ทริปเวียดนาม ของผมครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 5 ในรอบสามปีที่ผ่านมา
ล่าสุด 5-9 ธันวาคม 2018 โดยสายการบิน VietJet แพลนผมนั่งรถนอนจาก โฮจิมินห์ - ดาลัด ในช่วงสามวันแรก
ส่วนวันสุดท้าย บัสนอนมาถึง โฮจิมินห์ ประมาณ 04:00 แล้วรอขึ้นเครื่องกลับ BKK เวลาประมาณ 17:30
ผมกับภรรยาลงจากรถนอนที่มาจากดาลัด ประมาณ 04:00 ลงบริเวณ ฟามงูเหลา
เนื่องจากตอนนั้น ยังง่วงมาก จึงอยากหาโรงแรมถูกๆ ไว้สำหรับเก็บของพักผ่อน อาบน้ำ อาบท่า เพื่อรอเวลาขึ้นเครื่องในช่วงเย็น
จึงเดินเข้าไปในซอยๆ นึง ซึ่งซอยนี้มี รร. เล็กๆ เยอะมาก ระหว่างเดินเข้าไป ก็จะเจอหนุ่มสาว นักท่องเที่ยว ยังนั่งกินตามพื้น กันอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่ผมกับภรรยาเดิน ก็ได้ยินเหมือนเสียงรถจักรยานยนต์ มาจากข้างหลัง จึงเดินเบี่ยงออกข้างทาง ผมเบี่ยงออกกับภรรยาผม คนละข้าง พอเสียงรถเข้ามาใกล้ ก็เป็นผู้ชายสองคน ขี่จักรยานยนต์มา ขับเข้าประชิดแฟนผม แล้วกระชาก กระเป๋า Coach สะพายข้างไป
ในจังหวะนั้นผม ไม่ห่วงเงินหรืออะไรเลย เพราะมันเป็นวันสุดท้าย ของทริป ซึ่งผมเหลือเงินอยู่ไม่มาก
แต่สิ่งที่อยู่ในนั้น มันกลับเป็น Passport ของผมกับภรรยา โทรศัพท์ของภรรยา เงิน กระเป๋าสตางค์ รวมถึงบัตรเดบิต
ตอนนั้นผมกับภรรยา ก็อยู่ในช่วงตกใจ และงงๆ เราพยายามเดินตามรอยรถจักรยานยนต์ เผื่อว่าโจรมันจะใจดี ทิ้ง Passport ไว้ให้
จนเวลาล่วงมาประมาณ เจ็ดโมงเช้า ยังดีที่ยังเหลือโทรศัพท์ผมอยู่อีกเครื่อง เราก็ลองหาข้อมูลกงสุลไทย ในเวียดนาม
ซึ่งเราไม่สามารถโทรติดต่อได้ จึงทำการ add
LINE Official : @rtcg.hcmc ไป ผมก็ได้พิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือไปทิ้งไว้
ซึ่งในใจผมไม่คิดว่าจะมีคนตอบกลับมาเลย เพราะอีกอย่างวันนั้นมันเป็นวันอาทิตย์ และผมเคยเจอประสบณ์การ์ณที่ไม่ดีเท่าไหร่กับข้าราชการไทย
แต่เราได้รับการติดต่อกลับมาจาก Line Official ของทางกงสุล ในเช้าตรู่ของวันนั้น ทางกงสุลได้แนะนำขั้นตอน ในการดำเนินการ
อย่างกระตือรือร้น ผมสัมผัสได้เลยว่าแอดมินของกงสุลนั้น มีความที่อยากจะช่วยเหลือเรามากๆ
ขั้นตอนมีดังนี้
- แจ้งความกับตำรวจ ณ สน. ที่เกิดเหตุ เผื่อขอรับใบแจ้งความ
- ถ่ายรูปสี ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 7 ใบ (ใช้สำหรับทำ C.I. ที่กงสุล และสำหรับขอ Visa ที่ ตม. เวียดนาม)
- นำใบแจ้งความไปขอออกหนังสือสำคัญประจำตัวชั่วคราว (C.I.) ที่สถานกงสุล ณ กรุงโฮจิมินห์
- นำหนังสือสำคัญประจำตัวชั่วคราว ไปขอ VISA ขาออกนอกประเทศ ที่สำนักงาน ตม. เวียดนาม ประมาณ 30usd/ คน
ในขั้นตอนนี้ อาจใช้เวลา 1-2 วัน หรืออาจจะขอเช้าได้เย็น ขึ้นอยู่กับเราแจ้งทาง ตม. ว่าเราบินกลับไฟลท์ไหน
ขั้นตอนมีแค่นี้ครับ เราก็จะได้ หนังสือสำคัญประจำตัว เย็บติดกับ VISA เพื่อออกนอกประเทศเวียดนาม ใช้ในการเดินทางกลับประเทศไทย
แต่เหตุการณ์ของผมมันวุ่นวายพอตัว ผมจะขอเล่าเหตุการ์ณของผมตามลำดับขั้นตอนนะครับ
ขั้นตอนแรกที่ สน.ฟามงูเหลา เราไปตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อแจ้งความ เราใช้เวลาอยู่พอสมควรเนื่องจากต้องรอ น่าจะสารวัตรมาเซนต์ในใบแจ้งความ
ตำรวจที่ สน. จะให้เราเขียน ชื่อ เลข Passport เก่า สถานที่เกิดเหตุ ลงในใบแจ้งความ แค่นั้นครับ ส่วนเรื่องโจรเป็นใคร หน้าตายังไง ไม่มีการถามถึงเลยครับ คิดว่าการวิ่งราวในย่านฟามงูเหลา น่าจะเป็นเรื่องปกติของตำรวจที่นี่
ขั้นตอนที่สอง หลังจากเราได้คำแนะนำจากแอดมินกงสุล เราต้องหาถ่ายรูป 2 นิ้ว จำนวน 7 ใบ ผมก็เสิทจาก google map เดินไปเรื่อยครับ เจอเป็นสิบร้านครับ แต่ปิดทุกร้าน เนื่องจากมันเป็นวันอาทิตย์ เราก็เดินเรื่อยๆ ครับ ผมเหลือเงินติดตัวไม่ถึง 160,000 ดอง (ประมาณ 250 บาท) จนผมเจอร้านรับถ่ายรูป ผมจึงเข้าไปติดต่อถ่ายรูป ทำ VISA สองคน ตอนแรกทางร้านคิด คนละ 6 ใบ 190,000 ดอง ผมจึงให้เงินเค้าดูทั้งกระเป๋า ว่าผมมีแค่ 160,000ดอง และต้องการใช้คนละ 7 รูป ผมพยายามบอกไปว่า กระเป๋าผมถูกขโมย ทางร้านก็ตอบตกลง เอาเงินทั้งหมดก้อนสุดท้ายที่ผมมีไป ณ ตอนนั้นผมไม่เหลือแม้กระทั่งบัตรเดบิต เพื่อที่จะถอนเงินสดออกมาใช้ได้เลย หลังจากจบเราถ่ายรูป เราสองคนไม่มีเงินเหลือติดตัวสักบาท
ขั้นตอนที่สาม ทางกงสุลแจ้งว่าวันนี้เป็นวันหยุด และหยุดต่อเนื่องอีกในวันจันทร์ (พรุ่งนี้) เนื่องจากเป็นวันหยุดปีใหม่ ของทางเกงสุลเวียดนาม แต่สุดท้ายทางกงสุลได้ติดต่อ เจ้าพนักงานให้เราสามารถเข้าไปทำได้ ในช่วงบ่ายวันนั้น เราสองคนจึงเดินไปครับ เสิทจาก google map หลายกิโลครับ แต่ต้องเดิน พอไปถึงได้รับการต้อนรับจากเจ้าพนักงานกงสุลดีมากครับ นั่งในห้องแอร์เย็น สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับดำเนินการออกหนังสือสำคัญประจำตัวให้ เจ้าพนักงานถามเราหลายรอบมาก ว่าเราจะมีเงินทายข้าวไหม จะมีเงินใช้ไหม สุดท้ายเสนอให้เราสองทางเลือกครับ 1. ยืมเงินของทางกงสุล แล้วกลับไปทำเรื่องติดต่อคืนเงินที่ประเทศไทย 2. ยืมเงินส่วนตัวของเจ้าพนักงานกงสุล แล้วให้เพื่อนที่ไทยโอนเข้าบัญชีเจ้าพนักงานกงสุล เราเลือกทางเลือกสองครับ เรายืมเงินเจ้าพนักงานมาแค่พอดีกับค่าขอ VISA ขาออก และค่าเดินทางไปยังสนามบิน
ขั้นตอนที่สี่ เราต้องรอวันรุ่งขึ้นครับ เราให้คนที่ไทย จอง รร. ราคาถูกให้ รวมไปถึงตั๋วบินขากลับไทย ใหม่ให้ทั้งหมด เนื่องจาก Vietjet ไม่สามารถทำเรื่องเลื่อนอะไรได้เลย แต่ถ้าเป็นสายการบินไทย สามารถลองแจ้งทางกงสุลได้ บางทีอาจจะติดต่อเลื่อนให้เราได้เป็นกรณีพิเศษครับ กลับมาที่ ตม. เวียดนาม เราไปแต่เช้าครับ ประมาณ แปดโมง ไปยื่นเรื่องขอ VISA ขาออก ที่นี่ไม่มีบัตรคิวครับ วุ่นวาย และงงมาก ช่องไหนว่างเอาเอกสารยื่นเลยครับ ผิดถูกเรา ไม่รู้ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่เค้าจะบอกเอง ให้เราไปช่องไหน สรุปจ่ายเงินคนละประมาณ 30 usd ผมแจ้งไปว่าต้องบินกลับคืนนี้ ทาง ตม. จึงนัดให้มารับเอกสารในช่วงเย็นครับ 16:00 จบขั้นตอนแค่นี้ครับ เอกสารเราพร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว
อยากฝากคนที่เจอเหตุการณ์แบบผม ที่กรุงโฮจิมินห์ครับ แอด Line official ของทางกงสุลไปเลยครับ ให้ความช่วยเหลือดีมาก มีความต้องการที่จะช่วยเหลือเราคนไทยอย่างมากครับ ระหว่างดำเนินการแอดมินจะคอยสอบถามอยู่ตลอดเวลาครับ ว่าเราเป็นยังไงบ้าง ดำเนินการถึงไหนแล้ว
จริงๆ ผมก็อ่านมาเยอะ เรื่องโจรวิ่งราว กรุงโฮจิมินห์ แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ในการมาเยือนครั้งที่ห้าครับ
ขอแนะนำไว้เลยแล้วกันนะครับ
- อย่าเดินซอยเปลี่ยวๆ ครับ
- เวลาหากินของโจรพวกนี้คือช่วงเช้ามืดครับ ในช่วงที่คนน้อยๆ
- เวลาเจอเหตุการ์ณ อย่าหวังให้คนเวียดนาม บริเวณนั้นช่วยเหลือครับ เค้าแทบจะเดินหนี
- อย่าใช้กระเป๋าที่ดูล่อตา ล่อใจ
สุดท้ายเวียดนามไม่ได้น่ากลัวครับ ยังยืนยันที่จะกลับมาอีก แต่แค่ต้องป้องกันในส่วนของเราให้ดี โจรที่นี่ไม่มีขู่กรรโชก ใช้อาวุธรีดไถครับ มีแต่วิ่งราว
ใครจะเดินทางไปเที่ยว ขอให้สนุกครับ ดูแลตัวเองให้ดีครับ
ขอบคุณครับ
ประสบการณ์โดนกระชากกระเป๋า ณ กรุงโฮจิมินห์ วิธีแก้ปัญหา สำหรับคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้
ล่าสุด 5-9 ธันวาคม 2018 โดยสายการบิน VietJet แพลนผมนั่งรถนอนจาก โฮจิมินห์ - ดาลัด ในช่วงสามวันแรก
ส่วนวันสุดท้าย บัสนอนมาถึง โฮจิมินห์ ประมาณ 04:00 แล้วรอขึ้นเครื่องกลับ BKK เวลาประมาณ 17:30
ผมกับภรรยาลงจากรถนอนที่มาจากดาลัด ประมาณ 04:00 ลงบริเวณ ฟามงูเหลา
เนื่องจากตอนนั้น ยังง่วงมาก จึงอยากหาโรงแรมถูกๆ ไว้สำหรับเก็บของพักผ่อน อาบน้ำ อาบท่า เพื่อรอเวลาขึ้นเครื่องในช่วงเย็น
จึงเดินเข้าไปในซอยๆ นึง ซึ่งซอยนี้มี รร. เล็กๆ เยอะมาก ระหว่างเดินเข้าไป ก็จะเจอหนุ่มสาว นักท่องเที่ยว ยังนั่งกินตามพื้น กันอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่ผมกับภรรยาเดิน ก็ได้ยินเหมือนเสียงรถจักรยานยนต์ มาจากข้างหลัง จึงเดินเบี่ยงออกข้างทาง ผมเบี่ยงออกกับภรรยาผม คนละข้าง พอเสียงรถเข้ามาใกล้ ก็เป็นผู้ชายสองคน ขี่จักรยานยนต์มา ขับเข้าประชิดแฟนผม แล้วกระชาก กระเป๋า Coach สะพายข้างไป
ในจังหวะนั้นผม ไม่ห่วงเงินหรืออะไรเลย เพราะมันเป็นวันสุดท้าย ของทริป ซึ่งผมเหลือเงินอยู่ไม่มาก
แต่สิ่งที่อยู่ในนั้น มันกลับเป็น Passport ของผมกับภรรยา โทรศัพท์ของภรรยา เงิน กระเป๋าสตางค์ รวมถึงบัตรเดบิต
ตอนนั้นผมกับภรรยา ก็อยู่ในช่วงตกใจ และงงๆ เราพยายามเดินตามรอยรถจักรยานยนต์ เผื่อว่าโจรมันจะใจดี ทิ้ง Passport ไว้ให้
จนเวลาล่วงมาประมาณ เจ็ดโมงเช้า ยังดีที่ยังเหลือโทรศัพท์ผมอยู่อีกเครื่อง เราก็ลองหาข้อมูลกงสุลไทย ในเวียดนาม
ซึ่งเราไม่สามารถโทรติดต่อได้ จึงทำการ add LINE Official : @rtcg.hcmc ไป ผมก็ได้พิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือไปทิ้งไว้
ซึ่งในใจผมไม่คิดว่าจะมีคนตอบกลับมาเลย เพราะอีกอย่างวันนั้นมันเป็นวันอาทิตย์ และผมเคยเจอประสบณ์การ์ณที่ไม่ดีเท่าไหร่กับข้าราชการไทย
แต่เราได้รับการติดต่อกลับมาจาก Line Official ของทางกงสุล ในเช้าตรู่ของวันนั้น ทางกงสุลได้แนะนำขั้นตอน ในการดำเนินการ
อย่างกระตือรือร้น ผมสัมผัสได้เลยว่าแอดมินของกงสุลนั้น มีความที่อยากจะช่วยเหลือเรามากๆ
ขั้นตอนมีดังนี้
- แจ้งความกับตำรวจ ณ สน. ที่เกิดเหตุ เผื่อขอรับใบแจ้งความ
- ถ่ายรูปสี ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 7 ใบ (ใช้สำหรับทำ C.I. ที่กงสุล และสำหรับขอ Visa ที่ ตม. เวียดนาม)
- นำใบแจ้งความไปขอออกหนังสือสำคัญประจำตัวชั่วคราว (C.I.) ที่สถานกงสุล ณ กรุงโฮจิมินห์
- นำหนังสือสำคัญประจำตัวชั่วคราว ไปขอ VISA ขาออกนอกประเทศ ที่สำนักงาน ตม. เวียดนาม ประมาณ 30usd/ คน
ในขั้นตอนนี้ อาจใช้เวลา 1-2 วัน หรืออาจจะขอเช้าได้เย็น ขึ้นอยู่กับเราแจ้งทาง ตม. ว่าเราบินกลับไฟลท์ไหน
ขั้นตอนมีแค่นี้ครับ เราก็จะได้ หนังสือสำคัญประจำตัว เย็บติดกับ VISA เพื่อออกนอกประเทศเวียดนาม ใช้ในการเดินทางกลับประเทศไทย
แต่เหตุการณ์ของผมมันวุ่นวายพอตัว ผมจะขอเล่าเหตุการ์ณของผมตามลำดับขั้นตอนนะครับ
ขั้นตอนแรกที่ สน.ฟามงูเหลา เราไปตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อแจ้งความ เราใช้เวลาอยู่พอสมควรเนื่องจากต้องรอ น่าจะสารวัตรมาเซนต์ในใบแจ้งความ
ตำรวจที่ สน. จะให้เราเขียน ชื่อ เลข Passport เก่า สถานที่เกิดเหตุ ลงในใบแจ้งความ แค่นั้นครับ ส่วนเรื่องโจรเป็นใคร หน้าตายังไง ไม่มีการถามถึงเลยครับ คิดว่าการวิ่งราวในย่านฟามงูเหลา น่าจะเป็นเรื่องปกติของตำรวจที่นี่
ขั้นตอนที่สอง หลังจากเราได้คำแนะนำจากแอดมินกงสุล เราต้องหาถ่ายรูป 2 นิ้ว จำนวน 7 ใบ ผมก็เสิทจาก google map เดินไปเรื่อยครับ เจอเป็นสิบร้านครับ แต่ปิดทุกร้าน เนื่องจากมันเป็นวันอาทิตย์ เราก็เดินเรื่อยๆ ครับ ผมเหลือเงินติดตัวไม่ถึง 160,000 ดอง (ประมาณ 250 บาท) จนผมเจอร้านรับถ่ายรูป ผมจึงเข้าไปติดต่อถ่ายรูป ทำ VISA สองคน ตอนแรกทางร้านคิด คนละ 6 ใบ 190,000 ดอง ผมจึงให้เงินเค้าดูทั้งกระเป๋า ว่าผมมีแค่ 160,000ดอง และต้องการใช้คนละ 7 รูป ผมพยายามบอกไปว่า กระเป๋าผมถูกขโมย ทางร้านก็ตอบตกลง เอาเงินทั้งหมดก้อนสุดท้ายที่ผมมีไป ณ ตอนนั้นผมไม่เหลือแม้กระทั่งบัตรเดบิต เพื่อที่จะถอนเงินสดออกมาใช้ได้เลย หลังจากจบเราถ่ายรูป เราสองคนไม่มีเงินเหลือติดตัวสักบาท
ขั้นตอนที่สาม ทางกงสุลแจ้งว่าวันนี้เป็นวันหยุด และหยุดต่อเนื่องอีกในวันจันทร์ (พรุ่งนี้) เนื่องจากเป็นวันหยุดปีใหม่ ของทางเกงสุลเวียดนาม แต่สุดท้ายทางกงสุลได้ติดต่อ เจ้าพนักงานให้เราสามารถเข้าไปทำได้ ในช่วงบ่ายวันนั้น เราสองคนจึงเดินไปครับ เสิทจาก google map หลายกิโลครับ แต่ต้องเดิน พอไปถึงได้รับการต้อนรับจากเจ้าพนักงานกงสุลดีมากครับ นั่งในห้องแอร์เย็น สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับดำเนินการออกหนังสือสำคัญประจำตัวให้ เจ้าพนักงานถามเราหลายรอบมาก ว่าเราจะมีเงินทายข้าวไหม จะมีเงินใช้ไหม สุดท้ายเสนอให้เราสองทางเลือกครับ 1. ยืมเงินของทางกงสุล แล้วกลับไปทำเรื่องติดต่อคืนเงินที่ประเทศไทย 2. ยืมเงินส่วนตัวของเจ้าพนักงานกงสุล แล้วให้เพื่อนที่ไทยโอนเข้าบัญชีเจ้าพนักงานกงสุล เราเลือกทางเลือกสองครับ เรายืมเงินเจ้าพนักงานมาแค่พอดีกับค่าขอ VISA ขาออก และค่าเดินทางไปยังสนามบิน
ขั้นตอนที่สี่ เราต้องรอวันรุ่งขึ้นครับ เราให้คนที่ไทย จอง รร. ราคาถูกให้ รวมไปถึงตั๋วบินขากลับไทย ใหม่ให้ทั้งหมด เนื่องจาก Vietjet ไม่สามารถทำเรื่องเลื่อนอะไรได้เลย แต่ถ้าเป็นสายการบินไทย สามารถลองแจ้งทางกงสุลได้ บางทีอาจจะติดต่อเลื่อนให้เราได้เป็นกรณีพิเศษครับ กลับมาที่ ตม. เวียดนาม เราไปแต่เช้าครับ ประมาณ แปดโมง ไปยื่นเรื่องขอ VISA ขาออก ที่นี่ไม่มีบัตรคิวครับ วุ่นวาย และงงมาก ช่องไหนว่างเอาเอกสารยื่นเลยครับ ผิดถูกเรา ไม่รู้ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่เค้าจะบอกเอง ให้เราไปช่องไหน สรุปจ่ายเงินคนละประมาณ 30 usd ผมแจ้งไปว่าต้องบินกลับคืนนี้ ทาง ตม. จึงนัดให้มารับเอกสารในช่วงเย็นครับ 16:00 จบขั้นตอนแค่นี้ครับ เอกสารเราพร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว
อยากฝากคนที่เจอเหตุการณ์แบบผม ที่กรุงโฮจิมินห์ครับ แอด Line official ของทางกงสุลไปเลยครับ ให้ความช่วยเหลือดีมาก มีความต้องการที่จะช่วยเหลือเราคนไทยอย่างมากครับ ระหว่างดำเนินการแอดมินจะคอยสอบถามอยู่ตลอดเวลาครับ ว่าเราเป็นยังไงบ้าง ดำเนินการถึงไหนแล้ว
จริงๆ ผมก็อ่านมาเยอะ เรื่องโจรวิ่งราว กรุงโฮจิมินห์ แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ในการมาเยือนครั้งที่ห้าครับ
ขอแนะนำไว้เลยแล้วกันนะครับ
- อย่าเดินซอยเปลี่ยวๆ ครับ
- เวลาหากินของโจรพวกนี้คือช่วงเช้ามืดครับ ในช่วงที่คนน้อยๆ
- เวลาเจอเหตุการ์ณ อย่าหวังให้คนเวียดนาม บริเวณนั้นช่วยเหลือครับ เค้าแทบจะเดินหนี
- อย่าใช้กระเป๋าที่ดูล่อตา ล่อใจ
สุดท้ายเวียดนามไม่ได้น่ากลัวครับ ยังยืนยันที่จะกลับมาอีก แต่แค่ต้องป้องกันในส่วนของเราให้ดี โจรที่นี่ไม่มีขู่กรรโชก ใช้อาวุธรีดไถครับ มีแต่วิ่งราว
ใครจะเดินทางไปเที่ยว ขอให้สนุกครับ ดูแลตัวเองให้ดีครับ
ขอบคุณครับ