สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้งใจเขียนขึ้นมาเพราะอยากแชร์เนื้อหาที่โมพึ่งไปเรียนแต่งหน้ามา ที่ผ่านมาเวลาที่ต้องไปงานหรือกิจกรรมก็จะจ้างช่างแต่งหน้าให้ตลอด แต่ก็ไม่เคยแต่งหน้าตัวเองได้เลย แต่ปีหน้าก็จะเข้ามหาลัยแล้ว แล้วก็กำลังจะเอาเหล็กดัดฟันออก เลยตัดสินใจไปเรียนแต่งหน้ามาค่ะ
เนื้อหาที่เขียนเอามาแชร์และภาพประกอบขออนุญาติครูเอามาเผยแพร่แล้วนะคะ ยังมือใหม่มากๆแต่ก็จดมาละเอียดยิบหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นมือใหม่แบบไม่มีพื้นฐานเลยแบบโม ให้มาลองแต่งหน้าแบบธรรมชาติๆหวานๆกันค่ะ
ขอโชว์หน้าสดก่อน 1 รูป อันนี้จากที่เรียนคือ ครูบอกว่าการแต่งหน้าจะต้องดูพื้นฐานผิวกับโครงหน้าตัวเองให้ได้ก่อน ไม่งั้นก็จะจับหลักแต่งให้เหมาะสมยากค่ะ เริ่มต้นก็จะเรียนเรื่องของโครงสร้างผิวกันก่อน
Stepที่1 รู้จักโครงสร้างผิว และวิธีบำรุงที่เหมาะสมกับผิวตัวเอง
เริ่มต้น ครูจะสอนให้รู้ก่อนว่า คนผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้งจะมีลักษณะแบบไหน และเพราะอะไรถึงมีลักษณะผิวแบบนี้
คนผิวมัน มีต่อมไขมันเยอะ ทำให้ผลิตน้ำมันเยอะ เวลาที่น้ำมันออกมาทางรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น มีโกาสอุดตันและเกิดสิวมาก และมีความเยิ้มของน้ำมันบนผิวมาก
- รูขุมขนกว้าง
- มักจะมีสิวเยอะ
- หน้ามันเยิ้ม
- ผิวหนาขรุขระเหมือนเปลือกส้ม
ข้อดี ไม่เสียน้ำออกจากผิวเยอะทำให้แก่ช้า ริ้วรอยเกิดยาก
คนผิวแห้ง มีต่อมไขมันผลิตน้ำมันน้อย พอมีน้ำมันอยู่บนผิวน้อย ก็ทำให้สูญเสียน้ำใต้ผิวไปเยอะ
- รูขุมขนแคบละเอียด
- ไม่ค่อยมีสิว
- ผิวแห้ง หรืออาจมีขุย
- ระคายเคืองง่าย
- ริ้วรอยเกิดงาย
- ผิวบาง บางทีเห็นเส้นเลือด
ผิวผสมคือลักษณะของผิวมันช่วงกลางหน้า แห้งกรอบหน้า
พอครูสอนลักษณะผิว ปัญหาผิว และการบำรุงทั้งหมดเสร็จก็กลับมาดูที่ผิวตัวเองค่ะ
วิเคราะห์ผิว : ผิวแห้ง ขาดน้ำ เพราะนอนน้อย มีริ้วเยอะ ต้องบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรซ์ประเภทเติมน้ำให้ผิวและเคลือบผิว และเสริมโครงสร้างผิว อันนี้ขออธิบายย่อๆนะคะ ตอนเรียนค่อนข้างลงลึก ก็เลยจดมาเฉพาะยี่ห้อที่ครูแนะนำค่ะ ก็จะมี Curel, Cerave, Physiogel AI, Atopalm, Ezerra มีรอยสิวสีดำทั่วหน้าค่ะ
วิเคราะห์โครงหน้า : หน้าผากกว้างแต่แบน ใต้ตาคล้ำเพราะเป็นภูมิแพ้ ดั้งไม่ชัดมาก ตากลมชั้นตาชัด
อันเดอร์โทนสีผิว : พอรู้ผิวตัวเองแล้ว ก็มาดูอันเดอร์โทนสีผิวของตัวเองกันค่ะ ครูก็จะกางวงล้อสีให้ดู ขอใช้ภาพที่ถ่ายมาเลยนะคะคร่าวๆ
คนเราจะมีอันเดอร์โทนอยู่สามสี คือ
1 อมชมพู cool tone คือ ฝรั่งผิวขาวมากๆ คนเกาหลีส่วนใหญ่ที่ดูขาวอมชมพู
2 อมเหลือง warm tone ส่วนใหญ่ก็คือสาวจีน ญี่ปุ่น คนไทยที่ผิวขาวออกเหลืองค่ะ
3 สีเข้ม neutral สีออกเขียวเข้มน้ำเงินเข้ม หรือสามผิวเข้มแบบนิโกร แอฟฟริกาค่ะ
ตัวอย่าง ระหว่างสีขาวอมชมพู ขาวเหลือง และสีเขียวมะกอก
อันนี้หนังสือที่ครูหยกแนะนำถ้าใครสนใจเรื่องของทฤษฏีสีสำหรับเมคอัพ สั่งซื้อที่คิโนะ
--------------------------------------------------
Step ที่ 2 ลงรองพื้น
จากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่การเลือกรองพื้นที่โมว่ายากมากเลย ที่มาเรียนครั้งนี้โมขอลุคที่เป็นธรรมชาติ ไม่แก่ ดูเป็นMakeup no makeup ที่แต่งไปเรียนไปมหาลัยหรือวันธรรมดาได้ ลุคดูเกาหลีนิดๆ ดังนั้นการเลือกรองพื้นก็ต้องดูทั้งลุคmujอยากได้และพื้นฐานผิวของโมเอง
1 ขั้นตอนแรกของการเลือกรองพื้นคือ เลือกว่าได้ผิวแบบไหนระหว่าง แมท และ ฉ่ำค่ะ
ถ้าเป็น
แบบแมท ก็จะได้ผิวแห้งๆคุมมัน อยู่ทน แต่จะมีการตกร่องของรองพื้นเยอะกว่าปกติ ซึ่งโมมีริ้วบนหน้าเยอะก็จะขอข้ามตรงนี้ไป
ถ้าเนื้อ
ฉ่ำหรือไม่แมท ก็จะได้ผิวที่ดูอิ่มน้ำ บางแบรนด์จะเงาดิวอี้ บางแบรนด์จะดูเป็นงานผิว ข้อเสียคืออยู่ไม่ทน
ตอนเรียนก็จะมีมาให้ลองทุกเนื้อจากหลายๆแบรนด์ทั้งแบบราคากลางๆและพวกเค้าเตอร์แบรนด์ ครั้งนี้โมเลือกลอริอัลลูเซ้นเมจิก เพราะเบาบางและดูฉ่ำๆดี แล้วก็ราคาพอซื้อเองได้ ไม่แพงมาก ปล.ครูบอกว่าเขาจะเลิกผลิตนะคะรุ่นนี้ อันนี้ไม่แน่ใจเห็นครูตุนไว้สี่ห้าขวด 5555
2 ต่อมาเลือกสีค่ะ ตอนแรกก็ต้องเลือกโทนเหลืองมาก่อน จากนั้นก็เทียบสีให้ใกล้เคียงผิวจริงที่สุด ของโมไม่ได้เป็นคนผิวขาวมาก ก็จะยิ่งต้องเลือกสีที่เหลืองมากพอ ไม่งั้นจะเทาแล้วก็ดูไม่ธรรมชาติ อันนี้ครูบอกว่าถ้าลงรองพื้นแล้วไม่ดูสวยขึ้น หน้าสดอาจจะดีกว่าก็ได้นะ 555555
ลืมถ่ายตอนเทียบสีที่คางมามา แต่มีเทคนิคคือ เวลาไปซื้อ ให้ใช้ประมาณ 3 สีเทียบใกล้ๆกันที่คาง แล้วดูที่ไฟขาว แล้วเราจะเห็นว่าสีไหนที่ใช่ ถ้าไม่เทียบทาเดี่ยวๆจะดูไม่ออกแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าสวยไปหมดทุกสี ต้องมีตัวเปรียบเทียบถึงจะเห็นชัดค่ะ
เริ่มลงแล้ว
เริ่มต้นทาเลย อันนี้ครูให้ลองทั้ง ลงด้วยนิ้ว ลงด้วยแปรง ลงด้วยฟองน้ำ ซึ่งให้ผลลัพภ์ต่างกันค่ะ .
ลงด้วยนิ้ว เร็ว หนา มือหนักหน้าเหี่ยว แต่วอมรองพื้นได้ดีเพราะมีความร้อนจากนิ้ว
ลงด้วยแปรง ช้ากว่าใช้นิ้ว มีรอยเส้น Tแปรง แต่ได้ผิวบางเบา
ลงด้วยฟองน้ำ เปลืองรองพื้น แต่ถ้าย้ำดีๆจะได้งานผิวที่สวยอยู่ทน เหมาะสำหรับวันที่ต้องการผิวเนี้ยบๆ
เทคนิค ลงด้วยนิ้วหรือแปรงก่อน แล้วย้ำด้วยฟองน้ำจะทำให้รองพื้นอยู่ทนและบางเบาค่ะ
หลังจากลงรองพื้นเสร็จก็ต่อ ด้วยคอนซีลเลอร์ ซึ่งมีสองแบบ แบบเนื้อน้ำ ใช้เฉพาะใต้ตา แล้วก็เนื้อครีมเก็บสิว
***เทคนิคปิดใต้ตาดำด้วยคอนซีลเลอร์ ถ้าใต้ตาคล้ำมากๆเป็นสีคล้ำเช่นคนเป็นภูมิแพ้แบบโม ให้ใช้คอนซีลเลอร์สีส้มแดงชมพูลงก่อน เบลนให้ดีแล้วย้ำทับด้วยคอนซีลเลอร์สีเหลืองที่พอดีหรือสว่างกว่าผิว 1 ระดับ ( ที่ครูแนะนำคือ Nars Concealer สี บิสกิต ต่อด้วยNars concealer สี คัสตาร์ด)
*** การลงคอนซีลเลอร์ปิดสิว ให้เลือกสีใกล้เคียงผิว หรือถ้าจุดสีเข้มดำมาก ให้ใช้ทฤษฏีเหมือนข้างบนคือ ปิดคอนซีลเลอร์สีแดงชมพูก่อนแล้วทับด้วยคอนซีลเลอร์สีใกล้เคียงผิว
*** รอยแผลเป็นที่มีความนูนหรือลึกจะปิดไม่ได้ด้วยการแต่งหน้านะคะ แต่การแต่งหน้าสามารถปิดพวกสีทั้งหมดได้ค่ะ
ถ้าเก็บทุกอย่างเรียบร้อยจนพอใจแล้ว ก็เซตแป้งฝุ่นกันค่ะ แป้งฝุ่นจะมีแบบที่มีสีเลย กับแบบโปร่งแสง ครูบอกว่าถ้าเลือกสีไม่เก่งใช้โปร่งแสง เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสีของรองพื้นค่ะ ที่สำคัญเลี่ยงการใช้แป้งพับผสมรองพื้นในการเซตรองพื้นเพราะจะหนาเกินไปและมีโอกาสไหลระหว่างวัน
ผลงานการลงรองพื้นเองครั้งแรก
แชร์เทคนิคแต่งหน้าสำหรับมือใหม่ทุกขั้นตอน หลังจากไปเรียนแต่งหน้าตัวเองมาค่า
เนื้อหาที่เขียนเอามาแชร์และภาพประกอบขออนุญาติครูเอามาเผยแพร่แล้วนะคะ ยังมือใหม่มากๆแต่ก็จดมาละเอียดยิบหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นมือใหม่แบบไม่มีพื้นฐานเลยแบบโม ให้มาลองแต่งหน้าแบบธรรมชาติๆหวานๆกันค่ะ
ขอโชว์หน้าสดก่อน 1 รูป อันนี้จากที่เรียนคือ ครูบอกว่าการแต่งหน้าจะต้องดูพื้นฐานผิวกับโครงหน้าตัวเองให้ได้ก่อน ไม่งั้นก็จะจับหลักแต่งให้เหมาะสมยากค่ะ เริ่มต้นก็จะเรียนเรื่องของโครงสร้างผิวกันก่อน
Stepที่1 รู้จักโครงสร้างผิว และวิธีบำรุงที่เหมาะสมกับผิวตัวเอง
เริ่มต้น ครูจะสอนให้รู้ก่อนว่า คนผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้งจะมีลักษณะแบบไหน และเพราะอะไรถึงมีลักษณะผิวแบบนี้
คนผิวมัน มีต่อมไขมันเยอะ ทำให้ผลิตน้ำมันเยอะ เวลาที่น้ำมันออกมาทางรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น มีโกาสอุดตันและเกิดสิวมาก และมีความเยิ้มของน้ำมันบนผิวมาก
- รูขุมขนกว้าง
- มักจะมีสิวเยอะ
- หน้ามันเยิ้ม
- ผิวหนาขรุขระเหมือนเปลือกส้ม
ข้อดี ไม่เสียน้ำออกจากผิวเยอะทำให้แก่ช้า ริ้วรอยเกิดยาก
คนผิวแห้ง มีต่อมไขมันผลิตน้ำมันน้อย พอมีน้ำมันอยู่บนผิวน้อย ก็ทำให้สูญเสียน้ำใต้ผิวไปเยอะ
- รูขุมขนแคบละเอียด
- ไม่ค่อยมีสิว
- ผิวแห้ง หรืออาจมีขุย
- ระคายเคืองง่าย
- ริ้วรอยเกิดงาย
- ผิวบาง บางทีเห็นเส้นเลือด
ผิวผสมคือลักษณะของผิวมันช่วงกลางหน้า แห้งกรอบหน้า
พอครูสอนลักษณะผิว ปัญหาผิว และการบำรุงทั้งหมดเสร็จก็กลับมาดูที่ผิวตัวเองค่ะ
วิเคราะห์ผิว : ผิวแห้ง ขาดน้ำ เพราะนอนน้อย มีริ้วเยอะ ต้องบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรซ์ประเภทเติมน้ำให้ผิวและเคลือบผิว และเสริมโครงสร้างผิว อันนี้ขออธิบายย่อๆนะคะ ตอนเรียนค่อนข้างลงลึก ก็เลยจดมาเฉพาะยี่ห้อที่ครูแนะนำค่ะ ก็จะมี Curel, Cerave, Physiogel AI, Atopalm, Ezerra มีรอยสิวสีดำทั่วหน้าค่ะ
วิเคราะห์โครงหน้า : หน้าผากกว้างแต่แบน ใต้ตาคล้ำเพราะเป็นภูมิแพ้ ดั้งไม่ชัดมาก ตากลมชั้นตาชัด
อันเดอร์โทนสีผิว : พอรู้ผิวตัวเองแล้ว ก็มาดูอันเดอร์โทนสีผิวของตัวเองกันค่ะ ครูก็จะกางวงล้อสีให้ดู ขอใช้ภาพที่ถ่ายมาเลยนะคะคร่าวๆ
คนเราจะมีอันเดอร์โทนอยู่สามสี คือ
1 อมชมพู cool tone คือ ฝรั่งผิวขาวมากๆ คนเกาหลีส่วนใหญ่ที่ดูขาวอมชมพู
2 อมเหลือง warm tone ส่วนใหญ่ก็คือสาวจีน ญี่ปุ่น คนไทยที่ผิวขาวออกเหลืองค่ะ
3 สีเข้ม neutral สีออกเขียวเข้มน้ำเงินเข้ม หรือสามผิวเข้มแบบนิโกร แอฟฟริกาค่ะ
ตัวอย่าง ระหว่างสีขาวอมชมพู ขาวเหลือง และสีเขียวมะกอก
อันนี้หนังสือที่ครูหยกแนะนำถ้าใครสนใจเรื่องของทฤษฏีสีสำหรับเมคอัพ สั่งซื้อที่คิโนะ
--------------------------------------------------
Step ที่ 2 ลงรองพื้น
จากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่การเลือกรองพื้นที่โมว่ายากมากเลย ที่มาเรียนครั้งนี้โมขอลุคที่เป็นธรรมชาติ ไม่แก่ ดูเป็นMakeup no makeup ที่แต่งไปเรียนไปมหาลัยหรือวันธรรมดาได้ ลุคดูเกาหลีนิดๆ ดังนั้นการเลือกรองพื้นก็ต้องดูทั้งลุคmujอยากได้และพื้นฐานผิวของโมเอง
1 ขั้นตอนแรกของการเลือกรองพื้นคือ เลือกว่าได้ผิวแบบไหนระหว่าง แมท และ ฉ่ำค่ะ
ถ้าเป็นแบบแมท ก็จะได้ผิวแห้งๆคุมมัน อยู่ทน แต่จะมีการตกร่องของรองพื้นเยอะกว่าปกติ ซึ่งโมมีริ้วบนหน้าเยอะก็จะขอข้ามตรงนี้ไป
ถ้าเนื้อฉ่ำหรือไม่แมท ก็จะได้ผิวที่ดูอิ่มน้ำ บางแบรนด์จะเงาดิวอี้ บางแบรนด์จะดูเป็นงานผิว ข้อเสียคืออยู่ไม่ทน
ตอนเรียนก็จะมีมาให้ลองทุกเนื้อจากหลายๆแบรนด์ทั้งแบบราคากลางๆและพวกเค้าเตอร์แบรนด์ ครั้งนี้โมเลือกลอริอัลลูเซ้นเมจิก เพราะเบาบางและดูฉ่ำๆดี แล้วก็ราคาพอซื้อเองได้ ไม่แพงมาก ปล.ครูบอกว่าเขาจะเลิกผลิตนะคะรุ่นนี้ อันนี้ไม่แน่ใจเห็นครูตุนไว้สี่ห้าขวด 5555
2 ต่อมาเลือกสีค่ะ ตอนแรกก็ต้องเลือกโทนเหลืองมาก่อน จากนั้นก็เทียบสีให้ใกล้เคียงผิวจริงที่สุด ของโมไม่ได้เป็นคนผิวขาวมาก ก็จะยิ่งต้องเลือกสีที่เหลืองมากพอ ไม่งั้นจะเทาแล้วก็ดูไม่ธรรมชาติ อันนี้ครูบอกว่าถ้าลงรองพื้นแล้วไม่ดูสวยขึ้น หน้าสดอาจจะดีกว่าก็ได้นะ 555555
ลืมถ่ายตอนเทียบสีที่คางมามา แต่มีเทคนิคคือ เวลาไปซื้อ ให้ใช้ประมาณ 3 สีเทียบใกล้ๆกันที่คาง แล้วดูที่ไฟขาว แล้วเราจะเห็นว่าสีไหนที่ใช่ ถ้าไม่เทียบทาเดี่ยวๆจะดูไม่ออกแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าสวยไปหมดทุกสี ต้องมีตัวเปรียบเทียบถึงจะเห็นชัดค่ะ
เริ่มลงแล้ว
เริ่มต้นทาเลย อันนี้ครูให้ลองทั้ง ลงด้วยนิ้ว ลงด้วยแปรง ลงด้วยฟองน้ำ ซึ่งให้ผลลัพภ์ต่างกันค่ะ .
ลงด้วยนิ้ว เร็ว หนา มือหนักหน้าเหี่ยว แต่วอมรองพื้นได้ดีเพราะมีความร้อนจากนิ้ว
ลงด้วยแปรง ช้ากว่าใช้นิ้ว มีรอยเส้น Tแปรง แต่ได้ผิวบางเบา
ลงด้วยฟองน้ำ เปลืองรองพื้น แต่ถ้าย้ำดีๆจะได้งานผิวที่สวยอยู่ทน เหมาะสำหรับวันที่ต้องการผิวเนี้ยบๆ
เทคนิค ลงด้วยนิ้วหรือแปรงก่อน แล้วย้ำด้วยฟองน้ำจะทำให้รองพื้นอยู่ทนและบางเบาค่ะ
หลังจากลงรองพื้นเสร็จก็ต่อ ด้วยคอนซีลเลอร์ ซึ่งมีสองแบบ แบบเนื้อน้ำ ใช้เฉพาะใต้ตา แล้วก็เนื้อครีมเก็บสิว
***เทคนิคปิดใต้ตาดำด้วยคอนซีลเลอร์ ถ้าใต้ตาคล้ำมากๆเป็นสีคล้ำเช่นคนเป็นภูมิแพ้แบบโม ให้ใช้คอนซีลเลอร์สีส้มแดงชมพูลงก่อน เบลนให้ดีแล้วย้ำทับด้วยคอนซีลเลอร์สีเหลืองที่พอดีหรือสว่างกว่าผิว 1 ระดับ ( ที่ครูแนะนำคือ Nars Concealer สี บิสกิต ต่อด้วยNars concealer สี คัสตาร์ด)
*** การลงคอนซีลเลอร์ปิดสิว ให้เลือกสีใกล้เคียงผิว หรือถ้าจุดสีเข้มดำมาก ให้ใช้ทฤษฏีเหมือนข้างบนคือ ปิดคอนซีลเลอร์สีแดงชมพูก่อนแล้วทับด้วยคอนซีลเลอร์สีใกล้เคียงผิว
*** รอยแผลเป็นที่มีความนูนหรือลึกจะปิดไม่ได้ด้วยการแต่งหน้านะคะ แต่การแต่งหน้าสามารถปิดพวกสีทั้งหมดได้ค่ะ
ถ้าเก็บทุกอย่างเรียบร้อยจนพอใจแล้ว ก็เซตแป้งฝุ่นกันค่ะ แป้งฝุ่นจะมีแบบที่มีสีเลย กับแบบโปร่งแสง ครูบอกว่าถ้าเลือกสีไม่เก่งใช้โปร่งแสง เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสีของรองพื้นค่ะ ที่สำคัญเลี่ยงการใช้แป้งพับผสมรองพื้นในการเซตรองพื้นเพราะจะหนาเกินไปและมีโอกาสไหลระหว่างวัน
ผลงานการลงรองพื้นเองครั้งแรก