เรียนท่าน "นายทหารฯ" ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านบอกกับลูกชายผมว่า "ไล่ออกจากค่ายฯ หากเจอสมาร์ทโฟนที่ซ่อนไว้" !?!?

สืบเนื่องจากลูกชายส่งข้อความมาบอกผมว่า "พ่อจะติดต่อลูกไม่ได้สัก2-3วัน"
พ่อ: เกิดอะไรขึ้นเหรอ
ลูก: เข้าค่ายทหารแต่เขาไม่ให้เอาสมาร์โฟนไป
พ่อ: เขานะคือใคร ครูหรือทหาร
ลูก: ทั้งครูและทหาร
พ่อ: แล้วลูกรู้ได้อย่างไร ว่าทหารไม่ให้เอาไป
ลูก: หนูหาเบอร์โทรของค่ายฯ จนเจอแล้วหนูโทรไปหาทหารที่อยู่ในค่ายมา
พ่อ: ...อึ้ง ไป10วินาที ไม่น่าเชื่อว่า ลูกของพ่อจะกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนี้
พ่อ: ระ ระ รอแปปลูก คอลฯ คุยกันดีกว่า...

สรุปใจความสั้นๆ จากลูกว่า
ทหารบอกว่า
ไม่ได้ห้ามเอาสมาร์ทโฟนมา ถ้าเอามาทหารจะขอเก็บสมาร์ทโฟนไว้ให้ หรือเก็บไว้ที่คุณครู ลูกพ่อก็ถามทหารว่า หากทหารเก็บไว้แล้วสมาร์ทโฟนเกิดความเสียหายแล้วทหารจะทำอย่างไร ทหารบอกว่า ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งหาย หน้าจอแตก เครื่องระเบิด เครื่องพัง เป็นต้น แต่หากทหารขอสมาร์ทโฟนแล้วไม่ให้และทหารไปพบในภายหลัง เด็กนักเรียนผู้นั้น จะถูกทหาร "ไล่ออกจากค่าย"

พ่อโกรธมาก: ทหารทำแบบนี้ได้อย่างไร มาไล่เด็กนักเรียนที่พ่อแม่มอบอำนาจในปกครองให้คุณครูดูแล ออกจากค่าย เด็กนักเรียนจะกลับบ้านได้อย่างไร แต่...เดี๋ยวก่อน เพื่อความเป็นธรรม ควรต้องฟังความให้รอบด้าน

ผมอยากเรียนถามท่าน "นายทหารฯ" ดังนี้
1. ทหารมีอำนาจตามกฎหมายใด มาตราใด ในการกระทำการขอเก็บสมาร์ทโฟนของเด็กนักเรียน
2. กฎที่ว่า "ไล่เด็กนักเรียนออกจากค่าย เมื่อเจอสมาร์ทโฟนที่เด็กนักเรียนซ่อนไว้" มีอยู่จริงหรือไม่ ระเบียบปฎิบัติเป็นอย่างไร
3. ทหารมีอำนาจตามกฎหมายใด มาตราใด ในการบังคับให้เด็กนักเรียนออกจากค่าย โดยไม่คำนึงถึงสภาพจิตใจของเด็กนักเรียน

พ่อ: ตกลงเอาอย่างนี้ลูก พ่อขอสั่งให้หนูเอาสมาร์ทโฟนไป แล้วพอไปถึงภายในรั้วทหาร ทหารขอเก็บ หนูก็ให้ทหารเก็บแต่โดยดี อย่างน้อยๆ ช่วงเวลานั่งรถบัสทั้งขาไป-ขากลับ หนูจะได้มีสมาร์ทโฟนไว้ใช้และเพื่อพ่อโทรหาด้วย
ลูก: แต่ครูจะมีการตรวจก่อนขึ้นรถ และครูบอกว่า ไม่รับฝากจะวางไว้ตรงนั้นแหละ
พ่อ: โกรธๆ หัวร้อนอีกแล้ว ครูจะมาห้ามได้ไง มีสิทธิ์อะไรมาห้าม ทหารที่ค่ายยังไม่ห้าม แค่บอกว่า "ไม่ให้ใช้ระหว่างอยู่ในค่าย"
เอาอย่างนี้ หนูบอกเลยว่า
1. หนูได้โทรคุยกับทหารในค่ายทหารแล้ว ทหารไม่ได้ห้ามไม่ให้เอาสมาร์ทโฟนไปแต่ทหารห้ามใช้สมาร์ทโฟนในค่ายและมีการขอเก็บ จัดเก็บรักษาอย่างดีและรับผิดชอบต่อทุกความเสียหายที่เกิดขึ้น ขณะอยู่ในความดูแลของทหาร
2. อ้างพ่อได้เลย พ่ออนุญาต ให้บอกครูว่า พ่อสั่งให้ลูกเอาสมาร์ทโฟนไปเองและพ่อไม่อนุญาตให้ครูคนใดก็ตาม ยึดสมาร์ทโฟนของลูก แต่พ่ออนุญาตให่ทหารเก็บรักษาสมาร์โฟนของลูกตลอดระยะเวลาที่อยู่ในค่ายฯ ได้
3. หากครูคนไหนมีปัญหา ให้เบอร์พ่อไปหรือหนูจะต่อสายให้ครูคุยกับพ่อได้เลย

พ่อจะพิทักษ์รักษาสิทธิและเสรีภาพของลูกอย่างถึงที่สุด เพราะพ่อภูมิใจในตัวลูกที่หาญกล้าโทรไปสอบถามทหารถึงในค่ายทหารเพื่อให้ตนเองคลายความสงสัยและได้ข้อมูลที่ชัดเจน

ป.ล. อนาคต "ทหารสื่อสาร" แน่ๆ เลย ลูกผม
---------------------------------------------------
Update 21/1/2562 7:46น.
ลูกชายออกเดินทางไปเข้าค่ายทหารฯ แล้ว แต่พ่อติดต่อหาลูกไม่ได้เลยโทรไปหาแม่ว่า ลูกออกเดินทางแล้วหรือยังและทำไมพ่อโทรหาไม่ติด
แม่ลูกบอกว่า "ลูกเปลี่ยนใจไม่เอาสมาร์ทโฟนไปแล้ว"
พ่อ: ??? เห็นลูกคุยกับพ่อเมื่อวานว่า เขาโทรไปหาทหารในค่ายฯ มา ทหารไม่ห้ามเอามาแต่ห้ามใช้ระหว่างที่อยู่ในค่ายฯ อ่ะ
แม่: ไม่รู้สิ อยู่ดีๆ ลูกเขาเปลี่ยนใจ เอาสมาร์ทโฟนมาฝากไว้ที่แม่
พ่อ: มีครูหรือใคร บังคับข่มขู่ลูกหรือเปล่า
แม่: ไม่มี
พ่อ: แม่พูดจริงๆ นะ
แม่: จริงสิ เรื่องแค่นี้ จะโกหกไปทำไม
พ่อ: โอเค ขอบใจมาก ดูแลรักษาสมาร์ทโฟนของลูกให้ดีละ

ป.ล. ลูกพ่อคนนี้ มันกล้า "ขัดคำสั่งพ่อ" เชื้อพ่อมันแรงส์ สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองอย่างทระนง ลูกพ่อโตแล้ว ...รู้สึกภาคภูมิใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ขอขอบพระคุณในความห่วงใยจากทุกท่านที่เกรงว่า "ลูกมีปัญหา"
ส่วนตัวผมมองคำว่า "ปัญหา" แตกต่างจากท่านๆ ที่ห่วงใยตรงที่ว่า "ปัญหาคือโอกาส"
-โอกาสในการลับสมองทั้งลูกและผม
-โอกาสในการลับความสามารถการบริหารจัดการการแก้ไขปัญหาทั้งลูกและผม
-โอกาสในการลับความอดทนอย่างมีสติและปัญญาทั้งลูกและผม
ผมสอนลูกเสมอว่า "ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เพียงแต่ว่าจะออกได้เมื่อไหร่ อย่างไรเท่านั้นเอง"
ป.ล. ก่อนมาตั้งกระทู้ ผมได้บอกลูกไว้ก่อนแล้วว่า "พ่อจะไปตั้งกระทู้ถามในพันทิปนะ" ซึ่งลูกก็ไม่ได้ห้ามหรือว่าอะไร
ป.ล.ล. ผมคาดว่า ลูกคงชินกับปัญหาและการแก้ไขปัญหาจากผมมาพอสมควรเพราะเผชิญปัญหากับพ่อมาตั้งแต่ยังเล็ก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่