พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์งานวิศวไฟฟ้าของผม(My working timeline of electricalengineering)

กระทู้สนทนา
ขอกล่าวสวัสดีพี่น้องทั้งที่เป็นวิศวกร กำลังจะเป็นวิศวกร และไม่ได้เป็นวิศวกร แต่เข้ามาดูเฉยๆ สวัสดีทุกท่านเลยนะครับ
ก่อนอื่น ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า เรื่องราวที่เขียนทั้งหมดเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจจะขัดแย้งกับความคิดเห็นของใครบางคน จึงขอให้อ่านเพื่อความบันเทิง หรืออ่านเพื่อเป็นแนวทางก็ได้นะครับ ฉนั้น งดดราม่าทุกกรณีครับ
        ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้เข้าเว็บพันทิปเท่าไหร่ แต่พอดีค้นหาว่าเงินเดือนเจ้าหน้าที่ จป. เค้าได้เท่าไหร่กันเพี้ยนเผือก ก็เลยของดูของวิศวดูบ้าง จึงเป็นที่มาและความสำคัญที่ทำให้อยากเล่าประสบการณ์การทำงาน เงินเดือน และการอัพเงินเดือนให้พุ่งกระฉุดในแบบของผม เพื่อคลายความสงสัยสำหรับน้องๆที่กำลังจะเป็นวิศวไฟฟ้าว่าจบมาแล้วควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ งานแบบไหนอย่าไปทำ งานแบบไหนน่าทำ และเป็นกำลังใจในการสู้ชีวิตให้กับน้องๆครับ
      เริ่มเรื่องเลยแล้วกัน ผมจบวิศวกรรมไฟฟ้าจาก ม.ราชมงคลแห่งหนึ่ง เกรดก็ไม่ได้สวยมากมาย 2.28 ถือว่าขี้เหล่เลยก็ว่าได้ถ้าเทียบกับ ม. ดังๆที่อื่น พูดถึงเรื่องเกรด หลายคนคงสงสัยมานานแล้วว่า ทำไมบางบริษัทถึงต้องเอาเกรดมาเป็นเงื่อนไขในการรับพนักงาน หลายคนคิดว่า เกรดไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกความสามารถการทำงาน ใช่ครับ เกรดไม่ได้บ่งบอกว่าใครทำงานดีไม่ดี ทำงานเก่งไม่เก่ง แต่ว่า!!!! เป็นตัวบ่งบอกถึงความขยัน ความตั้งใจ เพราะพวกที่เกรดสวยๆส่วนใหญ่จะเป็นพวกขยัน บางทีตอนเรียนเค้าไม่ได้เก่งอะไรหรอก แต่เค้าอาศัยว่าขยันเรียนรู้ ขยันขวนขวายเพื่อที่จะแก้โจทย์ให้ได้ และขยันส่งงาน เมื่อเขาขวนขวายมันก็เลยทำให้เขารู้เยอะ เลยเก่งไปโดยปริยาย เกรดเค้าก็เลยสูง เพราะฉนั้น คนเก่งส่วนใหญ่จึงไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด แต่มาเก่งตอนขยันเนี่ยแหละ บริษัทที่เค้าเลือกคนเกรดสวยก็เพราะอย่างนี้แหละ ขยันหาทางออก และขยันส่งงานให้ทันตามเวลาที่กำหนด บริษัทเค้าไม่ได้ต้องการหรอกคนเก่งอะ เค้าต้องการคนที่ทำงานให้เค้าสำเร็จตามเป้าหมายได้ ฉนั้นน้อง ๆ จำไว้ เก่งแค่ไหนไม่สำคัญ ถ้าขี้เกียจ บริษัทเค้าก็จะหาทางเอาน้องออกได้เหมือนกัน เค้าจะไม่ไล่ออก แต่เค้าจะบีบให้ออกนะครับ ยิ่งพูดก็ยิ่งนอกเรื่อง มาเข้าเรื่องอีกดีกว่า เนื่องจากผมจบมาเกรด 2.28 ก็เลยไม่ค่อยมีบริษัทไหนรับผม แต่ผมก็ได้ทำงานในบริษัทผู้รับเหมางานระบบไฟฟ้าแห่งหนึ่งตอนปี 2558 เป็นบริษัทเล็กๆ ทุนจดทะเบียน 1ล้าน  ถือว่าเล็กนะ เวลาน้องๆจะไปสมัครงานที่ไหน หรือมีใครติดต่อมา ให้หาข้อมูลบริษัทด้วยว่าเป็นยังงัย ทุนจดทะเบียนเป็นตัวบ่งบอกว่าเค้าสามารถจ่ายเงินเดือนเราได้น้อยแค่ไหน อันนี้อาจจะไม่เสมอไป แต่ส่วนใหญ่ครับ เพราะพวกทุนจดทะเบียน 1 ล้าน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้รับเหมาช่วง เป็นซัพ หรืออาจจะเป็นซัพ ช่วงสุดท้ายเลย ถ้าน้องๆเข้าไป น้องๆอาจจะได้เป็นแทบจะทุกตำแหน่ง ตั้งแต่ วิศวกร โฟร์แมน สโตร์ จนถึงช่างที่ต้องมาเดินท่อ ลากสาย เหมือนช่างธรรมดา แต่ก็ไม่ได้หมายถึงทุกบริษัทนะ ทั้งนี้ต้องดูพนักงานด้วยว่ามีกี่คน ใครที่มาพูดกับน้องๆ เป็นวิศวกรไม่ได้สบาย ไม่ได้นั่งอยู่แต่ในออฟฟิศสบายๆ แต่ต้องทำงานหน้างาน เจาะปูน สกัดปูน เดินท่อ ลากสายไฟด้วย ใครที่มาพูดแบบนี้อย่าไปเชื่อนะครับ แล้วถ้าเค้าชวนก็อย่าไป วัตถุประสงค์ของการเป็นวิศวกรคือ การเคลียร์แบบ เคลียร์หน้างาน ติดต่อประสานงาน กำกับดูแลช่าง และผู้รับเหมา เว้นแต่ว่าสายงานโรงงานที่วิศวกรต้องลงมือทำเอง เพราะอุปกรณ์บางอย่างต้องให้วิศวกรทำ ส่วนน้องคนไหนที่ทำงานหน้างานก่อสร้าง หน้าที่ของน้องคือ สั่งคนงาน หรือทำกับเขาบ้างบางครั้งที่เขาไม่เข้าใจ ไม่ใช่ทำทั้งหมด หรือทั้งวันนะครับ  สำหรับเรื่องเงินเดือน เงินเดือนเริ่มต้น ผมอยู่ที่ 14000 + ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง 2000 เป็น 16000 ทำโอแทบตาย กว่าจะได้ 20000  ทำได้ 4 เดือนก็ออกตอนเดือน 4/59 เพราะตอนนั้นคิดว่า งานสายก่อสร้างแมร่ง เหนื่อยวะ กรูต้องทำทุกอย่างเลย ก็เลยคิดว่า ออกมาทำสายโรงงานดีกว่า แต่อนิจจา สายโรงงานเวลาสัมภาษก็โอ้ยยยย  ถามแต่คำถามจิตวิทยา คงตอบแล้วเค้าวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าไม่ควรรับอะมั้ง  สุดท้ายจึงทิ้งท้ายว่า "รอติดต่อกลับประมาณ 1 เดือนนะคะ" เท่านั้นแหละ รู้เลยว่าเค้าไม่รับ น้องๆจำไว้เลยว่า ถ้าบริษัทที่เค้าจะรับเรา จะมีคำบ่งบอกว่ารับเราเข้าทำงานแล้วคือ เริ่มงานได้เมื่อไหร่ ถ้าเค้าถามแบบนี้ แปลว่า เค้ารับเราแล้ว ถ้าบอกว่า รอ 1 เดือนนี่อย่างหวังเลย
           6/2559 ได้ทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง อันนี้โปรไฟล์ บริษัทค่อนข้างดีหน่อย ทุนจดทะเบียน 30ล้าน แปลว่า เงินเดือนจะต้องได้มากกว่าที่แรกแน่นอน    แต่ด้วยความที่ตอนนั้น ผมตกงานอยู่ 1 เดือน จำเป็นต้องรีบหางาน จึงคิดว่า ถ้าเขียนเงินเดือนไปเยอะเกิน กลัวเค้าจะไม่รับ จึงเขียนไป 15000 เพราะตอนนั้นเราเองก็ไม่รู้ว่า เงินเดือนสำหรับวิศวไฟฟ้าจบใหม่ควรขอเท่าไหร่ แต่แล้วกลับเกินคาด เค้าให้ 16000 มีค่าเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดวันละ 100 วันไหนตรงกับวันหยุด ก็อดได้ และไม่มี OT สำหรับไซด์คอนโด แต่ถ้าเป็นไซด์ รีโนวเวทโลตัส จะได้ OT เหมา 3000 เห็นเค้าว่างานหนัก แต่ไม่ได้ลองสัมผัส เลยไม่รู้ แล้วถ้าผ่านโปร เพิ่มอีก 1000 แล้วก็มีค่าโทรศัพท์อีก 1000 ถือว่าเยอะสำหรับผมตอนนั้น ประสบการณ์ก็ได้เยอะด้วย รู้อะไรต่างๆมากมาย และถึงได้รู้ว่า งานวิศวกรหน้างานแท้จริงแล้ว ไม่ต้องลงมือทำเอง แต่สั่งให้คนงานทำ โดยสั่งไปที่หัวหน้าเขาก่อน แล้วหัวหน้าเขาจะไปจ่ายงานเอง เรามีหน้าที่แค่ถ้าหน้างานติดปัญหาอะไรก็ประสานกับ เมน หรือคอนเซ้า   พูดถึงคำว่าเมน มาจากคำว่า เมนคอนแทค หรือผู้รับเหมาหลัก บริษัทเราไปรับช่วงต่อจากเขา  ตอนทำงานอยู่ที่เก่าเคยมีวิศวกรคนหนึ่งถามผมว่า ไซด์นี้ใครเป็นเมน ผมก็งง ตอนนั้นยังจบมาใหม่ๆ เลยตอบเค้าไปตรงๆว่า น่าจะเป็นอีแวว คนงานสโตร์ผมนะวันก่อนบ่นว่าปวดท้องเมน วันนี้น่าจะเป็นเมนละเพี้ยนหืม  คนที่ถามผมถึงกับอึ้งอมยิ้ม19 แล้วก็เดินจากไปอมยิ้ม20  เข้าเรื่องใหม่ ผมงานตั้งแต่เดือน 6 จนสิ้นปี เขาขึ้นเงินให้อีก 1000 ขึ้นปี 2560 เงินเดือนอยู่ที่ 18000 +เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดวันละ 100 ค่าโทรศัพท์ 1000 รับรวมๆ ประมาณ 21000 จนถึง เดือน 8/60 จบงาน กลับเข้าออฟฟิศ เงินพิเศษจึงถูกตัด ถูกดองไว้ที่ออฟฟิศ 6 เดือน เข้าปี 61 เงินขึ้นอีก 2500 เป็น 20500 หักประกันสังคมแล้วเหลือไม่ถึง 20000 ตอนนั้นภาระชีวิตเริ่มเยอะ เงินเดือนไม่พอใช้ละ เลยออกหางานใหม่ เดือน 3/61
           3/2561 ได้ทำงานบริษัทหนึ่ง ใหญ่พอสมควร ทุนจดทะเบียน50 ล้าน รับงานใหญ่พอได้ อย่างงานสนามบินสุวรรณภูมิ งานรถไฟฟ้าสายต่างๆ เงินก็ตอนแรกเขียนในใบสมัคร 23000-25000 สวัสดิการที่เป็นเงินมี OT อย่างเดียว เงินออกเดือนละ 2 ครั้ง ตอนแรกให้มา 21000 มันก็ไม่ต่างจากที่เดิมเท่าไหร่ก็เลยลองทำดู ผ่านไป2 เดือน เริ่มรู้สึกถึงผลกระทบละว่า 21000 ไม่พอ และการที่เงินออกเดือนละ 2 ครั้ง หลายคนรู้ดีว่าควบคุมรายจ่ายยาก เพราะรายจ่ายส่วนใหญ่ไปกองตรงสิ้นเดือน ทั้งบัตรเครดิต ทั้งผ่อนรถ ค่าหอ ส่งบ้านอีก ดังนั้นจึงขอฝากถึงน้องๆว่า บริษัทไหนที่เงินออกเดือนละ 2 ครั้ง ไม่เหมาะกับคนที่มีหนี้เยอะ เลี่ยงได้ให้เลี่ยงครับ บัตรเครดิต เงินเดือนไม่เกิน 20000 ก็ทำอย่างมากแค่ ใบเดียวพอ และใช้ยามจำเป็นเท่านั้น ตอนแรกผมว่าจะเอาไว้ซื้อพวกตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน ไปๆมาๆ กดมาใช้ซะงั้น เพราะตอนที่ทำงานที่เก่าโดนตัดเงินสวัสดิการเลยจำเป็นต้องกด สุดท้ายเป็นหนี้ก้อนโต สำหรับบริษัทที่ 3 ผมอยู่ไซด์งานสถานีรถไฟฟ้าที่บางซื่อ หลังหมอชิต ตอนแรกที่ผมบอกว่า 21000 ไม่พอ ทำงัย? ผมไปคุยกับเจ้านายเลยว่า ขอคุยเรื่องเงินเดือน เค้าถามว่าเงินไม่พอใช้หรอ ผมนี่อึ้งเลย เจ้านายที่นี่ใจดีครับ ยอมรับว่าใจดี เค้าเลยบอกว่า ให้ไปคุยที่ออฟฟิศพรุ่งนี้ ก็เลยไป แล้วคุยว่า เงินไม่ได้ตามที่เรียกร้อง เค้าเลยถามว่าเขียนไปเท่าไหร่ ผมตอบ 23000-25000 ครับ เค้าเลยเอาใบสมัครเรามาดู แล้วก็บอกว่า จะเพิ่มให้เป็น 23000 นะ ผ่านโปรจะให้เพิ่มให้ 25000 เค้าก็ให้จริงครับ รายได้รวมๆ ขั้นต่ำ 25000 รวมค่าโทรศัทพ์ ถ้าทำOT ด้วยก็ 27000+ มากสุด 29000 แต่งานค่อนข้างหนักเพราะทำงานไซด์ใหญ่ เมนก็เรื่องเยอะด้วย ประชุมเกือบทุกวัน  เอกสารเยอะเป็นช่วงๆ เวลาไม่มีรัยทำก็หลับได้ เล่นเกมส์ได้ แตกต่างจากที่ที่2 อย่างชัดเจน ก็มีสบายบ้าง หนักบ้างเป็นบางครั้งปนๆกันไป สำหรับบริษัทนี้ผมอยู่ได้ 9 เดือนก็ออกมา สาเหตุมาจากเงินใช้ไม่พอ และ เงินออกเดือนละครั้งนี้ประเด็นสำคัญเลย 12/61 จบการทำงานจากบริษัทนี้
        12/61-ปัจจุบัน ทำงานกับเพื่อนของ PM คนเก่าที่ผมเคยทำบริษัทก่อนหน้านี้ เค้าแนะนำมา บอกว่าเพื่อนเค้าต้องการวิศวกรอะไรก็ได้มาช่วยดูงานวางท่อประปา กปน. เสนอเงินมาสวย 30000 ไม่มีสวัสดิการ ก็เลย โอเค ลองมาทำดู ถึงจะไม่ตรงสายก็เถอะ อย่างน้อยถ้าอยู่ที่เดิมกว่าจะได้ 30000 ทำ OT แทบตาย อีกอย่างถ้ามาทำอาจจะเปลี่ยนความคิดมาชอบงานนี้ก็ได้ แต่แล้วดูทีท่าว่าอยากย้ายงานอีกแล้ว เพราะ อย่างแรกคือ ไม่ตรงสาย เพราะอยู่ดีๆผมก็คิดขึ้นมาว่า อนาคตผมจะต้องไปรับเหมาทำไฟฟ้า แต่นี่มันงานวางท่อประปาข้างทาง ท่อใหญ่ด้วย อย่างสองคือ เงินออกไม่ตรงสิ้นเดือน แต่เป็นวันที่5  ซึ่งค่าใช้จ่ายสิ้นเดือนของเราอยู่ที่ไม่เกินวันที่ 3 ทั้งนั้น น้องๆในออฟฟิศบอกว่า บางทีเลท ไปวันที่ 10 ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงสถานะทางการเงินได้ ก็หมายความว่า ถ้าเดือนไหนเขาเบิกงวดงานไม่ได้ เขาก็จะไม่มีเงินจ่ายลูกน้อย ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงสูงสำหรับผม จึงมีความคิดที่จะออก สำหรับเงินเดือน 30000 นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้ แต่ติดที่ เงินเค้าไม่มีสำรอง  น้องๆก็ลองพิจารณาเอานะครับ ถ้าเงินออกวันที่ 5 น้องๆจะรับได้ไหม แต่ถ้ามันเลท บ่อยๆ และเลทเกินไป แนะนำว่า อย่าอยู่ครับ เพราะบ่งบอกถึงสถานะทางการเงินของเขาได้เป็นอย่างดี
        มาถึงตอนนี้ก็เหลามานานพอสมควรก็สรุปเลยนะครับ เวลาจะสมัครเข้าทำงาน ให้พิจารณา ทุนจดทะเบียนและพนักงานถ้าน้อยให้เลี่ยง ที่ไหนให้วิศวเดินท่อ ลากสาย เจาะปูน กรีดปูน อันนี้ให้เลี่ยง มีเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดมีค่านั่นนี่ เมื่ออยู่ต่างจังหวัด แต่พอกลับมาทำในกรุงเทพไม่ว่ากรณีใดๆก็ถูกตัดทุกอย่าง และไม่มี OT ให้เลี่ยง การเลือกงานสำหรับผมตอนนี้คือ ดูสวัสดิการว่ามีสวัสดิการทำงานอะไรบ้าง เช่น OT ค่าโทรศัพท์ ค่านุ่นนั่นนี่ อันนี้แหละจะพิจารณาก่อน ไม่ใช่ว่าสวัสดิการ ประกันสังคม กองทุนเลี้ยงชีพ ค่ารักษาพยาบาล สนับสนุนทุนบุตร บลาๆๆๆ คืออะไรที่สิ้นเดือนมา กรูไม่ได้รับอะ เลิกคุยเลย  อย่างที่สอง ทุนจดทะเบียน  สามการออกเงินเดือน 1 ครั้งต่อเดือน และไม่ใช่ออกวัน5 หรือเลท มากกว่านั้น  เท่านี้ละครับที่คิดได้ ถ้าคิดได้อีกจะเพิ่มเติมให้ภายหลัง  อ้อ ลืมเรื่องเทคนิคการอัพเงินเดือนแบบพุ่งกระฉูดไปเลย  สำหรับน้องๆคนไหนอยากอัพเงินเดือนให้พุ่งกระฉูด เทคนิคง่ายๆคือ 3ปีแรกเปลี่ยนงานบ่อยๆ อย่างผมประสบการณ์ 3 ปี จาก14000 เป็น 30000 เลย และเรื่องใบ กว. ก็สามารถอัพได้อีก 1000-3000 ครับ สำหรับบางบริษัท แต่บางบริษัทก็ไม่มีประโยชน์ อันนี้ถ้าเจอก็ให้เลี่ยงครับ ส่วนเรื่องเงินเดือนที่ควรขอสำหรับเด็กจบใหม่ไม่ใช่15000 นะครับ ต้อง 16000 ขึ้นไป เวลาเขียนใบสมัครให้เขียนว่า 16000-18000 ไปเลย ไม่ต้องกลัว ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับน้องๆแน่นอนว่าทุกคนกำลังสร้างตัว OT เป็นสิ่งสำคัญครับ ฝากอีกนิด วิศวกรไซด์งานสบายกว่าวิศวกรโรงงานตรงที่อิสระมาก เล่นโทรศัพท์ แอบเล่นเกมส์ ออกไปทำธุระเวลางานบางครั้ง บางบริษัทไม่ต้องสแกนนิ้วอันนี้มาสายได้ แต่อย่าบ่อยไม่ดี คืออิสระแทบทุกอย่างถ้าหน้างานไม่มีปัญหา
       ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ มันอาจจะขัดๆกับทัศนคติของใครหลายคน แต่อันไหนที่น้องๆคิดว่ามีเหตุผลก็ลองเอาไปทบทวนปรับแก้ดูนะครับ และท้ายที่สุด งดดราม่า ทุกกรณีครับ
       EP.ต่อไปจะมาบอกถึงการดำเนินชีวิตในการทำงานไซด์งานครับ ทำงานแบบไหนเรียกว่าอยู่เป็น ทำงานแบบไหนแล้วจะเหนื่อย ถ้าคิดว่าอ่านดูแล้วสนุกดี ก็รอติดตามต่อไป เพราะจะพิมพ์เกินโควตาละ จะครบ 10000 ตัวอักษรละ บายครับอมยิ้ม36
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่