บางครั้งเราอาจจะประมาทเกินไป ที่จะระลึกได้ว่า ความสัมพันธ์แย่ๆ ทำร้ายเราได้ขนาดไหน อารมณ์ ความทุกข์ พลังแง่ลบ ทรรศคติในแง่ลบ การถูกปลุกปั่นให้เร่าร้อน ที่เรียกรวมๆว่า Toxic นั้น ล้วนส่งต่อผ่านการได้ผ่านความสัมพันธ์ทางสังคม
การส่งต่อ ทั้งด้านบวกด้านลบ ผ่านความสัมพันธ์ทางสังคมนั้น ฝรั่งเรียกมันว่า emotion contagion มีการทดสอบมากมาย ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ว่า คนที่อยู่ในกระแสแห่งความเกลียดชัง และการใช้คำแสดงความเกลียดชัง ใช้เวลาไม่นาน คนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นคนที่ พิมพ์และพูดข้อความที่แสดงความเกลียดชังด้วย
นอกจาก ความสัมพันธ์สามารถติดต่อทางอารมณ์ได้แล้ว ความสัมพันธ์ยังมีผลโดยตรงต่อกายภาพ นั่นคือ มีการทดลองพบว่า คนที่รู้สึกโดดเดี่ยวแม้มีผู้คนมากมายรายล้อม อยู่ในความสัมพันธ์การแต่งงานแต่ร้างความรัก สุขภาพเสื่อมลงตั้งแต่อายุ 30 ความจำเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว และอายุโดยเฉลี่ยสั้นกว่า คนที่มีความสัมพันธ์ หรือเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่ดี
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ความสัมพันธ์อาจจะเป็นเรื่องแรก ที่เราต้องกลับมาใช้เพื่อทบทวนตัวเรา
ว่าตัวเราในวันนี้ ติดความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic มาเท่าไหร่ และ ต้องเติมความสัมพันธ์ทีเป็นบวกอีกเท่าไหร่
การไม่ตัดความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic นั้น รังแต่จะทำให้เจ็บปวด และสุขภาพกายและใจเสื่อมโทรมในท้ายที่สุดอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อมาทบทวนความสัมพันธ์ เราสามารถแบ่ง ความสัมพันธ์ได้จากความจริงจัง นั่นคือความสัมพันธ์ที่จริงจัง และความสัมพันธ์ทั่วๆไป ความสัมพันธ์ที่จริงจังเช่นการแต่งงาน ความสัมพันธ์ทั่วๆไปเช่นการพบเพื่อนใหม่ หรือ การเลี้ยงสัตว์ แล้วความสัมพันธ์ประเภทใดสำคัญกว่า?
เราอาจจะตกใจ แต่ความสัมพันธ์ที่จริงจัง อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตเราได้มากกว่า
เพราะมันเป็นความสัมพันธ์กึ่งถาวร ถ้ามันดี มันก็ดี แต่ถ้ามันแย่ มันก็แย่เอามากๆ
ในขณะที่ความสัมพันธ์ทั่วๆไปนั้น แม้ไม่ได้จริงจัง แต่มันให้ผลบวกได้เช่นกัน ดังนั้นความจริงจัง จึงไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆเลยกับคุณภาพความสัมพันธ์ซึ่งเป็นปัจจัยหลักว่า มันจะให้ผลอย่างไรต่อเรา
เราอาจแบ่งความสัมพันธ์ได้อีกแบบคือ ความสัมพันธ์ ติดตัว และความสัมพันธ์ใหม่ ความสัมพันธ์ติดตัวเช่น ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านวัยเด็ก เพื่อนวัยเรียนโดยที่เราไม่ได้เป็นคนเลือกโรงเรียน ความสัมพันธ์ติดตัวส่วนใหญ่อยู่กับเรามานานกว่า ในขณะที่ความสัมพันธ์ใหม่ เช่น เพื่อนในชมรมหรืองานอดิเรกที่เราสนใจ เพื่อนที่เจอในสนามออกกำลังกายนั้น เป็นความสัมพันธ์สั้นๆที่พึ่งได้รับมา
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่จริงจัง ความสัมพันธ์ติดตัวอาจทำร้ายเราได้มากกว่า ความสัมพันธ์ใหม่มาก
เราจะสังเกตความเศร้าหมอง ของผู้ป่วยซึมเศร้าหลายคน หรือคนที่พบปัญหาสุขภาพจิตล้วนเกี่ยวพันจากความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือความสัมพันธ์ที่ติดตัว ถึงตรงนี้ เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคความสัมพันธ์ติดตัว หรือความสัมพันธ์ใหม่ ก็ให้ผลดีหรือร้ายต่อเราได้ในระดับเดียวกัน
มันเป็นข่าวดีตรงที่ว่า ถ้าความสัมพันธ์ติดตัวเราไม่ดี ความสัมพันธ์ที่จริงจังมันไม่ดี
การเพิ่มความสัมพันธ์ใหม่ๆ ความสัมพันธ์ไม่ถาวรทั่วไป ก็ช่วยเยียวยาเราได้ทันทีไม่แพ้กัน
เมื่อเราทบทวนชีวิตแล้วว่า ความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic มันอยู่ตรงไหน ก็ต้องตัดความสัมพันธ์นั้นออก เยียวยาตัวเอง เพิ่มความสัมพันธ์ใหม่ๆ เมื่อพร้อมแล้วค่อยกลับไปต่อกับความสัมพันธ์ที่จริงจังก็ยังไม่สาย หลายครอบครัวเมื่ออยู่ร่วมกันแล้วมีปัญหา การแยกออกมาสักพักอาจทำให้ดีขึ้นเช่นกัน
จงรู้สึกตัว และมองหาว่าความสัมพันธ์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีปริมาณน้อยจนเรารุ้สึกโดดเดี่ยวทำร้ายเราได้อย่างไร มีผลอย่างไรต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจและพฤติกรรมเราได้บ้าง
เมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ถึงเวลาซ่อมแซม ซึ่งเขียนไว้ในบทความอื่นๆแล้ว
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ที่มา
https://storylog.co/story/5c469eeeee77a11f542b4bdf
เพราะไม่ยอมตัดจึงเจ็บปวด
การส่งต่อ ทั้งด้านบวกด้านลบ ผ่านความสัมพันธ์ทางสังคมนั้น ฝรั่งเรียกมันว่า emotion contagion มีการทดสอบมากมาย ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ว่า คนที่อยู่ในกระแสแห่งความเกลียดชัง และการใช้คำแสดงความเกลียดชัง ใช้เวลาไม่นาน คนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นคนที่ พิมพ์และพูดข้อความที่แสดงความเกลียดชังด้วย
นอกจาก ความสัมพันธ์สามารถติดต่อทางอารมณ์ได้แล้ว ความสัมพันธ์ยังมีผลโดยตรงต่อกายภาพ นั่นคือ มีการทดลองพบว่า คนที่รู้สึกโดดเดี่ยวแม้มีผู้คนมากมายรายล้อม อยู่ในความสัมพันธ์การแต่งงานแต่ร้างความรัก สุขภาพเสื่อมลงตั้งแต่อายุ 30 ความจำเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว และอายุโดยเฉลี่ยสั้นกว่า คนที่มีความสัมพันธ์ หรือเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่ดี
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ความสัมพันธ์อาจจะเป็นเรื่องแรก ที่เราต้องกลับมาใช้เพื่อทบทวนตัวเรา
ว่าตัวเราในวันนี้ ติดความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic มาเท่าไหร่ และ ต้องเติมความสัมพันธ์ทีเป็นบวกอีกเท่าไหร่
การไม่ตัดความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic นั้น รังแต่จะทำให้เจ็บปวด และสุขภาพกายและใจเสื่อมโทรมในท้ายที่สุดอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อมาทบทวนความสัมพันธ์ เราสามารถแบ่ง ความสัมพันธ์ได้จากความจริงจัง นั่นคือความสัมพันธ์ที่จริงจัง และความสัมพันธ์ทั่วๆไป ความสัมพันธ์ที่จริงจังเช่นการแต่งงาน ความสัมพันธ์ทั่วๆไปเช่นการพบเพื่อนใหม่ หรือ การเลี้ยงสัตว์ แล้วความสัมพันธ์ประเภทใดสำคัญกว่า?
เราอาจจะตกใจ แต่ความสัมพันธ์ที่จริงจัง อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตเราได้มากกว่า
เพราะมันเป็นความสัมพันธ์กึ่งถาวร ถ้ามันดี มันก็ดี แต่ถ้ามันแย่ มันก็แย่เอามากๆ
ในขณะที่ความสัมพันธ์ทั่วๆไปนั้น แม้ไม่ได้จริงจัง แต่มันให้ผลบวกได้เช่นกัน ดังนั้นความจริงจัง จึงไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆเลยกับคุณภาพความสัมพันธ์ซึ่งเป็นปัจจัยหลักว่า มันจะให้ผลอย่างไรต่อเรา
เราอาจแบ่งความสัมพันธ์ได้อีกแบบคือ ความสัมพันธ์ ติดตัว และความสัมพันธ์ใหม่ ความสัมพันธ์ติดตัวเช่น ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านวัยเด็ก เพื่อนวัยเรียนโดยที่เราไม่ได้เป็นคนเลือกโรงเรียน ความสัมพันธ์ติดตัวส่วนใหญ่อยู่กับเรามานานกว่า ในขณะที่ความสัมพันธ์ใหม่ เช่น เพื่อนในชมรมหรืองานอดิเรกที่เราสนใจ เพื่อนที่เจอในสนามออกกำลังกายนั้น เป็นความสัมพันธ์สั้นๆที่พึ่งได้รับมา
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่จริงจัง ความสัมพันธ์ติดตัวอาจทำร้ายเราได้มากกว่า ความสัมพันธ์ใหม่มาก
เราจะสังเกตความเศร้าหมอง ของผู้ป่วยซึมเศร้าหลายคน หรือคนที่พบปัญหาสุขภาพจิตล้วนเกี่ยวพันจากความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือความสัมพันธ์ที่ติดตัว ถึงตรงนี้ เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคความสัมพันธ์ติดตัว หรือความสัมพันธ์ใหม่ ก็ให้ผลดีหรือร้ายต่อเราได้ในระดับเดียวกัน
มันเป็นข่าวดีตรงที่ว่า ถ้าความสัมพันธ์ติดตัวเราไม่ดี ความสัมพันธ์ที่จริงจังมันไม่ดี
การเพิ่มความสัมพันธ์ใหม่ๆ ความสัมพันธ์ไม่ถาวรทั่วไป ก็ช่วยเยียวยาเราได้ทันทีไม่แพ้กัน
เมื่อเราทบทวนชีวิตแล้วว่า ความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic มันอยู่ตรงไหน ก็ต้องตัดความสัมพันธ์นั้นออก เยียวยาตัวเอง เพิ่มความสัมพันธ์ใหม่ๆ เมื่อพร้อมแล้วค่อยกลับไปต่อกับความสัมพันธ์ที่จริงจังก็ยังไม่สาย หลายครอบครัวเมื่ออยู่ร่วมกันแล้วมีปัญหา การแยกออกมาสักพักอาจทำให้ดีขึ้นเช่นกัน
จงรู้สึกตัว และมองหาว่าความสัมพันธ์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีปริมาณน้อยจนเรารุ้สึกโดดเดี่ยวทำร้ายเราได้อย่างไร มีผลอย่างไรต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจและพฤติกรรมเราได้บ้าง
เมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ถึงเวลาซ่อมแซม ซึ่งเขียนไว้ในบทความอื่นๆแล้ว
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ที่มา https://storylog.co/story/5c469eeeee77a11f542b4bdf