แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (ตุลาคม-ธันวาคม 2018) มีรายได้รวม 84,310 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และบริษัทมีกำไรสุทธิ 19,965 ล้านดอลลาร์
ไตรมาสนี้เป็นไตรมาสแรกที่แอปเปิลเลือกไม่รายงานจำนวนเครื่อง iPhone, iPad และ Mac ที่ขายได้ โดยบอกเพียงยอดขายรวม ซึ่ง iPhone ก็มียอดขายลดลงมากจนส่งผลต่อรายได้รวมดังที่แอปเปิลออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ ซึ่ง iPhone มียอดขาย 51,982 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 15% ส่วน iPad, Mac, อุปกรณ์สวมใส่ และรายได้จากบริการ ต่างเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้รายได้จากตลาดจีนก็ลดลงถึง 27%
ซีอีโอ Tim Cook ชี้แจงในรายงานผลประกอบการว่าถึงแม้ตัวเลขจะออกมาน่าผิดหวังจากที่บริษัทประเมินก่อนหน้านี้ แต่เป็นปัญหาระยะสั้น เพราะยังมีตัวเลขสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานรวมสูงถึง 1,400 ล้านเครื่อง การเติบโตในตลาดหลายภูมิภาค และรายได้จากธุรกิจบริการที่เติบโตสูง
ในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักลงทุนยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายอย่างดังนี้
Tim Cook ยอมรับว่าคนอัพเกรด iPhone ช้าลง เมื่อเทียบกับอดีต โดยให้เหตุผล 3 อย่าง คือภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งเห็นชัดในตลาดจีนและตลาดประเทศเกิดใหม่ จนส่งผลต่อยอดขาย iPhone
ประเด็นที่ 2 คือ การให้ส่วนลดค่าเครื่องของผู้ให้บริการ (Subsidies) โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งเดิมจะมีส่วนลดค่าเครื่องขายพร้อมแพ็กเกจ แต่ตอนนี้มีส่วนลดที่น้อยลง
ประเด็นสุดท้ายคือโครงการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งแอปเปิลไม่มองว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และเชื่อว่าเรื่องนี้สำคัญมากสำหรับลูกค้า
iPad ยอดขายเติบโต 17% และเป็นการเติบโตระดับสองหลักทั้ง iPad และ iPad Pro
ธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่ เติบโตสูงทั้งจาก AirPods และ Apple Watch จนมีขนาดธุรกิจระดับบริษัท Fortune 200
Tim Cook ยอมรับว่าราคา iPhone รุ่นใหม่ปีนี้สูงขึ้นในหลายประเทศ จากปัจจัยค่าเงิน จนส่งผลต่อยอดขาย ซึ่งแอปเปิลเริ่มทยอยปรับราคาลงในหลายประเทศ ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า
ในบรรดา iPhone รุ่นใหม่ปีนี้ iPhone XR ทำยอดขายสูงสุด ตามด้วย XS Max และ XS
ที่มา: แอปเปิล
https://www.blognone.com/node/107811
Apple ไตรมาสล่าสุด ยอดขาย iPhone ลดลงถึง 15% - Tim Cook ยอมรับ ราคาคือสาเหตุสำคัญ
แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (ตุลาคม-ธันวาคม 2018) มีรายได้รวม 84,310 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และบริษัทมีกำไรสุทธิ 19,965 ล้านดอลลาร์
ไตรมาสนี้เป็นไตรมาสแรกที่แอปเปิลเลือกไม่รายงานจำนวนเครื่อง iPhone, iPad และ Mac ที่ขายได้ โดยบอกเพียงยอดขายรวม ซึ่ง iPhone ก็มียอดขายลดลงมากจนส่งผลต่อรายได้รวมดังที่แอปเปิลออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ ซึ่ง iPhone มียอดขาย 51,982 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 15% ส่วน iPad, Mac, อุปกรณ์สวมใส่ และรายได้จากบริการ ต่างเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้รายได้จากตลาดจีนก็ลดลงถึง 27%
ซีอีโอ Tim Cook ชี้แจงในรายงานผลประกอบการว่าถึงแม้ตัวเลขจะออกมาน่าผิดหวังจากที่บริษัทประเมินก่อนหน้านี้ แต่เป็นปัญหาระยะสั้น เพราะยังมีตัวเลขสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานรวมสูงถึง 1,400 ล้านเครื่อง การเติบโตในตลาดหลายภูมิภาค และรายได้จากธุรกิจบริการที่เติบโตสูง
ในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักลงทุนยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายอย่างดังนี้
Tim Cook ยอมรับว่าคนอัพเกรด iPhone ช้าลง เมื่อเทียบกับอดีต โดยให้เหตุผล 3 อย่าง คือภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งเห็นชัดในตลาดจีนและตลาดประเทศเกิดใหม่ จนส่งผลต่อยอดขาย iPhone
ประเด็นที่ 2 คือ การให้ส่วนลดค่าเครื่องของผู้ให้บริการ (Subsidies) โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งเดิมจะมีส่วนลดค่าเครื่องขายพร้อมแพ็กเกจ แต่ตอนนี้มีส่วนลดที่น้อยลง
ประเด็นสุดท้ายคือโครงการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งแอปเปิลไม่มองว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และเชื่อว่าเรื่องนี้สำคัญมากสำหรับลูกค้า
iPad ยอดขายเติบโต 17% และเป็นการเติบโตระดับสองหลักทั้ง iPad และ iPad Pro
ธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่ เติบโตสูงทั้งจาก AirPods และ Apple Watch จนมีขนาดธุรกิจระดับบริษัท Fortune 200
Tim Cook ยอมรับว่าราคา iPhone รุ่นใหม่ปีนี้สูงขึ้นในหลายประเทศ จากปัจจัยค่าเงิน จนส่งผลต่อยอดขาย ซึ่งแอปเปิลเริ่มทยอยปรับราคาลงในหลายประเทศ ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า
ในบรรดา iPhone รุ่นใหม่ปีนี้ iPhone XR ทำยอดขายสูงสุด ตามด้วย XS Max และ XS
ที่มา: แอปเปิล
https://www.blognone.com/node/107811