ครั้งที่จีนต้องการเปิดประเทศ เติ้ง เสี่ยว ผิง มีความวิตกกังวล ว่า ประเทศจีนเต็มไปด้วยคอรัปชั่น  นิสัยเห็นแก่ตัวของพลเมือง  ระบอบคอมมิวนิสต์ที่ต้องคงไว้ เป็นหนึ่งประเทศสองระบบ  และ ถ้าเปิดประเทศอาจกลายเป็นแบบสหภาพโซเวียต คือประเทศแตก

จีนในตอนนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่า จะยิ่งใหญ่ได้ขนาดทุกวันนี้  อัตราต่อรอง ยิ่งกว่า ทีมใกล้ตกชั้นแบบเลสเตอร์ซิตี้ จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเสียอีก

สิงคโปร์ในยุคสร้างชาติ ก็มีอัตราการคอรัปชั่น ไม่น้อย แต่ลีกวนยูปราบอยู่หมัด ถึงขนาดยอมสังเวยชีวิตเพื่อนสนิทที่ร่วมสร้างพรรคด้วยกันมา และเป็นรัฐมนตรีกระทรวงก่อสร้างของสิงคโปร์  เมื่อพบว่ามีเงินโอนปริศนาเข้าบัญชีเพื่อนที่เป็นรัฐมนตรีคนนี้เพียงจำนวนหลักแสนบาทเมื่อเทียบเป็นเงินไทย  ลี กวน ยู ไม่ลังเลที่จะให้มีการตัดสินประหารชีวิตเพื่อนรัก (แต่เพื่อนชิงฆ๋าตัวตายก่อน)

เติ่ง เสี่ยว ผิง เห็น ลีกวนยู เป็นไอดอล  เขาเดินทางมาพบลี และเชิญลีไปพบที่จีนหลายครั้ง  เติ้งส่งพนักงานรัฐของจีน มาศึกษาดูงานที่สิงคโปร์ เกือบสามหมื่นคน

ในตอนแรก  เติ้งมีความคิดว่า อาจจะไม่เปิดประเทศ เพราะความเสี่ยงสูง  ลี กวน ยู เป็นคนให้กำลังใจว่า จีนสามารถเปิดประเทศได้ โดยที่คงระบอบเดิม  จีนเป็นประเทศยักษ์หลับ ถ้าไม่เปิดประเทศ ก็จะหลับต่อไป และ ในอนาคตถ้าเติ้งไม่อยู่ แล้วผู้นำคนใหม่ไม่เก่งพอ อาจเกิดจลาจล จนกลายเป็นยักษ์ป่วย  เขาพาเติ้งทัวร์สิงคโปร์ แล้วบอกว่า ขนาดประเทศเกาะเล็กๆ ยังยิ่งใหญ่ได้  ถ้าจีนเปิดประเทศ จินตนาการไม่ออกเลยว่า จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ลี ระบุข้อเสียของจีน ออกเป็นข้อๆ ให้เติ้งดู แล้วพยายามแก้ไขให้ได้ เช่น วัฒนธรรม ความเชื่อ  ธรรมาภิบาล  การบังคับใช้กฏหมาย  ความไม่มีระเบียบวินัย  การเห็นแก่พวกพ้อง ฯลฯ แม้แต่เรื่องผี ยังห้าม (ลี เชื่อว่าคนเราตายแล้วจบกัน ไม่มีผีไม่มีวิญญาณ) ซึ่งทุกวันนี้ จีนยังห้ามฉายหนังผีทุกชนิด

ลีบอกว่า คนจีนอาจถูกพวกตะวันตก ยุยงให้ลุกขึ้นมาทำลายชาติตัวเอง จีนต้องให้ประชาชนมีทรัพย์สิน อสังหาฯ เป็นของตัวเอง เพราะคนที่ประท้วงแล้วลืมตาย คือคนที่ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง ”  ลี กวน ยู ให้คำปรึกษา เติ้ง เสี่ยว ผิงมากมาย จนไม่อาจนำมาพิมพ์ในที่นี้ได้ เติ้งและลี เป็นจีนแคะ เหมือนกัน จึงคุยกันอย่างสนิทสนมเชื่อใจ  เติ้ง กลุ้มใจเรื่องไต้หวัน  ลีบอกว่า ให้เลิกคิดจะใช้กำลังทหาร จีนต้องพัฒนาเศรษฐกิจก่อน เมื่อใดที่จีนยิ่งใหญ่ ไต้หวันจะกลับมาเอง

เติ้งเสียวผิง เสียชีวิตก่อน ลีกวนยู ถึง 18 ปี  หลังจากนั้น ลีก็ยังเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดีจีนอีกสองคนคือ เจียง เจ๋อ หมิง และ สี จิ้น ผิง

หลัง อสัญกรรมของ ลี ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีนได้กล่าวไว้อาลัย และยกย่อง ลี เป็น “มิตรเก่าแก่ของชาวจีน” ในฐานะ “นักยุทธศาสตร์และรัฐบุรุษ”


....................

ได้แต่ภาวนาว่า หลังจากเลือกตั้ง 24 มีนาคม นี้ เราจะได้ผู้นำแบบ ลี กวน ยู  แม้ว่า โอกาสจะน้อยกว่า ฟุตบอลไทยได้แชมป์บอลโลกก็ตาม