหล่งยังแย้งว่าวิธีการวัดของทางจีนนั้นผิดในเชิงวิชาการ  แต่ด้วยเหตที่ว่าการคำนวณ AQI ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกันเพราะปัจจัยต่างกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นของใครต่างมีลักษณะการเทียบค่าคล้ายๆกันนั่นคือ AQI ต่ำลงนั่นคืออากาศมีคุณภาพดีขึ้นตามลำดับ ดังนั้นการทดลองนี้ผมจะขอถอดหน่วยวัดของเครื่อง Xiaomi ออกไปเพื่อจะได้ไม่สับสันกันในข้อมูลนี้ในอนาคตนะครับ
**** เอื้อเฟื้อข้อมูลจากคุณ TK_Family ขอบคุณครับ ****

ในช่วงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา (2018) จนถึงตอนนี้ 31 / 1/ 2019 ปัญหาฝุ่นพิษ(PM2.5) ไม่ได้ทุเลาเบาบางไปเลย จาก กทม.เมืองศิวิไลซ์
อีกทั้ง หน้ากากดีๆ ก็หาซื้อแทบไม่ได้ สั่ง online ไปโดนยกเลิกจากทางร้าน หมดทุกครั้ง (ย้ำว่าสั่งไป 4 ครั้ง ก็โดนยกเลิกโดยร้านค้าหมด)...ยังไม่พอโดนซ้ำเติมด้วยการ พ่อค้าแม่ค้าบางคนทั้งในไทย และ แม้แต่ต้นทาง(ประเทศจีน)หรือ ร้านค้าจีนที่มา่เปิดในไทย ฉกฉวยโอกาส เริ่มกักตุนและทำให้ราคามันสูงขึ้น....(เชิญทำกันไปนะครับ เก็บไปซะให้พอใจ หัวงว่ากระทู้นี้จะช่วยปลุกจิตสำนึก ขึ้นมาบ้าง)


ผมจะมาไขข้อข้องใจ และสร้างความมั่นใจให้ทุกคนที่ว่า
      "แผ่นกรองอากาศ 2 ชั้น ก็กัน PM2.5 ได้เหรอ?"
                                                                             "เฮ้อ..หน้ากากกันฝุ่นของเด็กๆหายากเสียเหลือเกินแถมแพงมาก แล้วมันจะดีเหมือนที่โฆษณาจริงเหรอ"
                          "ไม่ไหวๆ...ใส่หน้ากากไม่เห็นจะสวยเลย (ดูนะ จะตายอยู่แล้วมันยังขอศพสวย)"
      "อูยย ไม่ไหวใส่นานๆหายใจไม่ออก, โดนหน้ากากกดทับจนหน้าเป็นรอยหมด (ใช่ครับหน้ากากที่ใยกรองหนาๆ มันจะแข็งๆและทำให้ต้องรัดแน่นขึ้นเพื่อให้เข้ารูปหน้า ไม่งั้นถ้ามีรูทางเข้าเพียงนิด...เปล่าประโยชน์ที่จะใส่เลยจริงๆ)"

การทดสอบแบบบ้านๆ ของผม ไม่มีอะไรมากมาย แต่ตอบโจทย์คำถามพวกนี้ได้เลย (ยกเว้นพวกห่วงสวยนะ...ปล่อยเค้านอนตายอย่างสงบในท่าสวยๆเค้าเถอะครับ 555) ขอเริ่มจากที่ว่า เจ้าหน้ากาก กรองฝุ่น ยี่ห้อดังอย่าง 3M ที่ทำมาหลายรุ่น บอกกันฝุ่น pm2.5ได้  (บรรดา N95, K95, CN95 อันนี้เป็นมาตรฐานของแต่ละประเทศเค้าที่มาควบคุมคุณภาพหน้ากากกรองฝุ่นที่ไปขายในบ้านเค้านะครับ) มันทำได้ดีแค่ไหน...เทียบกับแผ่นกรองอากาศแบบปิดปากปิดจมูกที่ขายทั่วไปราคาถูกๆ ที่มีคนบอกว่าถ้าใช้ซ้อนกัน 2 ชั้น จะมีประสิทธิภาพการกรองฝุ่น PM2.5 ได้จริงเหรอ??!!

                   คำตอบคือ "จริงครับ!!"

... ดังนั้นผมไม่ขออธิบายรายละเอียดลงลึกถึงวิธีการสร้างเจ้าเครื่องวัดนี้นะครับดูรูปแล้วก็จะอ๋อเลย..เพราะมันไม่ใช่ topic เรื่องนี้...แค่เอากล่องพลาสติกที่ใช้ใส่ข้าวจากร้าน มาประกบกันด้วย ปืนกาวเจาะรูเพื่อติดพัดลมดูดอากาศ และช่องสำหรับเอาหน้ากากไปกั้นทางเข้าแค่เท่านั้น


                       



ผลการทดสอบ  
***** (ยิ่งค่า AQI (เทียม) น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีขึ้นเท่านั้นครับ มันคือ หน่วยวัดที่บอกว่ามีปริมาณฝุ่นกี่ไมโครกรัมในปริมาตรอากาศ 1 ลูกบาศ์กเมตร) ****
ซึ่งทำการทดสอบในบ้านผมเอง ที่มีปริมาณของฝุ่น PM2.5 สูงถึง 90  ในขณะนั้น



     - 3M รุ่น 8210 ทำได้ที่ 42

กดให้หน้ากากแนบลงไปในช่องอากาศที่ต้องไหลผ่านป้องกันอากาศด้านข้างรั่วไหลเข้าไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถือว่าปริมาณฝุ่นที่ผ่านเข้ามาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยนะครับ

     - แบบแผ่นกรองอากาศ แค่ 1 ชั้น  *** แทบไม่ได้ช่วยกรองเลย แต่ก็ยังมีคนใส่แค่แผ่นเดียว จะไปใส่ทำไมล่ะครับ *** ทำได้ที่  72

     - DIY แผ่นกรองธรรมดา 2 ชั้นเย็บแมกซ์ให้ติดกัน ทำได้ที่ 40  (สิ่งที่ผมแนะนำให้ทำใช้เองคือสิ่งนี้ครับ แต่ผมมีที่ดีกว่านี้นำเสนอให้ช่วงท้ายด้วย)


*** แต่การทดลองนี้ไม่ได้หยุดที่เท่านั้น  ผมทดสอบเพิ่มด้วยว่าแล้วถ้าจะให้กรองได้ดีที่สุดในระดับที่ยังหายใจสะดวกๆล่ะ....
นั่นคือ "แผ่นกรองอากาศ 3ชั้น (และผมพ่วงเจ้าแผ่น แผ่น 3m filtret ,ที่นิยมเอามาใส่แผ่นกรองเครื่องปรับอากาศ นั่นล่ะ เพราะมันมีคุณสมบัติไฟฟ่าสถิตอยู่ด้วย ดักจับฝุ่นขนาดเล็กๆดีนักแล)"
ซึ่งผมใช้มันมา 2 week ละ (ในแต่ละวันผมใช้แค่ 1-2 ชม. นอกอาคารเท่านั้น)....ประสิทธิภาพการกรองของมันคือ 23 !!! ...wowww.....




คราวนี้ไม่ต้องแห่ไปซื้อ 3m จนขาดตลาด และโดนพ่อค้าแม่ค้าหัวใส กักตุนเพื่ออัพราคาโขกสับต่อไปละนะครัช......

**** ชุดทดลองบ้านๆนี้ผมสร้างขึ้นมา เพื่อจำลองสภาพการใช้งานในชีวิตประจำวันเลย ชุดทดสอบ บ้านๆกับเครื่องมือตรวจวัดจาก xiaomi smartmi pm2.5 detector ครับ ดังนั้นอาจมีจุดคลาดเคลื่อนได้ แต่ ทุกอันทดสอบในสภาพแวดล้อมเดียวกันหมด เพื่อแค่วัดประสิทธิภาพการกรองฝุ่นภาคสนามจริงๆที่อาจจะมีฝุ่นเล็ดลอดเข้าไปได้บ้าง ดังนั้นผมว่าพอยอมรับได้อยู่นะ 5555 ****


มาถึงมี วิธีการ DIY เจ้าหน้ากากตัวสุดท้ายที่ได้ประสิทธิภาพการกรองสูงสุดแบบ ยังหายใจสะดวกไม่อึกอัดเกินไป ใส่สายคล้องไม่เจ็บหู ใช้เวลาต่อชิ้นไม่ถึง 3 นาที ก็ได้สุดยอดหน้ากากกรองฝุ่น PM2.5 มาครอบครองแบบไม่ต้องไปรอซื้อเป็น week ๆ หรือหาซื้อไม่ได้เลย!!!

วัตถุดิบ
         - แผ่นหน้ากากกรองฝุ่นทั่วๆไป no name จัดมา 3 ชิ้น
         - แมกซ์เย็บกระดาษเล็กๆ
         - แผ่นกรองแอร์ 3M Filtrete  *** อันนี้จะใส่ร่วมด้วยหรือไม่ใส่ ก็ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่น่ะครับ แต่ให้ผลทางใจผมตอนนั้น เพราะข้างกล่องเขียนไว้กรองฝุ่นได้ถึงระดับ 0.1micron ใช้ไฟฟ้าสถิตที่เค้าว่าอัดประจุ ให้แล้ว (แต่ผมว่าไม่น่าจะเก็บประจุอยู่ละมั๊งฟังเหมือนโม้เลย ...แต่ถ้าจากลักษณะของแผ่นเป็นตาข่าย 2 ด้านที่ตรงกลางเป็นใยกรองซึ่งถ้าอากาศไหลผ่านมีความแรงพอให้เจ้าตาข่าย 2 ด้านเสียดสีกับใยกรองตรงกลาง ก็น่าจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตบางๆขึ้นมาได้นะ)



1. เริ่มจาก ดึงสายคล้องหูของหน้ากากกรองอากาศ 2 แผ่น ทิ้งไปเลยครับ เหลือแค่แผ่นเดียว ซึ่งแผ่นที่เหลือหูคล้องนี้จะใช้เป้นแผ่นในสุดที่อยู่ติดใบหน้าเรา ตามภาพ


2. ตัดแผ่น 3M filtrete มาเย็บแมกซ์ติดเข้ากับหน้ากาก ตัวที่จะใช้ดเป็นแผ่นตรงกลาง โดย พยายาม ดันให้มันป่องๆแบบรูปเข้าไว้นะครับ แล้วกดแมกซ์เย็บฉึกลงไปเลย (*** ข้ามขั้นนี้ไปได้เลยถ้าหาแผ่น 3M Filtrete ไม่ได้ เพราะไม่ได้จำเป็นอะไรมากเลย)




3. เอามาติดกับหน้ากาก(ที่ดึงหูคล้องทิ้ง) อีกแผ่น โโยก็พยายามดันให้ป่องๆเอาไว้ แล้วก่อนเย็ยแมกซ์ติดกัน ก็ให้แผ่นใน (หน้ากากที่ได้จากขั้นตอนที่ 2) เหลื่อมต่ำลงมาหน่อยนึง



4. ทีนี้เอามาทั้งหมดที่ทำมา มาประกบกับหน้ากากแผ่นในสุด ที่ไม่ต้องดันจนป่องสุดเหมือน 2 แผ่นแรกนะครับ  ป่องนิดๆ พอประมาณก็พอ ให้ครีบยังซ้อนๆกันอยู่บ้าง




เรียบร้อยครับ พร้อมลุย!!

ดังนั้น *** สำหรับหน้ากาก เด็กๆ ก็ไปหาซื้อแผ่นปิดปากขนาดเท่ารูปหน้าของเค้า เอามาทำนะครับ......ผมเน้นว่าให้เย็บแม๊กติดกันตามวิธีจะดีที่สุดครับเพราะ สามารถจัดทรงสร้างปล่องช่องว่างให้สามารถหายใจได้สะดวกไม่อับชื้นเกินไป และเวลาใส่จะไม่เจ็บหูเนื่องจากสายคล้องหูที่ซ้อนกันหลายเส้น.....ใส่สบายใช้งานได้จริงดีกว่าครับ ****