สวัสดีค่ะทุกคน ช่วงหนึ่งต้นปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้เดินทางไป
อดีตเมืองหลวงอย่าง 'กัลกัตตา' (Kolkata) ประเทศอินเดีย
หวังว่าทุกคนคงจะสนุกกับเรื่องและภาพของเรา ขอบคุณนะคะ : )
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หนึ่งอาทิตย์มีทั้งหมดเจ็ดวัน
เราใช้เวลาสามวันหมดไปกับการนอน
.
การที่เวลาต่างจากเดิมสิบเอ็ดชั่วโมง
ไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิด
ที่นี่การเดินทางแสนจะยากลำบาก
ทุกอย่างต่างจากที่อเมริกามาก
เราสังเกตุว่าคนที่เดินตามท้องถนน
เรียกได้ว่า 90% เป็นผู้ชายทั้งหมด
และผู้หญิงคือ 10% ที่เหลือ
‘อินเดีย’
.
เป็นประเทศที่ใช้แตรเปลืองสุดๆ
ถ้าบีบแตรแล้วตีกันแบบบ้านเรา
คงเกิดสงครามกลางเมืองไปแล้ว
เป็นประเทศที่ทำอะไรตามใจตัวเอง
อยากข้ามถนนตอนไฟเขียว ก็ข้าม
.
แล้วความคิดที่ว่า
‘ข้ามไปเถอะ เดี๋ยวรถก็หยุดให้’ ลืมไปได้เลย
ไม่มีการชะลอ ไม่มีการหยุด ชนเป็นชน
อยู่เลนซ้ายสุด แต่อยากเลี้ยวขวา
ก็หักพวงมาลัยเลี้ยวหน้าตาเฉย..
พร้อมบีบแต่ไล่รถที่ขวางทางอีกต่างหาก
.
ปล่อยคนนั่งอย่างเรางงตาแตก
แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘มันได้หรอวะ’
.
เอาแต่ใจชะมัด
ที่อินเดียการมองหน้ากันคือเรื่องปกติ
.
ไม่ต้องเดินเข้าไปถาม
‘มองหน้าพี่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าน้อง’
การมองหน้าแล้วมีเรื่องใช้ไม่ได้ผลที่นี่
อันที่จริง..
เรียกว่ามองหน้าคงยังไม่ถูกเสียทีเดียว
เรียกว่า ‘จ้องหน้า’ น่าจะเหมาะกว่า
เป็นความรู้สึกที่อึดอัดที่สุดตั้งแต่เกิดมา
คนที่เดินผ่านไปและกำลังเดินสวนมา
ล้วนจ้องเราจนเหลียวหลัง
.
ไม่ต้องถามหาความเป็นส่วนตัว..
ไม่มี หรือจะเรียกว่าติดลบเลยก็ได้
ไหนจะสำเนียงที่ฟังยากจนกุมขมับ
พยายามฟังและหาคีย์เวิร์ดให้เจอ
ถึงจะต่อบทสนทนาได้
แต่ที่ทำให้หัวใจพองโตจนอยากอยู่ต่อ
คืออาหารอินเดีย
.
เคยถามตัวเองว่า ‘คนหนึ่งต้องกินกี่อย่างกัน’
ตอนอาหารมื้อแรกวางอยู่ตรงหน้า
โรตี แกงกระหรี่ที่เรียกไม่ถูก มันบดที่ปั้นเป็นก้อน
ซอสสีเขียวที่ทำจากผัก ปั่นจนละเอียดยิบ
.
ยอม
เชิญน้ำหนักขึ้นได้ตามสบาย
จะกลายเป็นอายุน้อยร้อยโล ก็คราวนี้
อยากร้องไห้ชะมัด..
.
สวัสดีจากกัลกัตตา อดีตเมืองหลวง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบและขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ
เราจะเอาไปปรับปรุงในการเขียนครั้งต่อไป : D
หนึ่งอาทิตย์กับชีวิตในอินเดีย
อดีตเมืองหลวงอย่าง 'กัลกัตตา' (Kolkata) ประเทศอินเดีย
หวังว่าทุกคนคงจะสนุกกับเรื่องและภาพของเรา ขอบคุณนะคะ : )
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หนึ่งอาทิตย์มีทั้งหมดเจ็ดวัน
เราใช้เวลาสามวันหมดไปกับการนอน
.
การที่เวลาต่างจากเดิมสิบเอ็ดชั่วโมง
ไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิด
ที่นี่การเดินทางแสนจะยากลำบาก
ทุกอย่างต่างจากที่อเมริกามาก
เราสังเกตุว่าคนที่เดินตามท้องถนน
เรียกได้ว่า 90% เป็นผู้ชายทั้งหมด
และผู้หญิงคือ 10% ที่เหลือ
‘อินเดีย’
.
เป็นประเทศที่ใช้แตรเปลืองสุดๆ
ถ้าบีบแตรแล้วตีกันแบบบ้านเรา
คงเกิดสงครามกลางเมืองไปแล้ว
เป็นประเทศที่ทำอะไรตามใจตัวเอง
อยากข้ามถนนตอนไฟเขียว ก็ข้าม
.
แล้วความคิดที่ว่า
‘ข้ามไปเถอะ เดี๋ยวรถก็หยุดให้’ ลืมไปได้เลย
ไม่มีการชะลอ ไม่มีการหยุด ชนเป็นชน
อยู่เลนซ้ายสุด แต่อยากเลี้ยวขวา
ก็หักพวงมาลัยเลี้ยวหน้าตาเฉย..
พร้อมบีบแต่ไล่รถที่ขวางทางอีกต่างหาก
.
ปล่อยคนนั่งอย่างเรางงตาแตก
แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘มันได้หรอวะ’
.
เอาแต่ใจชะมัด
ที่อินเดียการมองหน้ากันคือเรื่องปกติ
.
ไม่ต้องเดินเข้าไปถาม
‘มองหน้าพี่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าน้อง’
การมองหน้าแล้วมีเรื่องใช้ไม่ได้ผลที่นี่
อันที่จริง..
เรียกว่ามองหน้าคงยังไม่ถูกเสียทีเดียว
เรียกว่า ‘จ้องหน้า’ น่าจะเหมาะกว่า
เป็นความรู้สึกที่อึดอัดที่สุดตั้งแต่เกิดมา
คนที่เดินผ่านไปและกำลังเดินสวนมา
ล้วนจ้องเราจนเหลียวหลัง
.
ไม่ต้องถามหาความเป็นส่วนตัว..
ไม่มี หรือจะเรียกว่าติดลบเลยก็ได้
ไหนจะสำเนียงที่ฟังยากจนกุมขมับ
พยายามฟังและหาคีย์เวิร์ดให้เจอ
ถึงจะต่อบทสนทนาได้
แต่ที่ทำให้หัวใจพองโตจนอยากอยู่ต่อ
คืออาหารอินเดีย
.
เคยถามตัวเองว่า ‘คนหนึ่งต้องกินกี่อย่างกัน’
ตอนอาหารมื้อแรกวางอยู่ตรงหน้า
โรตี แกงกระหรี่ที่เรียกไม่ถูก มันบดที่ปั้นเป็นก้อน
ซอสสีเขียวที่ทำจากผัก ปั่นจนละเอียดยิบ
.
ยอม
เชิญน้ำหนักขึ้นได้ตามสบาย
จะกลายเป็นอายุน้อยร้อยโล ก็คราวนี้
อยากร้องไห้ชะมัด..
.
สวัสดีจากกัลกัตตา อดีตเมืองหลวง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบและขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ
เราจะเอาไปปรับปรุงในการเขียนครั้งต่อไป : D