สวัสดีค่ะ เราเพิ่งกลับจากทริปไต้หวัน 16-20 Jan 2019 ก่อนไป เราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากเพื่อนๆ มากมาย ตอนนี้กลับมาแล้ว เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์บ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่แพลนจะไปเที่ยวไต้หวันไม่มากก็น้อยนะคะ ^^
ทริปนี้เราพาที่บ้านไปเที่ยวค่ะ สมาชิกประกอบด้วยคุณแม่ อาๆ 3 คน น้องชายน้องสะใภ้ และหลานสาวตัวแสบอายุ 1.6 ขวบ น้ำหนักกำลังน่ารัก 16 Kgs เองค่ะ!! เท่ากับทริปนี้เราจะไปตะลุยไต้หวันกันทั้งหมด 8 คน
เราจองตั๋วเครืองบินตั้งแต่กลางเดือนตุลา ได้ราคาตั๋วโปรของ Nok Scoot มา ไป-กลับคนละ 5,038 + น้ำหนักขาละ 850 ราคาถือว่ารับได้ แต่ Nok Scoot มีบินวันละไฟลท์ ขาไปออกจากดอนเมือง 02.25 น.ถึงไทเป 7.05 น. ขากลับออกจากที่โน่น 9.10 น.ถึงไทย 12.00 น. เท่ากับเรามีเวลาที่โน่น 4 วัน 4 คืน เราโอเครรรร
แพลนเที่ยวเราคร่าวๆ ประมาณนี้ค่ะ
Day 1 : ไปฝากกระเป๋าที่ Baggage Service @Taipei Main Station --> Mitsui Outlet Linkou --> Wupenfu Market --> Raohe Night Market
Day 2 : Xingtian Temple --> Maly Yongyuan Hot pot สาขา Fuxing --> Taipei Zoo --> Shilin Night Market
Day 3 : หมู่บ้านแมว Houtong --> Jiufen --> Ximending
Day 4 : Tamsui --> Free Style --> Shida & Gongguan Night Market
ไปค่ะ เริ่มออกเดินทางกันเลยยยยย
คืนวันที่ 15 มกรา พวกเรานัดเจอกันที่ดอนเมืองประมาณ 5 ทุ่ม ตอนไปถึงคนก็เยอะแยะมากมาย และก็เห็นมีคนเริ่มไปต่อแถวรอเช็คอินแล้ว พวกเราก็เลยไปต่อแถวด้วย
หมูน้อยนิริน จะได้ขึ้นเครื่องครั้งแรก คึกน่าดู ไม่อยู่เฉยเลยจริงๆ แต่เอาจริงๆ คือนางยังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ 555 แค่เห็นคนเยอะๆ นางก็เลยอะเลิร์ท
เวลาประมาณ 23.25 น. แถวก็เริ่มขยับ รอไม่นาน ก็ถึงคิว ทำเรื่องเช็คอินตามขั้นตอน ใช้เวลาพอสมควร เพราะสมาชิกเยอะ เสร็จแล้วเราก็พากันเข้าเกทเลย ตอนผ่านตม เค้าก็มีเรียกให้อุ้มนิรินเดินไปเข้าแถวตรงเคาน์เตอร์แทน เพราะนิรินออกนอกประเทศครั้งแรก เค้าให้ถ่ายรูปครอบครัว 3 คนพ่อแม่ลูกด้วย ส่วนคนที่เหลือก็เข้าช่องปกติ ผ่านตม เรียบร้อยเราก็ไปหาที่นั่ง รอเวลากันยาวๆๆๆ พอถึงเวลา เราก็เดินไปที่เกท เครืองออกค่อนข้างตรงเวลา ตอนแรกนิรินก็ยังเล่นปกติ แต่พอเครื่องจะขึ้น นางดันกลัว ร้องจะให้พาออกจากเครื่อง เรากับแม่นี่กุมขมับเลย คือเกรงใจคนอื่นมากๆ ก็พยายามหลอกล่อกันทุกวิถีทาง สักพักใหญ่นางถึงยอมเงียบ สรุปตลอดการบิน นางตื่นๆ หลับๆ มาร้องไห้อีก 2 รอบ แม่เราเครียดสุด เพราะคนอื่นเค้าคงอยากหลับพักผ่อนกัน บางตอนที่นางร้อง เราต้องเอาผ้าไปใกล้ๆ ปากนาง เรียกง่ายๆ ว่าเอาผ้าอุดปากนั่นแหละค่ะ ให้เสียงลดลงหน่อยก็ยังดี ต้องขออภัยคนอื่นด้วยจริงๆ เกรงใจมาก แต่ไม่รู้จะทำยังไง เรานี่มองนาฬิกาตลอดดด เมือ่ไหร่จะถึงสักที ฮืออออ
จนเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงกว่า ก็ได้เวลาแลนดิ้งสักที เย้!!! เราได้ใบ Immigration ตอนเครื่องจะแลนด์แล้ว ก็เลยต้องลงมากรอกข้างล่าง ใช้เวลาสักพักกว่าจะกรอกเสร็จ เดินไปต่อแถวตม คนเลยเหลือน้อยแล้ว ทุกคนก็ผ่าน ตม ได้อย่างไม่มีปัญหา หลังจากนั้นก็เดินไปสายพานรับกระเป๋า พอได้กระเป๋าครบ ก่อนออกเราก็ต้องเดินผ่านจุดสำแดง ตอนนี้ไต้หวันออกกฎห้ามนำเนื้อสัตว์ทุกประเภทเข้าไต้หวัน เราเห็นมีหมาตัวน้อย คอยเดินดมๆ ตามกระเป๋า และ เค้าจะสุ่มเรียก ให้ยกกระเป๋าขึ้นสายพานสแกนด้วย มีป้ายติดไว้ ถ้าเจอเนื้อสัตว์จะโดนปรับ 1 ล้านเหรียญไต้หวัน โหดมากกกกกกกกกกกกกก แต่กลุ่มเราก็ผ่านฉลุย เพราะไม่ได้นำเนื้อสัตว์มา
หลังจากนั้น เราก็พาทุกคนลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง เพราะตั้งใจไปหาซื้อ Easy Card และหาไรรองท้องนิดหน่อยในมินิมาร์ท ลงไปเจอร้าน 7-11 แต่ลาย Easy Card ยังไม่ถูกใจ (Easy card ที่นี่จะมีหลายแบบ มีทั้งแบบบัตรธรรมดาลายต่างๆ ราคา NT100 และแบบที่เป็นพวงกุญแจ ราคา NT150 ขึ้นไป) พวกเราเลยชวนกันลองไปเดินดูอีกทาง ก็เจอร้าน 7-11 อีกร้าน ร้านนี้ใหญ่กว่า และมีพวกโอเด้งกับขนมปังด้วย
สรุปเราได้โอเด้งออกมา 1 ถ้วย อาๆ ได้ขนมปังกันคนละชิ้น แต่ยังไม่ได้ซื้อ Easy Card 5555 หลังจากได้ของกินในมือ เราก็พากันเดินไปดูรถบัสที่จะเข้าเมือง เราจองที่พักไว้ที่ Ximending แต่ว่ามันเช็คอินได้ตอนบ่าย 3 โมง เพราะฉะนั้นพวกเราเลยจะเอากระเป๋าไปฝากที่ Taipei Main Station ก่อน ในระหว่างที่กำลังดูๆ ข้อมูลอยู่นั้น ก็มีคุณลุงคนนึงเดินเข้ามาถาม ว่าจะไปไหน เข้าเมืองมั้ย คิดหัวละ 200 เราก็ส่ายหน้าลูกเดียว แล้วก็พยายามเดินหนี แต่ลุงแกก็เดินตามตลอด บอกว่าลดให้เหลือหัวละ 150 ไปมั้ย เราก็เลยปรึกษาอา ว่าเอาไงดี เพราะราคารถบัสที่เราศึกษาข้อมูลไว้ เร่ิ่มต้นที่ 125 มีให้เลือกประมาณ 3 สาย ราคาต่างกันไป สุดท้ายเราเลยเอาฟระ ลองใช้บริการคุณลุงดูละกัน ตอนนี้นิรินหลับอยู่บนรถเข็น ข้างนอกฝนตกด้วย และไม่รู้ว่าต้องรอรถบัสอีกนานมั้ย คุณลุงก็เดินนำออกมาข้างนอก ชี้ให้ดูว่าให้ไปรอที่ป้ายสุดท้าย เลข 14 หรือ 19 นี่แหละ เราจำไม่ได้ละ เราก็คุยๆ กัน ว่ารถคุณลุงจะเป็นรถอะไร เราจะนั่งกันพอมั้ย รอแปปเดียว ก็เห็นรถตู้ ขับมาด้วยความเร็ว เบรกเอี๊ยดดอย่างแรง แล้วคุณลุงก็วิ่งลงมา ทำท่าบอกให้เราเร็วๆ รีบขึ้นรถ พวกเราก็ห่วงกระเป๋าไม่ยอมขึ้นกันสักที จนลุงแกต้องทำท่าต้อนให้ขึ้นรถ สุดท้ายเราก็เชือแก ขึ้นรถกันก่อน เพิ่งเข้าใจทีหลังว่า คุณลุงให้เรารีบขึ้นรถก่อน เพราะแกต้องเอากระเป๋าวางไว้ตรงช่องทางเดิน แกก็ยกกระเป๋าขึ้นให้หมด ปิดประตูแล้ววิ่งไปประจำที่คนขับ แล้วเราก็เริ่มออกเดินทาง คุณลุงขับรถเร็วมว๊ากกกก พวกเราแอบกลัวนิดหน่อย เพราะฝนก็ตกด้วย เลยนั่งกันแบบเกร็งๆ 5555
พอเข้าถึงตัวเมือง แกก็ชี้ให้ดูแล้วบอกว่านั่นตึก Taipei 101 นะ คุณลุงทำหน้าที่ไกด์เบาๆ 55555 แล้วในช่วงรถติด แกก็ถามว่าเราจะให้ไปส่งที่ไหน ประเด็นคือ แกพูดอิงค์ได้แค่นิดหน่อยเท่าที่จีบเราขึ้นรถนั่นแหละ นอกนั้นแกพูดไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นเวลาสื่อสาร แกเลยใช้บริการพี่ Google Translate แทน แกก็เขียนๆ ลงในโทรศัพท์ แล้วก็ส่งมาให้เราอ่าน เราตอบอิงค์กลับไป แกก็ไม่เข้าใจ เราก็เลยต้องใช้พี่กู แล้วยืนโทรศัพท์ให้แกดูเช่นกัน สรุปก็สื่อสารกันด้วยวิธีนี้ 55555 เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่โดยรวมก็พอไหว สรุปเราก็บอกให้แกไปส่งที่รับฝากกระเป๋า ตอนแรกแกงง เราเลยเปิดรูปให้แกดูแทน แกก็อ่อ โอเคๆๆ สักพักแกก็พิมพ์มาใหม่ ว่าฝากที่แกมั้ย แกรับฝากหมดนี่ 300 เดี๋ยวไปส่งให้ที่โรงแรมฟรีด้วย แต่พวกเราก็กลัวๆ กัน ไม่รู้ว่าจะไว้ใจแกได้มั้ย เลยไม่กล้าเสียง ก็ยืนยันกับแกว่า ให้ไปส่งที่รับฝากเห๊อะ สุดท้ายแกก็โอเค และระหว่างนั้นพวกเราก็มีปรึกษากัน ว่าวันกลับใช้แกดีมั้ย เพราะมันสะดวกดี สักแปป ก็ถึงที่หมาย แกจอดข้างหน้าเด๊ะ ช่วยขนกระเป๋าลง ฝนก็ยังลงเม็ดตลอดๆๆ พนักงานที่รับฝากกระเป๋า ก็เป็นคุณลุง พูดอิงค์ได้นิดหน่อย พอขนกระเป๋าเสร็จ เราก็เลยถามคุณลุงคนขับเรื่องวันกลับ ว่าสะดวกมารับมั้ย ราคาเท่าไหร่ แกบอกคนละ 200 นะ พวกเราก็โอเคร ก็หาที่อยู่โรงแรมให้แกคุณลุงที่รับฝากกระเป๋าก็น่ารัก ช่วยหากระดาษมาจดให้ พอจบเรื่องวันกลับ แกก็ถามอีก ว่านี่จะไปไหนกันต่อ เราบอกเราจะไป Outlet ที่ linkou แกบอกว่าไกลมากกกก พวกเราก็บอกว่าเรารู้ แต่เราอยากไป แกบอก ไปมั้ย แกคิด 800 เฉพาะขาไปอย่างเดียว พวกเราก็ปรึกษากัน ก็ตกลงไปกับแกละกัน เพราะฝนยังตก นิรินยังหลับ ไปเองก็ดูจะลำบาก แต่ว่าตอนนั้นเพิ่งจะ 9 โมงกว่า Outlet เปิด 11 โมง ไม่อยากไปรอห้างเปิด เลยกะว่าจะไปวัดหลงซานก่อนแล้วกัน แกบอกไปสิ แกคิด 200 เราลองเช็คราคาในแอพ ถ้าเราไปเอง คนละ 20 ไปกับลุงสบายกว่าเยอะ ก็โอเคร ทำเรื่องฝากกระเป๋าเสร็จก็กลับขึ้นรถคุณลุง แปปเดียวก็ถึงวัดหลงซาน พอลงรถ ก็นัดแกว่า เดี๋ยวตอน 11 โมงกลับมาเจอกันตรงนี้นะ แกก็บอกโอเคๆ
หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าไปไหว้พระ
เราเห็นมีป้ายอันนี้ด้วย คิดว่าน่าจะมีให้แก้ปีชงเหมือนบ้านเรา ไหว้พระเสร็จ เราก็แวะซื้อเครื่องรางติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน ตอนเราเอากระดาษที่จดเลขไปให้ คนขายหยิบเครื่องคิดเลขมากดราคา เสร็จแล้วบอกราคาเราเป็นภาษาไทยซะงั้น 555555 เสร็จจากในวัด เวลายังเหลือ แถวนั้นมีร้าน Family Mart กับ 7-11 พวกเราก็เลยไปลองหา Easy Card มีแบบพวงกุญแจ Micky Mouse ถูกใจ แต่มีแค่ 2 ลายเท่านั้น ในกลุ่มก็เลยต้องซ้ำกันบ้าง
กว่าจะได้ครบจำนวนคน เวลาก็ล่วงเลยเกือบจะ 11 โมงละ แต่ยังไม่เห็นวี่แววคุณลุงเลย จวบจน 11 โมงตรงเป๊ะ หันไปดูรถอีกที คุณลุงมาจอดรอแล้วววว พวกเราก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ
เพิ่งได้มีโอกาสถ่ายรูปรถ หน้าตาเป็นแบบนี้เลยค่ะ และที่ยืนอยู่นั่นก็คุณลุงคนขับรถค่ะ คอยเปิดปิดประตูให้ตลอด
พอขึ้นรถครบ เราก็มุ่งหน้าสู่ Outlet ระหว่างทาง คุณลุงก็มีถามว่ามีแพลนจะไปจิ่วเฟิ่นมั้ย แกคิดเหมาวันละ 5,000 จะพาไปเที่ยว 10 ที่ แกก็บอกชื่อสถานที่มา 4-5 ที่ แต่เราไม่ค่อยรู้จัก เพราะไม่ได้หาข้อมูลเท่าไหร่ ตังใจไว้แค่ว่าจะไปหมู่บ้านแมว กับจิ่วเฟิ่น 2 ทีก็น่าจะหมดเวลาแล้วว สรุปสุดท้าย พวกเราก็ตกลงจะใช้บริการคุณลุงอีกวัน เพราะคิดว่า 10 ที่น่าจะคุ้มอยู่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เราก็ถึง Outlet คุณลุงก็วนรถไปจอดให้ข้างในตึก นัดแนะกันว่าเดี๋ยว 4 โมงเย็นเจอกันตรงนี้นะ แกก็บอกว่าโอเครๆๆ แล้วพวกเราก็ตะลุยชอปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน บ้านเราได้ Flipflop มา 4 คู่ รวมแล้วประมาณ 7 พันกว่า แล้วก็ได้ Adidas มาฝากน้องชายอีก 1 คู่ Adidas มีโปร ซื้อ 2 ลดเพ่ิม 20% ถ้าซื้อ 3 ลดเพิ่ม 25% ราคาน่ารักเชียว ส่วนนิรินได้เสื้อกับชุดนอนจาก Uniqlo มา น่ารักมากกกก บางช่วงเดินแยกกับพวกอาๆ เลยไม่แน่ใจว่าอาๆ ได้อะไรกันมาบ้าง รู้แต่ว่าตอนมารวมตัวกันถุงเยอะมากกกกกก ตอนมานั่งรอคุณลุง ก็คุยกันว่า ถ้าคุณลุงเกิดเบี้ยวเราขึ้นมา ทำไงเนี่ย ถ้าต้องแบกทั้งหมดนี่กลับห้องเอง แถมยังต้องไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้อีก แค่คิดก็ปวดตับแล้วววว ฝนก็ตกหนักกว่าเดิม แถมอากาศหนาวมากกกกก ลมแรงสุดๆ ยิ่งเข้าใกล้ 4 โมงก็ยิ่งลุ้น ก่อน 4 โมง เดินไปดูที่จุดนัด ก็ยังไม่เห็นรถคุณลุง จะไปยืนรอแถวนั้นก็ไม่ไหว มันหนาวมากกก แต่พอ 4 โมงเป๊ะ เรามองอีกที คุณลุงมาจอดรอแล้วววววว คุณลุงตรงเวลาสุดๆ จริงๆ 555555
ในเอาท์เลท ก็ยังมีร้านตู้หนีบตุ๊กตา ไปไหนๆ ในไต้หวัน ไม่มีทางไม่เจอตู้หนีบสินะ 555 อันนี้นิรินเจอพี่อันปังแมน เลยขอถ่ายภาพเป็นที่ระทึก จริงๆ นิรินไม่ได้สนใจเลย ป้านี่แหละค่ะ อยากให้นางถ่าย 555
พอขึ้นรถ คุณลุงก็บอกว่า เดี่ยวจะแวะไปส่งที่ห้องก่อนนะ แล้วเดี๋ยวให้น้องชายเราไปกับลุง 2 คนพอ ไปเอากระเป๋า สงสัยแกคงคิดว่า ของเยอะเกิน ขนกระเป๋าลำบาก เอาไปส่งๆ ที่ห้องก่อนน่าจะดี 55555
สรุปได้ว่าเราจะเจอกับคุณลุงวันเว้นวัน 5555
ขอจบการเม้าท์แต่เพียงเท่านี้ก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่ออีกทีนะคะ ^^
Taiwan...เมืองที่ไปแล้วก็อยากไปอีก 16-20 Jan 2019 ~~~~ อยากแนะนำคุณลุงขับรถตู้ผู้แสนน่ารัก ^^
ทริปนี้เราพาที่บ้านไปเที่ยวค่ะ สมาชิกประกอบด้วยคุณแม่ อาๆ 3 คน น้องชายน้องสะใภ้ และหลานสาวตัวแสบอายุ 1.6 ขวบ น้ำหนักกำลังน่ารัก 16 Kgs เองค่ะ!! เท่ากับทริปนี้เราจะไปตะลุยไต้หวันกันทั้งหมด 8 คน
เราจองตั๋วเครืองบินตั้งแต่กลางเดือนตุลา ได้ราคาตั๋วโปรของ Nok Scoot มา ไป-กลับคนละ 5,038 + น้ำหนักขาละ 850 ราคาถือว่ารับได้ แต่ Nok Scoot มีบินวันละไฟลท์ ขาไปออกจากดอนเมือง 02.25 น.ถึงไทเป 7.05 น. ขากลับออกจากที่โน่น 9.10 น.ถึงไทย 12.00 น. เท่ากับเรามีเวลาที่โน่น 4 วัน 4 คืน เราโอเครรรร
แพลนเที่ยวเราคร่าวๆ ประมาณนี้ค่ะ
Day 1 : ไปฝากกระเป๋าที่ Baggage Service @Taipei Main Station --> Mitsui Outlet Linkou --> Wupenfu Market --> Raohe Night Market
Day 2 : Xingtian Temple --> Maly Yongyuan Hot pot สาขา Fuxing --> Taipei Zoo --> Shilin Night Market
Day 3 : หมู่บ้านแมว Houtong --> Jiufen --> Ximending
Day 4 : Tamsui --> Free Style --> Shida & Gongguan Night Market
ไปค่ะ เริ่มออกเดินทางกันเลยยยยย
คืนวันที่ 15 มกรา พวกเรานัดเจอกันที่ดอนเมืองประมาณ 5 ทุ่ม ตอนไปถึงคนก็เยอะแยะมากมาย และก็เห็นมีคนเริ่มไปต่อแถวรอเช็คอินแล้ว พวกเราก็เลยไปต่อแถวด้วย
หมูน้อยนิริน จะได้ขึ้นเครื่องครั้งแรก คึกน่าดู ไม่อยู่เฉยเลยจริงๆ แต่เอาจริงๆ คือนางยังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ 555 แค่เห็นคนเยอะๆ นางก็เลยอะเลิร์ท
เวลาประมาณ 23.25 น. แถวก็เริ่มขยับ รอไม่นาน ก็ถึงคิว ทำเรื่องเช็คอินตามขั้นตอน ใช้เวลาพอสมควร เพราะสมาชิกเยอะ เสร็จแล้วเราก็พากันเข้าเกทเลย ตอนผ่านตม เค้าก็มีเรียกให้อุ้มนิรินเดินไปเข้าแถวตรงเคาน์เตอร์แทน เพราะนิรินออกนอกประเทศครั้งแรก เค้าให้ถ่ายรูปครอบครัว 3 คนพ่อแม่ลูกด้วย ส่วนคนที่เหลือก็เข้าช่องปกติ ผ่านตม เรียบร้อยเราก็ไปหาที่นั่ง รอเวลากันยาวๆๆๆ พอถึงเวลา เราก็เดินไปที่เกท เครืองออกค่อนข้างตรงเวลา ตอนแรกนิรินก็ยังเล่นปกติ แต่พอเครื่องจะขึ้น นางดันกลัว ร้องจะให้พาออกจากเครื่อง เรากับแม่นี่กุมขมับเลย คือเกรงใจคนอื่นมากๆ ก็พยายามหลอกล่อกันทุกวิถีทาง สักพักใหญ่นางถึงยอมเงียบ สรุปตลอดการบิน นางตื่นๆ หลับๆ มาร้องไห้อีก 2 รอบ แม่เราเครียดสุด เพราะคนอื่นเค้าคงอยากหลับพักผ่อนกัน บางตอนที่นางร้อง เราต้องเอาผ้าไปใกล้ๆ ปากนาง เรียกง่ายๆ ว่าเอาผ้าอุดปากนั่นแหละค่ะ ให้เสียงลดลงหน่อยก็ยังดี ต้องขออภัยคนอื่นด้วยจริงๆ เกรงใจมาก แต่ไม่รู้จะทำยังไง เรานี่มองนาฬิกาตลอดดด เมือ่ไหร่จะถึงสักที ฮืออออ
จนเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงกว่า ก็ได้เวลาแลนดิ้งสักที เย้!!! เราได้ใบ Immigration ตอนเครื่องจะแลนด์แล้ว ก็เลยต้องลงมากรอกข้างล่าง ใช้เวลาสักพักกว่าจะกรอกเสร็จ เดินไปต่อแถวตม คนเลยเหลือน้อยแล้ว ทุกคนก็ผ่าน ตม ได้อย่างไม่มีปัญหา หลังจากนั้นก็เดินไปสายพานรับกระเป๋า พอได้กระเป๋าครบ ก่อนออกเราก็ต้องเดินผ่านจุดสำแดง ตอนนี้ไต้หวันออกกฎห้ามนำเนื้อสัตว์ทุกประเภทเข้าไต้หวัน เราเห็นมีหมาตัวน้อย คอยเดินดมๆ ตามกระเป๋า และ เค้าจะสุ่มเรียก ให้ยกกระเป๋าขึ้นสายพานสแกนด้วย มีป้ายติดไว้ ถ้าเจอเนื้อสัตว์จะโดนปรับ 1 ล้านเหรียญไต้หวัน โหดมากกกกกกกกกกกกกก แต่กลุ่มเราก็ผ่านฉลุย เพราะไม่ได้นำเนื้อสัตว์มา
หลังจากนั้น เราก็พาทุกคนลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง เพราะตั้งใจไปหาซื้อ Easy Card และหาไรรองท้องนิดหน่อยในมินิมาร์ท ลงไปเจอร้าน 7-11 แต่ลาย Easy Card ยังไม่ถูกใจ (Easy card ที่นี่จะมีหลายแบบ มีทั้งแบบบัตรธรรมดาลายต่างๆ ราคา NT100 และแบบที่เป็นพวงกุญแจ ราคา NT150 ขึ้นไป) พวกเราเลยชวนกันลองไปเดินดูอีกทาง ก็เจอร้าน 7-11 อีกร้าน ร้านนี้ใหญ่กว่า และมีพวกโอเด้งกับขนมปังด้วย
สรุปเราได้โอเด้งออกมา 1 ถ้วย อาๆ ได้ขนมปังกันคนละชิ้น แต่ยังไม่ได้ซื้อ Easy Card 5555 หลังจากได้ของกินในมือ เราก็พากันเดินไปดูรถบัสที่จะเข้าเมือง เราจองที่พักไว้ที่ Ximending แต่ว่ามันเช็คอินได้ตอนบ่าย 3 โมง เพราะฉะนั้นพวกเราเลยจะเอากระเป๋าไปฝากที่ Taipei Main Station ก่อน ในระหว่างที่กำลังดูๆ ข้อมูลอยู่นั้น ก็มีคุณลุงคนนึงเดินเข้ามาถาม ว่าจะไปไหน เข้าเมืองมั้ย คิดหัวละ 200 เราก็ส่ายหน้าลูกเดียว แล้วก็พยายามเดินหนี แต่ลุงแกก็เดินตามตลอด บอกว่าลดให้เหลือหัวละ 150 ไปมั้ย เราก็เลยปรึกษาอา ว่าเอาไงดี เพราะราคารถบัสที่เราศึกษาข้อมูลไว้ เร่ิ่มต้นที่ 125 มีให้เลือกประมาณ 3 สาย ราคาต่างกันไป สุดท้ายเราเลยเอาฟระ ลองใช้บริการคุณลุงดูละกัน ตอนนี้นิรินหลับอยู่บนรถเข็น ข้างนอกฝนตกด้วย และไม่รู้ว่าต้องรอรถบัสอีกนานมั้ย คุณลุงก็เดินนำออกมาข้างนอก ชี้ให้ดูว่าให้ไปรอที่ป้ายสุดท้าย เลข 14 หรือ 19 นี่แหละ เราจำไม่ได้ละ เราก็คุยๆ กัน ว่ารถคุณลุงจะเป็นรถอะไร เราจะนั่งกันพอมั้ย รอแปปเดียว ก็เห็นรถตู้ ขับมาด้วยความเร็ว เบรกเอี๊ยดดอย่างแรง แล้วคุณลุงก็วิ่งลงมา ทำท่าบอกให้เราเร็วๆ รีบขึ้นรถ พวกเราก็ห่วงกระเป๋าไม่ยอมขึ้นกันสักที จนลุงแกต้องทำท่าต้อนให้ขึ้นรถ สุดท้ายเราก็เชือแก ขึ้นรถกันก่อน เพิ่งเข้าใจทีหลังว่า คุณลุงให้เรารีบขึ้นรถก่อน เพราะแกต้องเอากระเป๋าวางไว้ตรงช่องทางเดิน แกก็ยกกระเป๋าขึ้นให้หมด ปิดประตูแล้ววิ่งไปประจำที่คนขับ แล้วเราก็เริ่มออกเดินทาง คุณลุงขับรถเร็วมว๊ากกกก พวกเราแอบกลัวนิดหน่อย เพราะฝนก็ตกด้วย เลยนั่งกันแบบเกร็งๆ 5555
พอเข้าถึงตัวเมือง แกก็ชี้ให้ดูแล้วบอกว่านั่นตึก Taipei 101 นะ คุณลุงทำหน้าที่ไกด์เบาๆ 55555 แล้วในช่วงรถติด แกก็ถามว่าเราจะให้ไปส่งที่ไหน ประเด็นคือ แกพูดอิงค์ได้แค่นิดหน่อยเท่าที่จีบเราขึ้นรถนั่นแหละ นอกนั้นแกพูดไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นเวลาสื่อสาร แกเลยใช้บริการพี่ Google Translate แทน แกก็เขียนๆ ลงในโทรศัพท์ แล้วก็ส่งมาให้เราอ่าน เราตอบอิงค์กลับไป แกก็ไม่เข้าใจ เราก็เลยต้องใช้พี่กู แล้วยืนโทรศัพท์ให้แกดูเช่นกัน สรุปก็สื่อสารกันด้วยวิธีนี้ 55555 เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่โดยรวมก็พอไหว สรุปเราก็บอกให้แกไปส่งที่รับฝากกระเป๋า ตอนแรกแกงง เราเลยเปิดรูปให้แกดูแทน แกก็อ่อ โอเคๆๆ สักพักแกก็พิมพ์มาใหม่ ว่าฝากที่แกมั้ย แกรับฝากหมดนี่ 300 เดี๋ยวไปส่งให้ที่โรงแรมฟรีด้วย แต่พวกเราก็กลัวๆ กัน ไม่รู้ว่าจะไว้ใจแกได้มั้ย เลยไม่กล้าเสียง ก็ยืนยันกับแกว่า ให้ไปส่งที่รับฝากเห๊อะ สุดท้ายแกก็โอเค และระหว่างนั้นพวกเราก็มีปรึกษากัน ว่าวันกลับใช้แกดีมั้ย เพราะมันสะดวกดี สักแปป ก็ถึงที่หมาย แกจอดข้างหน้าเด๊ะ ช่วยขนกระเป๋าลง ฝนก็ยังลงเม็ดตลอดๆๆ พนักงานที่รับฝากกระเป๋า ก็เป็นคุณลุง พูดอิงค์ได้นิดหน่อย พอขนกระเป๋าเสร็จ เราก็เลยถามคุณลุงคนขับเรื่องวันกลับ ว่าสะดวกมารับมั้ย ราคาเท่าไหร่ แกบอกคนละ 200 นะ พวกเราก็โอเคร ก็หาที่อยู่โรงแรมให้แกคุณลุงที่รับฝากกระเป๋าก็น่ารัก ช่วยหากระดาษมาจดให้ พอจบเรื่องวันกลับ แกก็ถามอีก ว่านี่จะไปไหนกันต่อ เราบอกเราจะไป Outlet ที่ linkou แกบอกว่าไกลมากกกก พวกเราก็บอกว่าเรารู้ แต่เราอยากไป แกบอก ไปมั้ย แกคิด 800 เฉพาะขาไปอย่างเดียว พวกเราก็ปรึกษากัน ก็ตกลงไปกับแกละกัน เพราะฝนยังตก นิรินยังหลับ ไปเองก็ดูจะลำบาก แต่ว่าตอนนั้นเพิ่งจะ 9 โมงกว่า Outlet เปิด 11 โมง ไม่อยากไปรอห้างเปิด เลยกะว่าจะไปวัดหลงซานก่อนแล้วกัน แกบอกไปสิ แกคิด 200 เราลองเช็คราคาในแอพ ถ้าเราไปเอง คนละ 20 ไปกับลุงสบายกว่าเยอะ ก็โอเคร ทำเรื่องฝากกระเป๋าเสร็จก็กลับขึ้นรถคุณลุง แปปเดียวก็ถึงวัดหลงซาน พอลงรถ ก็นัดแกว่า เดี๋ยวตอน 11 โมงกลับมาเจอกันตรงนี้นะ แกก็บอกโอเคๆ
หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าไปไหว้พระ
เราเห็นมีป้ายอันนี้ด้วย คิดว่าน่าจะมีให้แก้ปีชงเหมือนบ้านเรา ไหว้พระเสร็จ เราก็แวะซื้อเครื่องรางติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน ตอนเราเอากระดาษที่จดเลขไปให้ คนขายหยิบเครื่องคิดเลขมากดราคา เสร็จแล้วบอกราคาเราเป็นภาษาไทยซะงั้น 555555 เสร็จจากในวัด เวลายังเหลือ แถวนั้นมีร้าน Family Mart กับ 7-11 พวกเราก็เลยไปลองหา Easy Card มีแบบพวงกุญแจ Micky Mouse ถูกใจ แต่มีแค่ 2 ลายเท่านั้น ในกลุ่มก็เลยต้องซ้ำกันบ้าง
กว่าจะได้ครบจำนวนคน เวลาก็ล่วงเลยเกือบจะ 11 โมงละ แต่ยังไม่เห็นวี่แววคุณลุงเลย จวบจน 11 โมงตรงเป๊ะ หันไปดูรถอีกที คุณลุงมาจอดรอแล้วววว พวกเราก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ
เพิ่งได้มีโอกาสถ่ายรูปรถ หน้าตาเป็นแบบนี้เลยค่ะ และที่ยืนอยู่นั่นก็คุณลุงคนขับรถค่ะ คอยเปิดปิดประตูให้ตลอด
พอขึ้นรถครบ เราก็มุ่งหน้าสู่ Outlet ระหว่างทาง คุณลุงก็มีถามว่ามีแพลนจะไปจิ่วเฟิ่นมั้ย แกคิดเหมาวันละ 5,000 จะพาไปเที่ยว 10 ที่ แกก็บอกชื่อสถานที่มา 4-5 ที่ แต่เราไม่ค่อยรู้จัก เพราะไม่ได้หาข้อมูลเท่าไหร่ ตังใจไว้แค่ว่าจะไปหมู่บ้านแมว กับจิ่วเฟิ่น 2 ทีก็น่าจะหมดเวลาแล้วว สรุปสุดท้าย พวกเราก็ตกลงจะใช้บริการคุณลุงอีกวัน เพราะคิดว่า 10 ที่น่าจะคุ้มอยู่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เราก็ถึง Outlet คุณลุงก็วนรถไปจอดให้ข้างในตึก นัดแนะกันว่าเดี๋ยว 4 โมงเย็นเจอกันตรงนี้นะ แกก็บอกว่าโอเครๆๆ แล้วพวกเราก็ตะลุยชอปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน บ้านเราได้ Flipflop มา 4 คู่ รวมแล้วประมาณ 7 พันกว่า แล้วก็ได้ Adidas มาฝากน้องชายอีก 1 คู่ Adidas มีโปร ซื้อ 2 ลดเพ่ิม 20% ถ้าซื้อ 3 ลดเพิ่ม 25% ราคาน่ารักเชียว ส่วนนิรินได้เสื้อกับชุดนอนจาก Uniqlo มา น่ารักมากกกก บางช่วงเดินแยกกับพวกอาๆ เลยไม่แน่ใจว่าอาๆ ได้อะไรกันมาบ้าง รู้แต่ว่าตอนมารวมตัวกันถุงเยอะมากกกกกก ตอนมานั่งรอคุณลุง ก็คุยกันว่า ถ้าคุณลุงเกิดเบี้ยวเราขึ้นมา ทำไงเนี่ย ถ้าต้องแบกทั้งหมดนี่กลับห้องเอง แถมยังต้องไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้อีก แค่คิดก็ปวดตับแล้วววว ฝนก็ตกหนักกว่าเดิม แถมอากาศหนาวมากกกกก ลมแรงสุดๆ ยิ่งเข้าใกล้ 4 โมงก็ยิ่งลุ้น ก่อน 4 โมง เดินไปดูที่จุดนัด ก็ยังไม่เห็นรถคุณลุง จะไปยืนรอแถวนั้นก็ไม่ไหว มันหนาวมากกก แต่พอ 4 โมงเป๊ะ เรามองอีกที คุณลุงมาจอดรอแล้วววววว คุณลุงตรงเวลาสุดๆ จริงๆ 555555
ในเอาท์เลท ก็ยังมีร้านตู้หนีบตุ๊กตา ไปไหนๆ ในไต้หวัน ไม่มีทางไม่เจอตู้หนีบสินะ 555 อันนี้นิรินเจอพี่อันปังแมน เลยขอถ่ายภาพเป็นที่ระทึก จริงๆ นิรินไม่ได้สนใจเลย ป้านี่แหละค่ะ อยากให้นางถ่าย 555
พอขึ้นรถ คุณลุงก็บอกว่า เดี่ยวจะแวะไปส่งที่ห้องก่อนนะ แล้วเดี๋ยวให้น้องชายเราไปกับลุง 2 คนพอ ไปเอากระเป๋า สงสัยแกคงคิดว่า ของเยอะเกิน ขนกระเป๋าลำบาก เอาไปส่งๆ ที่ห้องก่อนน่าจะดี 55555
สรุปได้ว่าเราจะเจอกับคุณลุงวันเว้นวัน 5555
ขอจบการเม้าท์แต่เพียงเท่านี้ก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่ออีกทีนะคะ ^^