เอาจริงๆก็ประมาณไม่ถึงปีที่รุ่น2จะเดบิ้วจริงๆจังๆ และเสตจในงาน AKB48 Group Asia Festival 2019 นี่เห็นชัดเลยว่า ยูนิต 4-5-3 นั้นแข็งแกร่ง
ซึ่งความเห็นส่วนตัว มันคงอาจจะไม่เกินเลยไป (ไม่มีเจตนาแซะ) คือ อฟช ดัน รุ่น 2 4คนมาในงานนี้ ผลลัพท์ก็เหมือนหาคนมาให้มันเต็ม16 คนเฉยๆ
แน่นอนว่าสถานภาพของรุ่น2ทุกคนคือเด็กฝึก แต่ถ้าผมมองจากที่ผมเห็น ถ้ารุ่น2ยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เราจะฝากอนาคตวง ไว้กับรุ่น2ได้จริงๆรึเปล่า เพราะถ้าเทียบอันเดอร์รอดันของรุ่น1 ก็ยังเหนือชั้นกว่าตัวท็อปรุ่น2อย่างชัดเจน
ขอเทียบยูนิต 4-5-3 ของรุ่น1 ตามความคิดผมนะ
4จตุรเทพ (ผมของเรียกแบบนี้ละกัน)
เหมือนคาแรกเตอร์สายบู๊พวกนักดาบ หรืออัศวิน ที่เป็นตัวชน ตัวเปิด คนที่เริ่มติดตามวง ก็จะเห็นยูนิตนี้ก่อน ทั้งจากงานสเตจโชว์ ถ้าเวียนๆกันไปยูนิตนี้จะเป็นตัวหลัก เรียกคนให้เข้ามาติดตามวง ซึ่งจากคาแรกเตอร์ ฝ่ายแนวหน้าไม่ใช้ตัวทำเดเมจหลัก เพียงแต่ต้อนโอตะให้เข้ามาสู่ในพื้นที่สังหาร เพื่อเปิดทางยูนิตทำลายล้างหลัก
5ชราไลน์
คาแรกเตอร์สาจอมเวทย์ที่มีพลังทำลายล้างสูง แต่ไม่สามารถชนได้ เมื่อโอตะพลัดหลงเข้ามาในพื้นที่สังหา คือตู้ปลา พลังการทำลายของยูนิตนี้ การรับส่งมุข ยิงมุขที่มีความเป้นธรรมชาติ ทำให้ตกโอตะได้ไม่ยาก ยังไม่นับรวมเพอรืฟิแมนซ์บนเวลา ที่แตกต่างหากหลาย เพราะยูนิตนี้มีถึง5คน เรียกว่าต่างคนต่างประเคนเวทย์แต่ละธาตุเลยทีเดียว ซึ่งหากมีโอตะที่พอจะมีสกิลต้านทานได้ธาตุใดธาตุหนึ่ง แต่ก้โดนเดเมจจากธาตุอื่นอยู่ดี
3ฮาราจูกุ
ยูนิตสายซัพพอร์ต คอยแจกบัพ เพื่อเพิ่มความสามารถ และความโดเด่นให้กับวงโดยรวม โดยถึงก่อกวนให้โอตะเสียอาการเป็นระยะๆ และเมื่อถึงคราวจำเป็นก็กดบัพตัวเองแล้วบวกกับโอตะตรงๆก็ยังได้ รวมถึงการคอยประสานการทำงานระหว่าง4เทพและชราไลน์ ให้สอดคล้องเข้าขากันมากขึ้น
ซึ่งจากฟอเมชั่นที่ว่ามาทำให้ยูนิต 4-5-3 เป็นยูนิตที่แข็งแกร่ง เรียกว่าในปีนี้ ถ้ายูนิตนี้จะติดเซมเพลงหลักทุกคนก็จะไม่แปลกแต่อย่างใด
แล้วทำไมผมถึงว่าในสเตจนี้เหมือนรุ่น2เป็นตัวแถม
การสร้างคาแรกเตอร์ในส่วนวาไรตี้เป็นอะไรที่ง่าย แต่การสร้างคาแรกเตอร์ บนสเตจนั้นยากมาก
ถ้านับเฉพาะสเตจ ที่ BNK48 แสดงในงาน AKB48 Group Asia Festival 2019 ตอนเย็น มี3เพลงคือ ริเวอร์ โออโกเอะ และคิมิวะ
จะเห็นได้ว่าตัวตนของรุ่น2นั้นจากมาก วึ่งตรงนี้ผมถึงบอกว่า 4คนนี้จะเอาใครมาขึ้นแทนก้ได้ เพราะรุ่น2 ไม่สามารถสร้างคาแรกเตอร์บนสเตจได้ ซึ่งถ้าจะบอกว่า ผมดุผ่านหน้าจอ รุ่น2ได้แอร์ไทม์น้อย มันก็อาจจะไม่ผิด แต่เมื่อเทียบกับรุ่น1อย่างฮาราจูกุ หรือชราไลน์บางคน น้องเหล่านั้นกลับสร้างแรงดึกดูภายในแอร์ไทม์อันน้อยนิดนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นคุรไข่ ปูเป้ ตาหวาน หรือมิลิน วึ่งในรุ่น2 ทั้ง4คนก้เห็นจะมีแต่ฟอนด์ ที่ดีหน่อย แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่ารุ่น1ที่ว่ามา ส่วนคนอื่นๆนั้นกลืนหายไปบนสเตจ
ถ้าจะบอกว่ารุ่น2ทุกคนยังเป็นเด็กฝึก ก็ต้องถามว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะพอ ไม่ใช่แค่ยูนิค 4-5-3 แต่รวมถึงอันเดอร์รุ่น1ที่รอดัน และรุ่น3ที่กำลังจะมา และสถานภาพของรุ่น2ส่วนใหญ่ที่เหมือนไม่มีตัวตนในกลุ่มโอตะสายหลัก
ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่ทราบว่าสภาพสังคมในรุ่น2เป็นยังไง แต่ถ้าไม่กอดขอกันพัฒนาขึ้นมายกรุ่น ผมว่าในวันข้างหน้า คงไม่สามารถฝากอนาคตBNK48ไว้กับรุ่น2ได้
งาน AKB48 Group Asia Festival 2019 ยูนิต4-5-3 นั้นแข็งแกร่งเกินไปจนน่ากลัว
ซึ่งความเห็นส่วนตัว มันคงอาจจะไม่เกินเลยไป (ไม่มีเจตนาแซะ) คือ อฟช ดัน รุ่น 2 4คนมาในงานนี้ ผลลัพท์ก็เหมือนหาคนมาให้มันเต็ม16 คนเฉยๆ
แน่นอนว่าสถานภาพของรุ่น2ทุกคนคือเด็กฝึก แต่ถ้าผมมองจากที่ผมเห็น ถ้ารุ่น2ยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เราจะฝากอนาคตวง ไว้กับรุ่น2ได้จริงๆรึเปล่า เพราะถ้าเทียบอันเดอร์รอดันของรุ่น1 ก็ยังเหนือชั้นกว่าตัวท็อปรุ่น2อย่างชัดเจน
ขอเทียบยูนิต 4-5-3 ของรุ่น1 ตามความคิดผมนะ
4จตุรเทพ (ผมของเรียกแบบนี้ละกัน)
เหมือนคาแรกเตอร์สายบู๊พวกนักดาบ หรืออัศวิน ที่เป็นตัวชน ตัวเปิด คนที่เริ่มติดตามวง ก็จะเห็นยูนิตนี้ก่อน ทั้งจากงานสเตจโชว์ ถ้าเวียนๆกันไปยูนิตนี้จะเป็นตัวหลัก เรียกคนให้เข้ามาติดตามวง ซึ่งจากคาแรกเตอร์ ฝ่ายแนวหน้าไม่ใช้ตัวทำเดเมจหลัก เพียงแต่ต้อนโอตะให้เข้ามาสู่ในพื้นที่สังหาร เพื่อเปิดทางยูนิตทำลายล้างหลัก
5ชราไลน์
คาแรกเตอร์สาจอมเวทย์ที่มีพลังทำลายล้างสูง แต่ไม่สามารถชนได้ เมื่อโอตะพลัดหลงเข้ามาในพื้นที่สังหา คือตู้ปลา พลังการทำลายของยูนิตนี้ การรับส่งมุข ยิงมุขที่มีความเป้นธรรมชาติ ทำให้ตกโอตะได้ไม่ยาก ยังไม่นับรวมเพอรืฟิแมนซ์บนเวลา ที่แตกต่างหากหลาย เพราะยูนิตนี้มีถึง5คน เรียกว่าต่างคนต่างประเคนเวทย์แต่ละธาตุเลยทีเดียว ซึ่งหากมีโอตะที่พอจะมีสกิลต้านทานได้ธาตุใดธาตุหนึ่ง แต่ก้โดนเดเมจจากธาตุอื่นอยู่ดี
3ฮาราจูกุ
ยูนิตสายซัพพอร์ต คอยแจกบัพ เพื่อเพิ่มความสามารถ และความโดเด่นให้กับวงโดยรวม โดยถึงก่อกวนให้โอตะเสียอาการเป็นระยะๆ และเมื่อถึงคราวจำเป็นก็กดบัพตัวเองแล้วบวกกับโอตะตรงๆก็ยังได้ รวมถึงการคอยประสานการทำงานระหว่าง4เทพและชราไลน์ ให้สอดคล้องเข้าขากันมากขึ้น
ซึ่งจากฟอเมชั่นที่ว่ามาทำให้ยูนิต 4-5-3 เป็นยูนิตที่แข็งแกร่ง เรียกว่าในปีนี้ ถ้ายูนิตนี้จะติดเซมเพลงหลักทุกคนก็จะไม่แปลกแต่อย่างใด
แล้วทำไมผมถึงว่าในสเตจนี้เหมือนรุ่น2เป็นตัวแถม
การสร้างคาแรกเตอร์ในส่วนวาไรตี้เป็นอะไรที่ง่าย แต่การสร้างคาแรกเตอร์ บนสเตจนั้นยากมาก
ถ้านับเฉพาะสเตจ ที่ BNK48 แสดงในงาน AKB48 Group Asia Festival 2019 ตอนเย็น มี3เพลงคือ ริเวอร์ โออโกเอะ และคิมิวะ
จะเห็นได้ว่าตัวตนของรุ่น2นั้นจากมาก วึ่งตรงนี้ผมถึงบอกว่า 4คนนี้จะเอาใครมาขึ้นแทนก้ได้ เพราะรุ่น2 ไม่สามารถสร้างคาแรกเตอร์บนสเตจได้ ซึ่งถ้าจะบอกว่า ผมดุผ่านหน้าจอ รุ่น2ได้แอร์ไทม์น้อย มันก็อาจจะไม่ผิด แต่เมื่อเทียบกับรุ่น1อย่างฮาราจูกุ หรือชราไลน์บางคน น้องเหล่านั้นกลับสร้างแรงดึกดูภายในแอร์ไทม์อันน้อยนิดนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นคุรไข่ ปูเป้ ตาหวาน หรือมิลิน วึ่งในรุ่น2 ทั้ง4คนก้เห็นจะมีแต่ฟอนด์ ที่ดีหน่อย แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่ารุ่น1ที่ว่ามา ส่วนคนอื่นๆนั้นกลืนหายไปบนสเตจ
ถ้าจะบอกว่ารุ่น2ทุกคนยังเป็นเด็กฝึก ก็ต้องถามว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะพอ ไม่ใช่แค่ยูนิค 4-5-3 แต่รวมถึงอันเดอร์รุ่น1ที่รอดัน และรุ่น3ที่กำลังจะมา และสถานภาพของรุ่น2ส่วนใหญ่ที่เหมือนไม่มีตัวตนในกลุ่มโอตะสายหลัก
ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่ทราบว่าสภาพสังคมในรุ่น2เป็นยังไง แต่ถ้าไม่กอดขอกันพัฒนาขึ้นมายกรุ่น ผมว่าในวันข้างหน้า คงไม่สามารถฝากอนาคตBNK48ไว้กับรุ่น2ได้