ช่วงตอนที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเราซื้อทาวน์เฮาส์ไว้ 2 หลังให้คนเช่าค่ะ  บริษัทที่สามีทำงานเกิดปัญหาคือสั่งซื้อเครื่องมือจากต่างประเทศราคาขึ้นมาเท่าตัวไม่ได้ทำความเสี่ยงค่าเงินไว้ค่ะ  เริ่มไม่มีเงินส่งค่าบ้านธนาคารจำได้ว่าตอนนั้นมีงาน Money  Expo  เราไปยื่นรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่เราทำบัตรเครดิตโดยได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขได้ด/บ 0 % เป็นเวลา 3 หรือ 6 เดือนไม่แน่ใจในส่วนนี้ค่ะ

     ธนาคารให้เงินกู้มากกว่าที่ยื่นกู้ค่ะ  เราไปที่ธนาคารที่เรากู้ไว้ครั้งแรกบอกเรากำลังรีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารอื่น  ธนาคารแห่งแรกบอกจะลดด/บค่าปรับให้บอกว่าเรายังไม่เป็น NPL แต่ด/บเท่าเดิมค่ะ  แต่เราเลือกธนาคารหลังเพราะได้ด/บ เงื่อนไขที่ดีกว่าพอผ่อนครบ 1 ปี เราติดต่อที่ธนาคารที่สำนักงานใหญ่ขอลดด/บอีกซึ่งก็ได้ลดด/บ  พยายามผ่อนพอถึงกำหนดตัดเงินต้นวันรุ่งขึ้นเรานำเงินไปตัดต้นให้มากที่สุดผ่อนประมาณ  5 ปีก็ปิดยอดค่ะ

         นับจากวันนั้นมาเราสัญญากับตัวเองจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก  เริ่มเก็บเงิน ประหยัด ในทุกวิธี  เข้ามาในห้องสินธรได้ข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการออมเงินการต่อยอดเงินค่ะ

  30 มค.62  13.15 น. กว่าจะได้รับผลกระทบก็ปี 2544 ค่ะ ช่วงวิกฤตเรายังพอมีเงินเก็บอยู่แต่เงินเดือนสามีที่ได้รับไม่ตรงกำหนดเพราะบริษัทคู่ค้ากว่าจะจ่ายเงินได้นานพอควร  เงินที่เก็บมาได้จากคู่ค้าต้องชำระหนี้และต้องให้พนักงานก่อนค่ะ   ทำให้เงินที่เราเก็บต้องนำออกมาใช้เป็นค่าเล่าเรียนของลูกๆ  เราไม่เคยค้างชำระค่าเทอมลูกๆค่ะ  เงินที่เก็บไว้นำมาใช้จ่ายประมาณ 3-4 ปี ทำให้เราเกิดปัญหาทางการผ่อนบ้านแต่เมื่อทำการรีไฟแนนซ์บ้านด/บค่าบ้านลดลง  พอบริษัทการเงินเริ่มกลับมาดีขึ้นเราก็นำเงินชำระเงินต้นค่าบ้านให้มากที่สุดค่ะ

   31 มค.62  หาใบแรกที่รีไฟแนนซ์ไม่เจอๆใบที่ 2 ที่ไปขอรีไฟแนนซ์หลัง 1 ปีไปแล้วค่ะ

              
     ขอบคุณธนาคารกสิกรไทยมาในที่นี้ด้วยค่ะ  ที่ดำเนินการในการช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ