ภรรยาผมตั้งครรภ์ได้24สัปดาห์ คือประมาณ 6 เดือน เมื่อวันที่ 1 ม.ค.62ที่ผ่านมา(อายุครรภ์ขณะนั้น 20 สัปดาห์) ภรรยาผมมีอาการเลือดปนมูกออกทางช่องคลอดซึมติดกางเกงใน จึงโทรปรึกษาแพทย์ที่ฝากพิเศษ คุณหมอให้มาพบในวันรุ่งขึ้น วันที่ 2 ม.ค.62 คุณหมอตรวจภรรยาผมแล้วให้Admit บอกว่าเกิดภาวะแท้งคุกคาม และให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
วันที่ 4 ม.ค.62 มีอาการน้ำคร่ำไหลออกมา คุณหมออัลตร้าซาวดูระดับน้ำคร่ำอยู่ที่ระดับ 5 เด็กน้ำหนัก320กรัม ซึ่งหมอบอกว่าระดับน้ำคร่ำไม่ลดยังปลอดภัย ให้นอนพักเยอะๆ อาการเลือดซึมและน้ำคร่ำซึมเริ่มน้อยลง จนวันที่10 ม.ค.คุณให้กลับไปนอนพักที่บ้าน หลังจากกลับมาตอนพักที่บ้านก็มีอาการน้ำคร่ำซึมเปลี่ยนผ้าอนามัยวันละสามสี่แผ่น บางแผ่นมีซึมน้อย บางแผ่นซึมเยอะ วันที่18 ม.ค.ภรรยาผมมีอาการปวดหน่วงและถี่ขึ้น เวลาประมาณ18.30 น.ผมโทรหาคุณหมอ หมอให้มาพบที่ตึกคลอด ทำการอัลต้าซาวระดับน้ำคร่ำลดลงไประดับ 3 แต่อาการปวดท้องหายไปหมอเลยให้นอนในห้องคลอดทั้งคืนเพื่อเฝ้าระวัง พอตอนเช้าจึงให้Admitที่ตึกสูติกรรม หมอบอกว่าระดับน้ำคร่ำลดลงไปอีกนะ แต่เด็กหัวใจดี น้ำหนักและขนาดตัวดี ให้นอนพักบนเตียงยาว จะเดินได้ก็เฉพาะเข้าห้องน้ำถ่ายหนัก ปฏิบัติตัวตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัด บำรุงครรภ์ด้วยนมและดื่มน้ำมากๆเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำคร่ำ คืนวันที่ 22 ม.ค.แฟนผมมีอาการเลือดออกปนมากับน้ำคร่ำและปนมากับปัสสาวะ แพทย์เวรจึงทำการอัลตร้าซาวอีกครั้ง พบว่าปริมาณน้ำคร่ำอยู่ที่ระดับ 3.2 หมอให้นอนพักมากๆดื่มน้ำเยอะๆ อาการเลือดออกเป็นอยู่3วันก็หายไป ตอนนี้แฟนผมยังมีอาการน้ำคร่ำซึมบ้างเป็นบางวัน บางวันแทบไม่ออกเลย วันที่27 ม.ค.ที่ผ่านมาคุณหมอบอกจะอัลตร้าซาวดูระดับน้ำคร่ำอีกรอบในวันที่ 30 ม.ค. ผมเริ่มกังวลใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับภรรยาและลูกในครรภ์ ซึ่งเอาจริงผมก็เครียดมาตลอดเมื่อรู้ว่าภรรยามีอาการ แท้งคุกคาม จึงถามหมอว่ามันจะส่งผลอย่างไรกับตัวแม่และเด็กในท้องในกรณีที่เด็กต้องอยู่ในระดับน้ำคร่ำแค่นี้ หมอบอกว่ามันไม่ค่อยน่าสบายใจนัก การที่ระดับน้ำคร่ำต่ำกว่าปกติก็จะส่งผลไปถึงข้อติด กล้ามเนื้อลีบ ปอดไม่แข็งแรง แต่ยังไม่ผลเสียต่อตัวแม่ เพราะหมอเฝ้าระวังการติดเชื้ออยู่ คุณพ่อกับแม่ลองปรึกษากันดูนะว่าจะยุติหรือไปต่อ ภรรยาผมร้องไห้เสียใจมาก ผมต้องปลอบใจและให้กำลังว่า เรารอดูผลระดับน้ำคร่ำอีกรอบอีกกว่า
วันนี้วันที่ 30 ม.ค.62 เวลา9.30 น.คุณหมอทำการตรวจอัลตร้าซาว บอกผมกับภรรยาว่า ระดับน้ำคร่ำอยู่ที่ระดับ4 เด็กมีน้ำหนักประมาณ 500กรัมตัวโตขึ้น
หมอบอกว่า อยู่ได้นะเด็กอยู่ได้ แผนการรักษาก็นอนนิ่งๆเหมือนเดิม ดื่มน้ำให้มากๆ(ซึ่งตั้งแต่Admit ภรรยาผมดิ่มน้ำวันละ4-5 ลิตรทุกวัน) ผมกับภรรยามองหน้ากัน เลยถามคำถามที่มันสงสัยอยู่ในหัวแล้วมันเครียดมาตลอดว่า คุณหมอครับ ระดับน้ำคร่ำระดับ4 อายุครรภ์ขนาดนี้ซึ่งก็คือ 24 สัปดห์(ุ6เดือน) จะส่งผลอย่างไรต่อเด็ก คุณหมอบอกว่าอย่างที่เคยคุยไว้ว่า มีโอกาสข้อติด กล้ามเนื้อลีบ ระบบปอด สายตา ก็อาจจะส่งผลเสียต่อระบบเหล่านี้ ซึ่งจะให้หมอบอกว่า จะข้อติดมั้ย จะพิการมั้ย หมอไม่การันตี คุณพ่อกับคุณแม่ต้องตัดสินใจเอง ถ้าถามว่าเลี้ยงรอดมั้ย เลี้ยงรอดเด็กยังอยู่ในท้องต่อไปได้ แต่หมอไม่สามารถบอกได้ว่า อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คลอดออกจะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นมั้ย หมอตอบไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องตัดสินใจเอง ซึ่งหากจะยุติการตั้งครรภ์ก็ต้องมีการเข้าคณะกรรมการ และจะมีทีมแพทย์ด้านสูติฯไปประเมินภรรยาผมอีกครั้งที่เตียงคนไข้ วันศุกร์นี้ คุณพ่อคุณแม่ลองซักถามทีมแพทย์เพื่อประกอบการตัดสินใจนะครับ .............. โลกของผมกับภรรยาแทบจะหยุดหมุน ตอนนี้ผมกับภรรยากำลังทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน
ผมจึงอยากรับฟังความเห็นและประสบการณ์จากทุกท่าน ว่าใครเคยมีประสบการณ์อย่างผมกับภรรยาบ้าง แล้วตัดสินใจอย่างไร ถ้าเลือกที่จะยุติทุกอย่างคงจบ แต่นั่นคือลูกเรา แล้วถ้าเลือกไปต่อเลือกจะเก็บไว้ อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ น้ำหนัก5,000กรัม ระดับน้ำคร่ำ3-4 มันต้องนอนไปอีกเท่าไหร แล้วผลที่จะเกิดกับลูกเรามันมีกี่เปอร์เซ็นต์ที่จะสมบูรณ์และปลอดภัย เพราะขณะนี้น้ำคร่ำก็ยังซึมบ้างหยุดบ้าง ถ้าน้ำคร่ำหยุดไหลเป็นปกติผมและภรรยาคงตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้ ใครพอมีประสบการณ์ช่วยกรุณาบอกข้อมูลผมหน่อยครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ถ้าคุณกำลังต้องตัดสินใจว่ายุติการตั้งครรภ์หรือไปต่อ จะทำอย่างไร
วันที่ 4 ม.ค.62 มีอาการน้ำคร่ำไหลออกมา คุณหมออัลตร้าซาวดูระดับน้ำคร่ำอยู่ที่ระดับ 5 เด็กน้ำหนัก320กรัม ซึ่งหมอบอกว่าระดับน้ำคร่ำไม่ลดยังปลอดภัย ให้นอนพักเยอะๆ อาการเลือดซึมและน้ำคร่ำซึมเริ่มน้อยลง จนวันที่10 ม.ค.คุณให้กลับไปนอนพักที่บ้าน หลังจากกลับมาตอนพักที่บ้านก็มีอาการน้ำคร่ำซึมเปลี่ยนผ้าอนามัยวันละสามสี่แผ่น บางแผ่นมีซึมน้อย บางแผ่นซึมเยอะ วันที่18 ม.ค.ภรรยาผมมีอาการปวดหน่วงและถี่ขึ้น เวลาประมาณ18.30 น.ผมโทรหาคุณหมอ หมอให้มาพบที่ตึกคลอด ทำการอัลต้าซาวระดับน้ำคร่ำลดลงไประดับ 3 แต่อาการปวดท้องหายไปหมอเลยให้นอนในห้องคลอดทั้งคืนเพื่อเฝ้าระวัง พอตอนเช้าจึงให้Admitที่ตึกสูติกรรม หมอบอกว่าระดับน้ำคร่ำลดลงไปอีกนะ แต่เด็กหัวใจดี น้ำหนักและขนาดตัวดี ให้นอนพักบนเตียงยาว จะเดินได้ก็เฉพาะเข้าห้องน้ำถ่ายหนัก ปฏิบัติตัวตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัด บำรุงครรภ์ด้วยนมและดื่มน้ำมากๆเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำคร่ำ คืนวันที่ 22 ม.ค.แฟนผมมีอาการเลือดออกปนมากับน้ำคร่ำและปนมากับปัสสาวะ แพทย์เวรจึงทำการอัลตร้าซาวอีกครั้ง พบว่าปริมาณน้ำคร่ำอยู่ที่ระดับ 3.2 หมอให้นอนพักมากๆดื่มน้ำเยอะๆ อาการเลือดออกเป็นอยู่3วันก็หายไป ตอนนี้แฟนผมยังมีอาการน้ำคร่ำซึมบ้างเป็นบางวัน บางวันแทบไม่ออกเลย วันที่27 ม.ค.ที่ผ่านมาคุณหมอบอกจะอัลตร้าซาวดูระดับน้ำคร่ำอีกรอบในวันที่ 30 ม.ค. ผมเริ่มกังวลใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับภรรยาและลูกในครรภ์ ซึ่งเอาจริงผมก็เครียดมาตลอดเมื่อรู้ว่าภรรยามีอาการ แท้งคุกคาม จึงถามหมอว่ามันจะส่งผลอย่างไรกับตัวแม่และเด็กในท้องในกรณีที่เด็กต้องอยู่ในระดับน้ำคร่ำแค่นี้ หมอบอกว่ามันไม่ค่อยน่าสบายใจนัก การที่ระดับน้ำคร่ำต่ำกว่าปกติก็จะส่งผลไปถึงข้อติด กล้ามเนื้อลีบ ปอดไม่แข็งแรง แต่ยังไม่ผลเสียต่อตัวแม่ เพราะหมอเฝ้าระวังการติดเชื้ออยู่ คุณพ่อกับแม่ลองปรึกษากันดูนะว่าจะยุติหรือไปต่อ ภรรยาผมร้องไห้เสียใจมาก ผมต้องปลอบใจและให้กำลังว่า เรารอดูผลระดับน้ำคร่ำอีกรอบอีกกว่า
วันนี้วันที่ 30 ม.ค.62 เวลา9.30 น.คุณหมอทำการตรวจอัลตร้าซาว บอกผมกับภรรยาว่า ระดับน้ำคร่ำอยู่ที่ระดับ4 เด็กมีน้ำหนักประมาณ 500กรัมตัวโตขึ้น
หมอบอกว่า อยู่ได้นะเด็กอยู่ได้ แผนการรักษาก็นอนนิ่งๆเหมือนเดิม ดื่มน้ำให้มากๆ(ซึ่งตั้งแต่Admit ภรรยาผมดิ่มน้ำวันละ4-5 ลิตรทุกวัน) ผมกับภรรยามองหน้ากัน เลยถามคำถามที่มันสงสัยอยู่ในหัวแล้วมันเครียดมาตลอดว่า คุณหมอครับ ระดับน้ำคร่ำระดับ4 อายุครรภ์ขนาดนี้ซึ่งก็คือ 24 สัปดห์(ุ6เดือน) จะส่งผลอย่างไรต่อเด็ก คุณหมอบอกว่าอย่างที่เคยคุยไว้ว่า มีโอกาสข้อติด กล้ามเนื้อลีบ ระบบปอด สายตา ก็อาจจะส่งผลเสียต่อระบบเหล่านี้ ซึ่งจะให้หมอบอกว่า จะข้อติดมั้ย จะพิการมั้ย หมอไม่การันตี คุณพ่อกับคุณแม่ต้องตัดสินใจเอง ถ้าถามว่าเลี้ยงรอดมั้ย เลี้ยงรอดเด็กยังอยู่ในท้องต่อไปได้ แต่หมอไม่สามารถบอกได้ว่า อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คลอดออกจะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นมั้ย หมอตอบไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องตัดสินใจเอง ซึ่งหากจะยุติการตั้งครรภ์ก็ต้องมีการเข้าคณะกรรมการ และจะมีทีมแพทย์ด้านสูติฯไปประเมินภรรยาผมอีกครั้งที่เตียงคนไข้ วันศุกร์นี้ คุณพ่อคุณแม่ลองซักถามทีมแพทย์เพื่อประกอบการตัดสินใจนะครับ .............. โลกของผมกับภรรยาแทบจะหยุดหมุน ตอนนี้ผมกับภรรยากำลังทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน
ผมจึงอยากรับฟังความเห็นและประสบการณ์จากทุกท่าน ว่าใครเคยมีประสบการณ์อย่างผมกับภรรยาบ้าง แล้วตัดสินใจอย่างไร ถ้าเลือกที่จะยุติทุกอย่างคงจบ แต่นั่นคือลูกเรา แล้วถ้าเลือกไปต่อเลือกจะเก็บไว้ อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ น้ำหนัก5,000กรัม ระดับน้ำคร่ำ3-4 มันต้องนอนไปอีกเท่าไหร แล้วผลที่จะเกิดกับลูกเรามันมีกี่เปอร์เซ็นต์ที่จะสมบูรณ์และปลอดภัย เพราะขณะนี้น้ำคร่ำก็ยังซึมบ้างหยุดบ้าง ถ้าน้ำคร่ำหยุดไหลเป็นปกติผมและภรรยาคงตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้ ใครพอมีประสบการณ์ช่วยกรุณาบอกข้อมูลผมหน่อยครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ