สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ตระกลูฝ่ายหญิงบ้านเเม่เรา มีแม่เราเเต่งงานคนเดียวค่ะ
ตอนนี้บ้านป้าเราสมาชิกในบ้านเกษียณออกมาหมดเเล้ว เลข5-6-8 (หลานสาวคนโตเลข4ไม่เเต่ง) อยู่บ้านเดียวกัน ดูแลกันเอง อยากทำอะไรก็ทำ อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากซื้ออะไรก็ซื้อ สุขสบายดีค่ะ
บอกก่อนว่า (หลานสาวเลข4 - 3 โสด) คอยทำธุระให้เกือบทั้งหมดค่ะ ไปเป็นเพื่อนซื้อของ พาไปโรงบาล อะไรที่เค้าทำไม่ไหวหลานที่โสดก็ทำให้ค่ะ
เพราะโสดค่ะ เลยมีเวลาให้คนแก่ในบ้าน
เราโสดและอยู่บ้านกับสมาชิกครอบครัวที่มีเหมือนไม่มี(แต่งงานกันหมดเเล้ว) เหงาเลี้ยงแมวค่ะ เบื่อก็ไปบ้านป้าค่ะ ไปนั่งเล่นบ้าง คุยบ้าง ไปเที่ยวกันบ้าง
คิดว่าถ้าอายุ50 พอมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ก็คงจะเลี้ยงแมวเพิ่มสักตัว2ตัวค่ะ
** ช่วงอายุ29มีแฟนค่ะ มีคนถามว่ารักสัตว์ทำไมไม่เลี้ยงสัตว์ คำตอบเราคือ เราแบ่งเวลาให้สัตว์ไม่ได้ แค่เวลาให้แฟนยังไม่มีเลย ทำแต่งาน แต่ก็พูดขำว่า ถ้าเลิกกับแฟนก็คงจะหาสัตว์มาเลี้ยงสักตัว พอเลิกกับแฟนจริง เจ้านายก็เอาแมวมาให้เลี้ยงค่ะ (เลี้ยงในที่ทำงานเลย) ความรู้สึกตอนนั้นคือ รู้งี้เลิกกับแฟนนานแล้ว เลี้ยงแมวมีความสุขมากกว่าเยอะ (เป็นพวกไม่ค่อยเที่ยวไม่ค่อยออกไปข้างนอกอยู่แล้วด้วย) อยู่บ้านกับสัตว์ในบ้านมีความสุขมากกว่า
ส่วนเรื่องหาคนไปรับไปส่งตอนป่วย ตอนเดินไม่ไหวเนี่ย!! ทำใจนะคะ เพราะบ้านเราเอง ต้นตระกลูนอนติดเตียง ลูกชาย หลานชายยังไม่สนใจเลย(ทั้งที่เค้าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต) แม่เราป่วยพ่อเราป่วย ลูกชายในบ้านที่แต่งงานเเล้ว พ่อแม่ซื้อรถให้ ขับรถได้ เป็นเจ้าของกิจการ ไม่มีใครว่างสักคน ต้องโทรเรียกลูกโสดพนักงานต๊อกต๋อยลางาน(จนวันลาไม่เหลือแล้ว) ขับรถก็ไม่เป็น ต้องพานั่งแท๊กซี่ไปหาหมอ
อย่าคิดว่าการมีลูก มีเมีย มีสามีจะดีกว่าการอยู่เป็นโสดนะคะ เราว่าอยู่เป็นโสดจะดีกว่า ถ้าบทสุดท้ายคุณพึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
ตอนนี้บ้านป้าเราสมาชิกในบ้านเกษียณออกมาหมดเเล้ว เลข5-6-8 (หลานสาวคนโตเลข4ไม่เเต่ง) อยู่บ้านเดียวกัน ดูแลกันเอง อยากทำอะไรก็ทำ อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากซื้ออะไรก็ซื้อ สุขสบายดีค่ะ
บอกก่อนว่า (หลานสาวเลข4 - 3 โสด) คอยทำธุระให้เกือบทั้งหมดค่ะ ไปเป็นเพื่อนซื้อของ พาไปโรงบาล อะไรที่เค้าทำไม่ไหวหลานที่โสดก็ทำให้ค่ะ
เพราะโสดค่ะ เลยมีเวลาให้คนแก่ในบ้าน
เราโสดและอยู่บ้านกับสมาชิกครอบครัวที่มีเหมือนไม่มี(แต่งงานกันหมดเเล้ว) เหงาเลี้ยงแมวค่ะ เบื่อก็ไปบ้านป้าค่ะ ไปนั่งเล่นบ้าง คุยบ้าง ไปเที่ยวกันบ้าง
คิดว่าถ้าอายุ50 พอมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ก็คงจะเลี้ยงแมวเพิ่มสักตัว2ตัวค่ะ
** ช่วงอายุ29มีแฟนค่ะ มีคนถามว่ารักสัตว์ทำไมไม่เลี้ยงสัตว์ คำตอบเราคือ เราแบ่งเวลาให้สัตว์ไม่ได้ แค่เวลาให้แฟนยังไม่มีเลย ทำแต่งาน แต่ก็พูดขำว่า ถ้าเลิกกับแฟนก็คงจะหาสัตว์มาเลี้ยงสักตัว พอเลิกกับแฟนจริง เจ้านายก็เอาแมวมาให้เลี้ยงค่ะ (เลี้ยงในที่ทำงานเลย) ความรู้สึกตอนนั้นคือ รู้งี้เลิกกับแฟนนานแล้ว เลี้ยงแมวมีความสุขมากกว่าเยอะ (เป็นพวกไม่ค่อยเที่ยวไม่ค่อยออกไปข้างนอกอยู่แล้วด้วย) อยู่บ้านกับสัตว์ในบ้านมีความสุขมากกว่า
ส่วนเรื่องหาคนไปรับไปส่งตอนป่วย ตอนเดินไม่ไหวเนี่ย!! ทำใจนะคะ เพราะบ้านเราเอง ต้นตระกลูนอนติดเตียง ลูกชาย หลานชายยังไม่สนใจเลย(ทั้งที่เค้าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต) แม่เราป่วยพ่อเราป่วย ลูกชายในบ้านที่แต่งงานเเล้ว พ่อแม่ซื้อรถให้ ขับรถได้ เป็นเจ้าของกิจการ ไม่มีใครว่างสักคน ต้องโทรเรียกลูกโสดพนักงานต๊อกต๋อยลางาน(จนวันลาไม่เหลือแล้ว) ขับรถก็ไม่เป็น ต้องพานั่งแท๊กซี่ไปหาหมอ
อย่าคิดว่าการมีลูก มีเมีย มีสามีจะดีกว่าการอยู่เป็นโสดนะคะ เราว่าอยู่เป็นโสดจะดีกว่า ถ้าบทสุดท้ายคุณพึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
ความคิดเห็นที่ 5
เพราะคุณมองแต่ข้อดีว่ามีใครอยู่ข้างๆให้คุยให้ทำกิจกรรมด้วยแล้วมันจะมีความสุข แต่คู่ครองมันไม่เหมือนญาติเพราะคนเรามาจากครอบครัวที่ต่างกันมาอยู่ด้วยกันมันไม่มีอะไรรับประกันว่าจะเข้ากันได้ดีและคนที่อยู่ด้วยจะเป็นคนดีไปตลอด ยิ่งถ้าคุณเลือกคนมาเป็นแฟนโดยมีความไม่อยากโสดมาเป็นแรงผลักดันนี่มีโอกาสสูงมากที่จะเจอคนที่ไม่ดีนักหรือไม่เข้ากันซึ่งคุณจะยอมจะยื้ออยู่อย่างไม่มีความสุขเพราะกลัวจะไม่มีใคร
อยู่เป็นโสดอย่างเหงาๆดีกว่าอยู่อย่างเศร้าๆกับใครบางคน
อยู่เป็นโสดอย่างเหงาๆดีกว่าอยู่อย่างเศร้าๆกับใครบางคน
ความคิดเห็นที่ 24
เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วหดหู่จัง ....
ปลายชีวิต ก็ขึ้นกับการใช้ชีวิตทุกวันนี้ ... ทั้งแบบมีครอบครัว หรือโสด
เอาเป็นว่า ทุกวันนี้ เราเข้าฟิตเนส เพื่อให้ป่วยช้า และได้พบเพื่อนกลุ่มใหม่
ป้าๆสูงวัย50-80ปี มากถึง70คนและขยายตัวเรื่อยๆ..อยุ่เป็นสังคมเกื้อกูล ... ป้าๆมากันทุกวัน
ไลน์อัพเดทภาพทุกคนทุกวัน ว่าทำอะไรบ้าง? .. ถ้าใครป่วย ก็จะมีคนไปช่วยพาส่ง รพ. ไม่ตายเงียบๆคนเดียวแน่ๆ
.. ภาพไร้สาระทุกวัน เหมือนเพ้อเจ้อ(ในสายตาคนอื่น) แต่คือสีสรรชีวิตของคนวัยนี้ .. และเป็น safety ด้วย
การไปฟิตเนส จึงไม่ใช่ออกกำลัง .. แต่คือ สังคมผู้สูงอายุ ให้พบปะ แล้วไปกินเที่ยวด้วยกัน
... เรารุ้สึกดีกับสังคมใหม่ ทั้งที่เรามีครอบครัว มีสามีและลูกที่ดี และพ่อแม่ที่เป็นหมอ
เราออกแบบอนาคตผู้สูงอายุของเราแล้ว .. แล้วคุณล่ะ ลงมือแล้วหรือยัง?
ปลายชีวิต ก็ขึ้นกับการใช้ชีวิตทุกวันนี้ ... ทั้งแบบมีครอบครัว หรือโสด
เอาเป็นว่า ทุกวันนี้ เราเข้าฟิตเนส เพื่อให้ป่วยช้า และได้พบเพื่อนกลุ่มใหม่
ป้าๆสูงวัย50-80ปี มากถึง70คนและขยายตัวเรื่อยๆ..อยุ่เป็นสังคมเกื้อกูล ... ป้าๆมากันทุกวัน
ไลน์อัพเดทภาพทุกคนทุกวัน ว่าทำอะไรบ้าง? .. ถ้าใครป่วย ก็จะมีคนไปช่วยพาส่ง รพ. ไม่ตายเงียบๆคนเดียวแน่ๆ
.. ภาพไร้สาระทุกวัน เหมือนเพ้อเจ้อ(ในสายตาคนอื่น) แต่คือสีสรรชีวิตของคนวัยนี้ .. และเป็น safety ด้วย
การไปฟิตเนส จึงไม่ใช่ออกกำลัง .. แต่คือ สังคมผู้สูงอายุ ให้พบปะ แล้วไปกินเที่ยวด้วยกัน
... เรารุ้สึกดีกับสังคมใหม่ ทั้งที่เรามีครอบครัว มีสามีและลูกที่ดี และพ่อแม่ที่เป็นหมอ
เราออกแบบอนาคตผู้สูงอายุของเราแล้ว .. แล้วคุณล่ะ ลงมือแล้วหรือยัง?
แสดงความคิดเห็น
สุขกับความโสดในวันนี้ อาจจะเป็นทุกข์เมื่อวัย 50+ ..?
มีความสุขทุกๆวันกับเรื่องที่เราอยากทำ ไปไหนก็ได้ กินอะไรก็ได้ ไม่ต้องแคร์ใคร หัวใจเป็นอิสระ คือชีวิตโสดแบบนี้ดีสุดๆเลย
ถามตัวเองวันนี้ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่า..
เป็นไปได้ไหมพอเวลาแก่ตัวลงไปความคิดเราจะเปลี่ยนไป?
ที่ผมคิดงี้เพราะมีป้าใกล้ๆบ้านที่แกอยู่แบบโสดๆมาทั้งชีวิต เห็นแกมาเกือบ 20 ปีแล้ว เมื่อก่อนดูแกก็มีความสุขดีนะ ครึกครื้น ร่าเริง
จนตอนนี้แกน่าจะ 50 กว่าๆใกล้เกษียณแล้ว ญาติผู้ใหญ่พ่อแม่ก็เสียไปหมดแล้ว พี่น้องก็แยกย้ายกันไป ลูกหลานก็ไม่มีมาหา เห็นแกอยู่คนเดียวดูหมองๆ ไม่ร่าเริงเหมือนๆเดิม ดูเงียบๆ ชีวิตดูหม่นๆไงไม่รู้ ยังแอบๆคิดว่าถ้าผมเป็นแบบแก มันคงน่าเศร้าอยู่เหมือนกัน ถ้ามีลูกมีหลาน ได้เห็นเด็กๆเต็มบ้าน เห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะ เฝ้ารอคอยวันที่เด็กๆได้เติบใหญ่ มันน่าจะมีความหมายกว่าการอยู่คนเดียวไปจนสิ้นลมแน่ๆ
ตอนนี้อาจจะนึกภาพนั้นไม่ออก แต่แค่เห็นป้าแล้วผมก็รู้สึกว่า
บางทีตัวเราก็อาจจะหนีความรู้สึกนั้นไม่พ้น หากคิดจะโสดจนตายไป คงเหงาๆเศร้าๆพิลึก