คุณหินผลึกได้เขียน “วัดใจคนใต้” ในฐานะคนใต้ไปแล้ว ผมในนามคนอีสานก็อยากจะเอาอย่างบ้าง.......
เนื่องจากอีสานเป็นภาคที่มีจำนวนสส. เยอะที่สุด ถึงฤดูการเลือกตั้งทีไร คนอีสานมักจะเนื้อหอมเสมอๆ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา เจ้าตูบเป็นต้องเห่าหอนกันเกรียวตั้งแต่หน้าหมู่บ้านยันท้ายหมู่บ้าน........
มุมมองที่ส่องจากหอคอยงาช้างมายังคนในพื้นที่อีสานว่าขายเสียง เห็นแก่เงินนั้น จะว่าไม่ถูกเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะคนอีสานขายเสียงและเห็นแก่เงินก็ยังมีไม่น้อย แต่ถ้าหากจะแฟร์จริงๆ.....ก็ควรกวาดสายตามองพื้นที่ภาคอื่นบ้างว่าการขายสิทธิ์ซื้อเสียงมีเหมือนกันไหม?? หรือไม่มีแม้สักรายเดียว?
สมัยผมเป็นเด็ก....เวลาถึงฤดูเลือกตั้งมาทีไร มักจะได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่าจะเลือกใคร?? แต่คำถามในลักษณะนี้ถูกแทนที่มาเป็น “จะเลือกพรรคไหน?” แทนหลังจากที่พรรคไทยรักไทยได้บริหารประเทศครั้งแรก นั่นเป็นรูปแบบของการใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่วิวัฒนา/เปลี่ยนไปของคนอีสานที่คนที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างยังตามไม่ทัน ซึ่งยังเชื่อว่าพวกเขา (คนอีสาน) บางส่วนยังยึดติดกับวัฒนธรรมเดิมๆ หรือถ้าจะพูดให้ถึงที่สุดก็คือ ถ้า
พรรคการเมืองขวัญใจของชนชั้นที่อยู่บนหอคอยงาช้างไม่ได้รับเลือกหรือเลือกเข้ามาน้อยในสภาเมื่อไหร่ ก็จะโยนคำครหาเดิมๆ เข้าใส่คนอีสาน ทั้งๆ ความเป็นจริง....พวกเขาผ่านการเลือกตั้งและเรียนรู้มาหลายฤดูกาล จนถึงตรงนี้ กาลเวลาก็เกือบจะปาเข้าช่วงหนึ่งชั่วคนแล้ว แต่คำครหาเดิมๆ ของบางกลุ่มบางคนก็ยังไม่ถูกเก็บเข้าลิ้นชักตาม
สำหรับFC ทักษิณและรวมไปถึงคนไทยจากทั่วทุกภาคจำนวนมากที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายของพรรคไทยรักไทยที่ได้ทำเอาไว้(ชนิดที่รัฐบาลต่อๆ มาไม่สามารถเข็นนโนบายอื่นมาสร้างความประทับใจและผลประโยชน์ให้กับประชาชนได้เท่า)มองว่า คำครหา “ขายเสียง” ที่โยนให้คนอีสานนั้น เป็นเพียง “ข้อแก้ตัว” ที่พยายามกลบเกลื่อนความพ่ายแพ้ถึงสองครั้งสองคราของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเท่านั้น
การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ จึงจะเป็นการพิสูจน์ “รับเงินมา กาเพื่อไทย” อีกคำรบหนึ่งว่ามีจริงและได้ผลอย่างที่ผ่านๆ มาหรือไม่? และหาก “บทเรียน” ในครั้งที่ผ่านๆ มาไม่ถูกนำมาศึกษาและวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ หากเอาแต่พร่ำบ่นคำเดิมๆ ว่า “ขายเสียงๆๆ” อยู่
ถ้าปัญญาในการวิเคราะห์สถานการณ์/ข้อเท็จจริงมีอยู่แค่นี้....ก็อย่าริไปบริหารประเทศให้มันตกต่ำไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลยขอรับ
....วัดใจคนอีสาน..../วัชรานนท์
เนื่องจากอีสานเป็นภาคที่มีจำนวนสส. เยอะที่สุด ถึงฤดูการเลือกตั้งทีไร คนอีสานมักจะเนื้อหอมเสมอๆ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา เจ้าตูบเป็นต้องเห่าหอนกันเกรียวตั้งแต่หน้าหมู่บ้านยันท้ายหมู่บ้าน........
มุมมองที่ส่องจากหอคอยงาช้างมายังคนในพื้นที่อีสานว่าขายเสียง เห็นแก่เงินนั้น จะว่าไม่ถูกเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะคนอีสานขายเสียงและเห็นแก่เงินก็ยังมีไม่น้อย แต่ถ้าหากจะแฟร์จริงๆ.....ก็ควรกวาดสายตามองพื้นที่ภาคอื่นบ้างว่าการขายสิทธิ์ซื้อเสียงมีเหมือนกันไหม?? หรือไม่มีแม้สักรายเดียว?
สมัยผมเป็นเด็ก....เวลาถึงฤดูเลือกตั้งมาทีไร มักจะได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่าจะเลือกใคร?? แต่คำถามในลักษณะนี้ถูกแทนที่มาเป็น “จะเลือกพรรคไหน?” แทนหลังจากที่พรรคไทยรักไทยได้บริหารประเทศครั้งแรก นั่นเป็นรูปแบบของการใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่วิวัฒนา/เปลี่ยนไปของคนอีสานที่คนที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างยังตามไม่ทัน ซึ่งยังเชื่อว่าพวกเขา (คนอีสาน) บางส่วนยังยึดติดกับวัฒนธรรมเดิมๆ หรือถ้าจะพูดให้ถึงที่สุดก็คือ ถ้าพรรคการเมืองขวัญใจของชนชั้นที่อยู่บนหอคอยงาช้างไม่ได้รับเลือกหรือเลือกเข้ามาน้อยในสภาเมื่อไหร่ ก็จะโยนคำครหาเดิมๆ เข้าใส่คนอีสาน ทั้งๆ ความเป็นจริง....พวกเขาผ่านการเลือกตั้งและเรียนรู้มาหลายฤดูกาล จนถึงตรงนี้ กาลเวลาก็เกือบจะปาเข้าช่วงหนึ่งชั่วคนแล้ว แต่คำครหาเดิมๆ ของบางกลุ่มบางคนก็ยังไม่ถูกเก็บเข้าลิ้นชักตาม
สำหรับFC ทักษิณและรวมไปถึงคนไทยจากทั่วทุกภาคจำนวนมากที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายของพรรคไทยรักไทยที่ได้ทำเอาไว้(ชนิดที่รัฐบาลต่อๆ มาไม่สามารถเข็นนโนบายอื่นมาสร้างความประทับใจและผลประโยชน์ให้กับประชาชนได้เท่า)มองว่า คำครหา “ขายเสียง” ที่โยนให้คนอีสานนั้น เป็นเพียง “ข้อแก้ตัว” ที่พยายามกลบเกลื่อนความพ่ายแพ้ถึงสองครั้งสองคราของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเท่านั้น
การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ จึงจะเป็นการพิสูจน์ “รับเงินมา กาเพื่อไทย” อีกคำรบหนึ่งว่ามีจริงและได้ผลอย่างที่ผ่านๆ มาหรือไม่? และหาก “บทเรียน” ในครั้งที่ผ่านๆ มาไม่ถูกนำมาศึกษาและวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ หากเอาแต่พร่ำบ่นคำเดิมๆ ว่า “ขายเสียงๆๆ” อยู่
ถ้าปัญญาในการวิเคราะห์สถานการณ์/ข้อเท็จจริงมีอยู่แค่นี้....ก็อย่าริไปบริหารประเทศให้มันตกต่ำไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลยขอรับ