สำหรับช่วงสิ้นปีแห่งสายหมอกแบบนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นการขึ้นดอยรับลมหนาวเป็นแน่! เพราะนอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว การได้สัมผัสทะเลหมอกที่ลอยวนเวียนอยู่บนยอดเขาถือว่าเป็นอีกประสบการณ์นึงที่สัมผัสได้ยากสำหรับคนในกรุงเทพอย่างผม ปีใหม่นี้หยุดยาว 4 วันก็เลยถือโอกาสไปสัมผัสความงามของทะเลหมอกสักครั้ง

หลังจากถึงเชียงใหม่เรียบร้อย ผมก็มุ่งหน้าตรงไปยังดอยอ่างขางก่อนเป็นสถานที่แรก ซึ่งจะมีวัดถ้ำเชียงดาวเป็นทางผ่าน จากถ้ำเชียงดาวน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงดอยอ่างขาง ไฮไลท์ของดอยอ่างขางคือ จุดชมวิวม่อนสน และ ดอกพญาเสือโคร่ง ณ สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขางครับ

DAY – 1 : ดอยอ่างขาง

วัดถ้ำเชียงดาว



วัดมอญ



จุดชมวิวม่อนสน และ ดอกพญาเสือโคร่ง ณ สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง


ช่วงที่ไปเป็นช่วงสิ้นปีพอดีครับ อากาศดีและหมอกลงหนาตามาก ดอยอ่างขางยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ สวนดอกไม้ 80 ปี (แต่ทว่าช่วงที่ผมไปเหมือนทางสวนกำลังปรับปรุงพันธุ์ดอกไม้ สวนยังสวยอยู่ครับแต่ยังไม่ถึงกับว้าว! น่าจะเป็นเพราะกำลังปรับปรุงด้วยครับ) ไร่สตรอเบอร์รี่ดอยอ่างขาง และเรือนดอกไม้ครับ หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันก็ตีรถกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่และพักในตัวเมืองครับ เนื่องจากวันที่สองต้องออกจากโรงแรมแต่เช้า

DAY – 2 : กิ่วแม่ปาน – ดอยอินทนนท์

วันที่ 2 ออกจากที่พักเวลาประมาณ 6 โมงครับ และมุ่งหน้าตรงไปยังดอยอินทนนท์ จุดแรกที่เราจะแวะคือกิ่วแม่ปาน และพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กันและมีรถสองแถวรับส่งจากกิ่วแม่ปานไปยังพระมหาธาตุครับ หลักจาก 1 ชั่วโมงผ่านไป ผมมาถึงทางขึ้นของกิ่วแม่ปานเวลา 7 โมงนิดๆ พอลงจากรถก็สามารถรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นระดับ 10 องศา ควันนี้ออกปากเหมือนสูบบุหรี่อยู่ตลอดเวลา ในใจผมคิดว่าเสื้อแขนยาวตัวเดียวน่าจะเอาอยู่ พอเอาเข้าจริงๆ มันหนาวจนจมูกแดง เข้าขั้นเป็นหวัดเลยก็ว่าได้ครับ 😦

สำหรับกิ่วแม่ปานทางสถานที่จะมีไกด์ทองถิ่นไปกับเราด้วยจะคอยอธิบายถึงความเป็นมานู้นนี้นั่นรวมไปถึงพันธุ์ไม้ดอกต่างๆ ที่เราไม่ได้พบบ่อยๆ โดยจะมีค่าใช้จ่าย 200 บาท/ กลุ่มนักท่องเที่ยวครับ ระยะทางเดินทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร เดินขึ้น 1 กม. และเดินลง 2 กม. โดยประมาณครับ


กิ่วแม่ปาน



พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ


จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังดอยอินทนนท์เพื่อเยี่ยมชมเส้นทางธรรมชาติอ่างกา และตลาดชาวเขาใกล้แลนด์มาร์คจุดสูงที่สุดในประเทศไทย


สำหรับดอยอินทนนท์ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง (แนะนำให้ไปช่วงที่ข้างกำลังออกร่วงจะสวยครับ ช่วงที่ผมไปน่าจะเป็นช่วงที่เขาเก็บเกี่ยวไปแล้ว เลยไม่มีรวงข้าวให้ถ่าย) และยังมีน้ำตกวชิรธารที่คุณสามารถไปเยี่ยมชมได้ครับ

วันที่สองของผมจบลงด้วยดี เหนื่อยสุดก็ตรงกิ่วเพราะเดินไกลอยู่ครับ แต่ถือว่าคุ้มกับวิวที่ได้ไปยื่นดู ช่วงนั้นมีทะเลหมอกพัดผ่านอากาศดีและสวยมากๆ ครับ

DAY – 3 : ดอยสุเทพ – ดอยปุย

ดอยสุดท้ายของเราก็มาถึงนั้นก็คือดอยสุเทพครับ สาเหตุที่ขึ้นดอยนี้เป็นดอยสุดท้ายก็คิดว่าขึ้นตอนไหนอากาศก็คงจะเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นดอยที่อยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่มากที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 ดอยที่ผ่านมา ขึ้นดอยนี้คงไม่ต้องบอกว่าจะไปที่ไหนบ้าง หลักๆ เลยก็เป็นพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และตรงขึ้นไปเดินตลาดดอยปุย นั่งจิบชารับลมเย็นๆ ต่อ


ดอยสุเทพ



พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์


ดอยสุเทพมีวัดแห่งหนึ่งที่ผมชอบมาก นั้นคือวันผาลาดครับ เป็นวัดที่มีน้ำตกไหลผ่าน และยังคงความเก่าแก่ของวัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย วัดร่มรื่น ร่มเย็น ด้วยเสียงน้ำและความเย็นจากกระแสน้ำที่ไหลผ่านวัดลงไปยังด้านล่าง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมแนะนำและอยากให้ไปครับ


สำหรับวันที่ 4 ของผมก็เที่ยวชิวๆ อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ครับ กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ซื้อร้านนั้น ถามร้านนี้ เดินไปทั่วๆ ฮ่าๆๆ หลังจากเป้าหมายของผมสำเร็จไปได้ด้วยดีก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปสู่ภาวะการทำงานปกติ แงๆๆๆ 😦 ใครมีที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่แนะนำก็แปะไว้ได้นะครับ คราวหน้าถ้าได้ไปเชียงใหม่อีกผมจะลองไปดูครับ