พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ในประเทศไทย ไม่ใช่อินเดียหรือเนปาล

ศ.ดร. ชัยยงค์ พรหมวงศ์ เห็นว่า “พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ในประเทศไทย ไม่ใช่อินเดียหรือเนปาล”
จากการค้นหาข้อมูลบางอย่าง ทำให้ผมไปพบบทความเรื่อง “จารึกวัดศรีชุมกับแนวคิดใหม่เรื่องแดนเกิดพระพุทธศาสนา” คนเขียนคือ ศ.ดร. ชัยยงค์ พรหมวงศ์

บทความที่ว่านี้ ตีพิมพ์ในวารสารสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 (13)  เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2548

บทความนี้เป็นการบรรยาย คือ ถอดคำบรรยายมาตีพิมพ์ เป็นการบรรยายสัมมนาวิชาการ การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญา “สุโขทัยเมืองวัฒนธรรมแห่งมรดกโลก” 22 กรกฎาคม 2548 ณ โรงแรมไพลิน จังหวัดสุโขทัย จัดโดย สถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ

ผมยังพบว่า ปัจจุบัน ศ.ดร. ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ได้มาทำเว็บไซต์ “พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ในประเทศไทย ไม่ใช่อินเดียหรือเนปาล”  ที่อยู่ของเว็บไซต์ก็ที่นี่

http://www.buddhabirthplace.com/

วัตถุประสงค์ของเว็บดังกล่าว มี ๓ ประการ คือ

(๑) เพื่อเสนอผลการค้นคว้าเกี่ยวกับพระพุทธอุบัติภูมิ หรือแดนเกิดแห่งพระพุทธศาสนาว่า พระพุทธศาสนาเกิดที่ใด อยู่ในอินเดียหรือในดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่ีงเป็นที่ตั้งของ "ชมพูทวีป" ที่แท้จริงซึ่งประกอบด้วยประเทศไทย ลาว (รวมบางส่วนทางใต้ของจีน) เขมร พม่า มอญ


(๒)เพื่อเปิดเผยความจริงที่ว่า มี ชาวอังกฤษ และเยอรมันอย่างน้อย ๖ คน ได้ร่วมกันสร้างหลักฐาน และเขียนประวัติพระพุทธศาสนาใหม่ เผยแพร่ไปทั่วโลก ทำให้พระพุทธศาสนาเกิดในอินเดียมาเมื่อไม่ถึง ๑๓๐ ปีมานี้เอง และ

(๓) เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ขัดแย้งกันระหว่างข้อมูลที่ปรากฏ ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก และข้อมูลที่เป็นอยู่จริงในประเทศอินเดียเพื่อสะท้อนให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้เกิดในประเทศอินเดีย จนกระทั่งเกิดนิกายมหายานขึ้นในราว พ.ศ. ๖๐๐

การศึกษาครั้งนี้ ไม่ได้มี ศ.ดร. ชัยยงค์ พรหมวงศ์แต่เพียงผู้เดียว มีคณะผู้ร่วมหัวจมท้าย ถึง 4 คณะดังนี้

(๑) คณะของศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.นิคมทาแดง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

(๒) คณะของอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ และอาจารย์โสภณ วงศ์เทวัน นักปฏิบัติธรรมสายหลวงปู่ทวด

(๓) คณะของอาจารย์เอกอิสโร วรุณศรี และคณาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ลาดกระบัง

(๔) คณะของอาจารย์อาตม ศิโรศิริ นักวิชาการอิสระ

ผลสรุปจากการวิจัยเบื้องต้น คณะผู้วิจัยค้นพบประเด็นต่างๆ 7 ประเด็น ดังนี้

1. สภาพภูมิศาสตร์

2. ขนบธรรมเนียมประเพณี

3. วิถีชีวิตในสมัยพระพุทธกาล

4. โบราณสถานและโบราณวัตถุ

5. พุทธสถาปัตยกรรม

6. ภาษามคธ หรือภาษาบาลี

7. หลักฐาน/ตำนานไทย

ยังมีการแถม ข้อสังเกตเพิ่มเติม อีกด้วย

ผมขอแสดงความเคารพนับถือคณะผู้วิจัยคณะนี้อย่างจริงใจ ที่กล้าและแสดงออกอย่างถูกต้อง คือ กล้าคิดกล้าแสดงออก และเสนอหลักฐานที่ค้นคว้าหามาได้อย่างโปร่งใส

การกระทำเช่นนี้ ดีกว่าเป็นพุทธวิชาการอีแอบอีกหลายๆ ท่าน ที่พยายามบิดเบือนคำสอนในพระไตรปิฎกอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างนักการเมือง ทั้งๆ ที่บางรูปเป็นพระภิกษุเสียด้วย

แต่ก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งว่า หลักฐานของคณะผู้วิจัยคณะนี้ “ฟังไม่ขึ้น” ด้วยประการทั้งปวง

ผมเองถนัดในทางภาษาศาสตร์มากที่สุด จึงจะอธิบายไปในทางภาษาศาสตร์ก่อน  ด้านอื่นๆ ก็จะอธิบายตามมา  รวมถึงผลของการปฏิบัติธรรมด้วยวิชาธรรมกายด้วย

โปรดอ่านบทความอื่นๆ ในชุดนี้ที่นี่

ภาษาในสมัยพุทธกาล[01]

http://phraphutthajauthai.blogspot.com/2011/08/01.html

ภาษาในสมัยพุทธกาล[02]

http://phraphutthajauthai.blogspot.com/2011/08/02.html

ภาษาในสมัยพุทธกาล[03]

http://phraphutthajauthai.blogspot.com/2011/08/03.html

วิถีชีวิตในสมัยพุทธกาล

http://phraphutthajauthai.blogspot.com/2011/08/blog-post_13.html



ดร. มนัส โกมลฑา  (Ph.D. Integrated Sciences)

สาขาวิชามนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

E-mail: komoltha4299@gmail.com;komoltha4299@yahoo.com

Web: https://sites.google.com/site/manaskomoltha

Blog: http://manaskomoltha.blogspot.com/

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. มนัส โกมลฑา ใน พระพุทธเจ้าเป็นคนไท
แหล่งข้อมูล  https://www.gotoknow.org/posts/453664
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่