ตามหัวข้อเลยครับ ผมอายุ 25 ปี ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตแบบลุ่มๆดอนๆ ผมและครอบครัวโดนโกงครับ คนโกงก็รู้จักและสนิทกันมาเหมือนญาตืพี่น้องเป็นสิบๆปี
ผมอัดอั้นมานานครับ เป็นมา 2 เกือบ 3 ปีล่ะ เจ็บใจมากครับ แค้นมากครับ ที่สุดเหนือเกินคำบรรยาย มันทำให้ชีวิตผมและคนในครอบครัวต้องดับครับ
ดับแบบแทบจะไม่เหลืออะไรเลย ทั้งอนาคตของน้องสาว และความเป็นอยู่ของพ่อแม่ผม.......
ผมแค่อยากจะระบายครับ ขอแค่คนรับอ่านเพื่อนเตือนสติคนอื่นก็พอ เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ ในการใช้ชีวิต... เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ย้อนกลับไปต้นเหตุครับ ประมาณ 2 ปีที่แล้ว พ่อผมได้ร่วมลงทุนสร้างบ้าน3หลังเพื่อขายกับอา (ท้าวความครับว่า อานนี้เราไม่ได้เป็นญาติกันแต่พ่อผมรู้จักเค้ามาเป็นสิบๆปีเคยให้ความช่วยเหลือกันมาในหลายๆอย่าง จนเหมือนเปนพี่น้องเดียวกันเลย ซึ่งทางบ้านผมก็ให้ความเคารพมากพอสมควร ชื่นชมด้วยซ้ำ)
โดยทาง พ่อ จะออกที่ดินให้ โดยให้ใช้ที่ 1 ใน 3 ของที่ดิน(ที่ดินพื้นเดียวที่พ่อมี) มูลค่าที่ดินทั้งหมด 8 ล้านบาทและแรงในการก่อสร้าง ส่วนอา จะออกเงินทุนให้ในการสร้างบ้านประมาณ 6-7 ล้านบาท เมื่อสร้างเสร็จทั้งคู่ตกลงว่า จะแบ่งให้พ่อผมใช้อยู่อาศัย 1 ห้อง และส่วนี่เหลือเป็นของเค้า เพื่อเอาไปขายทำกำไร
*ทุกเหตุการณ์ที่เล่ามาผมอยู่ด้วยตลอดและเ็นคนกลางฟังเรื่องของทั้งสองฝ่าย*
จากทุกอย่างก็ได้เริ่มดำเนินการ ผ่านไปได้สักช่วง ระหว่างกลางงานก่อสร้าง ได้เกิดความล่าช้า ระหว่างการสร้างบ้านพ่อผมได้ดำเนินการสร้างบ้านช้ามาก(อันนี้ยมรับว่าเราผิดครับทำงานช้ากว่าหน้างาน) จึงทำให้อา เกิดความไม่ไว้วางใจ กล่าวหาว่าเรา มีเจตนาที่จะโกงเค้า (เงินที่เบิกน่ะตอนนั้น มันไม่สมเหตุสมผลกับงานที่ควรจะเป็นและยังเหลือยอดที่ค้างอยู่จากเค้าประมาณล้ายกว่าบาท) อาจึงได้เรียกพ่อมาคุย เพิ่อหาทางออกว่า จะทำยังไงต่อไป
จากการคุยในครั้งนั้น เราสรุปได้ ประมาณเท่าที่ผมจำได้คือ
1 ล้ม งานขายและแบ่งเงิน แล้วทางใครทางมัน (พ่อและผมไม่เห็นด้วย)
2 พ่อผมจะให้นายทุนคนใหม่มา เทคโอเวอร์แทนเค้า (ซึ่งเค้าไม่ยอม)
3 โอนที่ทั้งหมดมาให้เค้าก่อนแล้วเค้าจะแบ่งที่ๆเหลือที่ไม่ใช่ของเค้าคืนให้ และให้เงินที่เหลือมา สร้างบ้านให้เสร็จ ซึ่ง รับปากกับผมและแม่ไว้อย่างดี
หลังจากคุยกันระหว่างช่วงนั้น เราก็คิดกันอยู่นาน แต่ในช่วงนั้น อาก็พยายามกดดันและวานล้อมผมกับแม่ โดยกล่าวหาว่า พ่อผมจะโกง ซึ่งเรารู้อยู่ว่า พ่อเราไม่ได้คิดจะโกงอะไรเค้าเลย เราเลยแสดงความบริสุทธิ์ใจ คุยกับพ่อและตกลงว่า เราจะทำตามข้อ 3 เพื่อแสดงให้เค้ารู้ว่า
"เราไม่เคยคิดที่จะโกงเค้าแม้แต่นิดเดียว" ***ขอย้ำประโยคนี้เลยน่ะครับว่าไม่เคยคิดด้วยยความคับแค้นใจจากครอบครัวเรา***
จากนั้นเราก็ได้ดำเนินการ ให้ทุกอย่างแต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา การโอนที่อย่างน้อยใช้เวลา 3 เดือน ในระหว่างนั้น เค้าก็กล่าวหาเราโดยตลอด
ว่าตุกติ๊ก ไม่ยอมโอนให้ โกง บ้างล่ะ
พอวันโอนที่ดินมาถึง อาก็ไปกรมที่ดินกับพ่อ และโอนที่ให้ วินาทีนั้นพ่อผมเล่าให้ฟัง ว่า อา แสยะยิ้มให้พ่อ โอนเซ็นรับเอกสารที่ดินเสร็จ แล้วเค้าก็ขอปลีกตัวออกไป อ้างว่ามีธุระ แล้วก็เงียบหายไปพักใหญ่
ในตอนนั้น พ่อและแม่ผมคิดไว้แล้วว่าไม่เหลืออะไรแน่นอน สิ่งที่เค้าคิดก็เป็นจริงครับ อาติดต่อกลับมา พร้อม ข้ออ้างอย่างอื่นมากมาย บ่ายเบี่ยงที่จะทำตามสัญญา โทษว่า พ่อผมคิดจะโกงเค้าอย่างเดียว ****จากใจครับ คนคิดจะโกงน่ะเค้าไม่คิดจะโอนที่ให้คนที่เค้าจะโกงหรอก****
และสุดท้ายลงเอยที่เค้า ขายโปรเจ็คทั้งหมดพร้อมกับได้กำไร และเอาที่ๆเหลือไป
หลังจากนั้น ครอบครัวผมเริ่มแย่ครับ ไม่เหลืออะไรติดตัวเลย ทั้งสิ่งของ เงินทอง ทุกๆสิ่งค่อยๆหายไปรายได้ไม่มี ติดคดีหนีภาษีเพราะไม่มีเงินจ่าย แม่ผมแทบเสียสติเป็นปีๆ ด้วยความเจ็บใจ น้องสาว ผมต้อง หมดอนาคตที่จะได้เรียนต่อมหาลัย และสิ่งต่างๆที่เลวร้ายมากมาย เหมือนในละครและยิ่งกว่าละครด้วยซ้ำ พวกเราต้องดิ้นรนปากกัดตีนทีบ จนถึงทุกๆวันนนี้
และผมเคยไปขอความช่วยเหลือก็ไม่เห็นมีใครเต็มใจที่จะ ช่วย ผมลองมาหมดแล้วทุกวิถีทางที่จะขอความเป็นธรรม
ทนายดังๆ ศูนย์ช่วยเหลืออะไรนั้นน่ะหรอ หรือร้องเรียน ตำรวจคนดัง เปล่าประโยชน์ครับ สุดท้ายพวกนี้ก็หวังแต่ผลงานดังๆ ทั้งนั้น ความช่วยเหลือที่จริงใจมันไม่มจริงหรอกครับ
ผมรู้สึกแค้นครับ ว่าเค้าทำแบบนี้ได้ยังไง ผมต้องมาเห็น น้อง แม่ พ่อ ทุกทรมาน นอนร้องไห้ทุกวันเหมือนคนบ้าน แม่ผมก็พยายามที่จะฆ่าตัวตายในตอนนั้น ผมเจ็บใจมากครับ ข้างในมันช้าไปหมด ทุกวันนี้ พยายามที่จะมองไปข้างหน้าครับ แต่ในใจก็ยังคงมีส่วนนึงที่ สาปแช่งครับ
"ขอให้เค้าเห็นคนที่รักต้องทรมาน ขอให้มันดูแม่มันทรมานตาย ขอให้ครอบครัวมันไม่มีที่อยู่ ไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีอันจะกิน ขอให้ลูกหลานมันหมดอนาคต ขอให้มันจมอยู่กับความทุกข์ ร้อยเท่าพันเท่า"แค่ส่วนนึงที่ผมเผลอใจไปแช่งครับน่ะครับ แต่เอาจริงๆสุดท้ายแล้วผมอยากอโหสิให้สักวันนึง
ความแค้นนี้ผมเค้าใจแล้วครับ ว่ากว่าจะเลิกแค้นได้มันยากมากจริงๆ เค้าใจความรู้สึกตัวละครในหนังบ้างเรื่องดีเลยล่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน่ะครับ สุดท้ายแล้ว
ผมอยากจะฝากเค้าอาที่เป็นคนโกงทุกอย่างไปจากชีวิตผม เจ้าของ บ. P ที่นอนพารา 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ใหญ่ที่สุดคนนั้น หากสักวันคุณมาอ่าน
เราไม่เคยคิดที่จะกงเลยสักนิดเดียวเราไม่เคยคิดเลย พูดด้วยน้ำตา และเลือดเนื้อ
"จงจำไว้คำพูดที่คุณเคยให้ผมฟังว่า "จะฆ่าคนหรือไม่ตั้งใจฆ่า มันก็ฆ่าคนเหมือนกัน" ใช่ครับ จงจำไว้ว่า คุณได้ฆ่า คน 4 คนให้ตายทั้งเป็น"
******แล้วจงระวัง สักวันคุณก็จะฆ่าคนที่คุณรักให้ตายทั้งเป็นในสักวัน******
ผมหวังว่า ผมจะอโหสิให้คุณได้สักวันนึงในวันข้างหน้า ที่ความแค้นผมจางหายไป
จากเสียงและน้ำตาที่ไหลออกมา จากคับแค้นที่สุดในชีวิตของ คนวัย 25 คนนึง
ขอพื้นที่เล็กๆในพันทิป มาระบาย"ประสบการณ์โดนโกงแบบเจ็บใจที่สุดในชีวิต"แค้นใจที่สุด
ผมอัดอั้นมานานครับ เป็นมา 2 เกือบ 3 ปีล่ะ เจ็บใจมากครับ แค้นมากครับ ที่สุดเหนือเกินคำบรรยาย มันทำให้ชีวิตผมและคนในครอบครัวต้องดับครับ
ดับแบบแทบจะไม่เหลืออะไรเลย ทั้งอนาคตของน้องสาว และความเป็นอยู่ของพ่อแม่ผม.......
ผมแค่อยากจะระบายครับ ขอแค่คนรับอ่านเพื่อนเตือนสติคนอื่นก็พอ เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ ในการใช้ชีวิต... เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ย้อนกลับไปต้นเหตุครับ ประมาณ 2 ปีที่แล้ว พ่อผมได้ร่วมลงทุนสร้างบ้าน3หลังเพื่อขายกับอา (ท้าวความครับว่า อานนี้เราไม่ได้เป็นญาติกันแต่พ่อผมรู้จักเค้ามาเป็นสิบๆปีเคยให้ความช่วยเหลือกันมาในหลายๆอย่าง จนเหมือนเปนพี่น้องเดียวกันเลย ซึ่งทางบ้านผมก็ให้ความเคารพมากพอสมควร ชื่นชมด้วยซ้ำ)
โดยทาง พ่อ จะออกที่ดินให้ โดยให้ใช้ที่ 1 ใน 3 ของที่ดิน(ที่ดินพื้นเดียวที่พ่อมี) มูลค่าที่ดินทั้งหมด 8 ล้านบาทและแรงในการก่อสร้าง ส่วนอา จะออกเงินทุนให้ในการสร้างบ้านประมาณ 6-7 ล้านบาท เมื่อสร้างเสร็จทั้งคู่ตกลงว่า จะแบ่งให้พ่อผมใช้อยู่อาศัย 1 ห้อง และส่วนี่เหลือเป็นของเค้า เพื่อเอาไปขายทำกำไร
*ทุกเหตุการณ์ที่เล่ามาผมอยู่ด้วยตลอดและเ็นคนกลางฟังเรื่องของทั้งสองฝ่าย*
จากทุกอย่างก็ได้เริ่มดำเนินการ ผ่านไปได้สักช่วง ระหว่างกลางงานก่อสร้าง ได้เกิดความล่าช้า ระหว่างการสร้างบ้านพ่อผมได้ดำเนินการสร้างบ้านช้ามาก(อันนี้ยมรับว่าเราผิดครับทำงานช้ากว่าหน้างาน) จึงทำให้อา เกิดความไม่ไว้วางใจ กล่าวหาว่าเรา มีเจตนาที่จะโกงเค้า (เงินที่เบิกน่ะตอนนั้น มันไม่สมเหตุสมผลกับงานที่ควรจะเป็นและยังเหลือยอดที่ค้างอยู่จากเค้าประมาณล้ายกว่าบาท) อาจึงได้เรียกพ่อมาคุย เพิ่อหาทางออกว่า จะทำยังไงต่อไป
จากการคุยในครั้งนั้น เราสรุปได้ ประมาณเท่าที่ผมจำได้คือ
1 ล้ม งานขายและแบ่งเงิน แล้วทางใครทางมัน (พ่อและผมไม่เห็นด้วย)
2 พ่อผมจะให้นายทุนคนใหม่มา เทคโอเวอร์แทนเค้า (ซึ่งเค้าไม่ยอม)
3 โอนที่ทั้งหมดมาให้เค้าก่อนแล้วเค้าจะแบ่งที่ๆเหลือที่ไม่ใช่ของเค้าคืนให้ และให้เงินที่เหลือมา สร้างบ้านให้เสร็จ ซึ่ง รับปากกับผมและแม่ไว้อย่างดี
หลังจากคุยกันระหว่างช่วงนั้น เราก็คิดกันอยู่นาน แต่ในช่วงนั้น อาก็พยายามกดดันและวานล้อมผมกับแม่ โดยกล่าวหาว่า พ่อผมจะโกง ซึ่งเรารู้อยู่ว่า พ่อเราไม่ได้คิดจะโกงอะไรเค้าเลย เราเลยแสดงความบริสุทธิ์ใจ คุยกับพ่อและตกลงว่า เราจะทำตามข้อ 3 เพื่อแสดงให้เค้ารู้ว่า
"เราไม่เคยคิดที่จะโกงเค้าแม้แต่นิดเดียว" ***ขอย้ำประโยคนี้เลยน่ะครับว่าไม่เคยคิดด้วยยความคับแค้นใจจากครอบครัวเรา***
จากนั้นเราก็ได้ดำเนินการ ให้ทุกอย่างแต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา การโอนที่อย่างน้อยใช้เวลา 3 เดือน ในระหว่างนั้น เค้าก็กล่าวหาเราโดยตลอด
ว่าตุกติ๊ก ไม่ยอมโอนให้ โกง บ้างล่ะ
พอวันโอนที่ดินมาถึง อาก็ไปกรมที่ดินกับพ่อ และโอนที่ให้ วินาทีนั้นพ่อผมเล่าให้ฟัง ว่า อา แสยะยิ้มให้พ่อ โอนเซ็นรับเอกสารที่ดินเสร็จ แล้วเค้าก็ขอปลีกตัวออกไป อ้างว่ามีธุระ แล้วก็เงียบหายไปพักใหญ่
ในตอนนั้น พ่อและแม่ผมคิดไว้แล้วว่าไม่เหลืออะไรแน่นอน สิ่งที่เค้าคิดก็เป็นจริงครับ อาติดต่อกลับมา พร้อม ข้ออ้างอย่างอื่นมากมาย บ่ายเบี่ยงที่จะทำตามสัญญา โทษว่า พ่อผมคิดจะโกงเค้าอย่างเดียว ****จากใจครับ คนคิดจะโกงน่ะเค้าไม่คิดจะโอนที่ให้คนที่เค้าจะโกงหรอก****
และสุดท้ายลงเอยที่เค้า ขายโปรเจ็คทั้งหมดพร้อมกับได้กำไร และเอาที่ๆเหลือไป
หลังจากนั้น ครอบครัวผมเริ่มแย่ครับ ไม่เหลืออะไรติดตัวเลย ทั้งสิ่งของ เงินทอง ทุกๆสิ่งค่อยๆหายไปรายได้ไม่มี ติดคดีหนีภาษีเพราะไม่มีเงินจ่าย แม่ผมแทบเสียสติเป็นปีๆ ด้วยความเจ็บใจ น้องสาว ผมต้อง หมดอนาคตที่จะได้เรียนต่อมหาลัย และสิ่งต่างๆที่เลวร้ายมากมาย เหมือนในละครและยิ่งกว่าละครด้วยซ้ำ พวกเราต้องดิ้นรนปากกัดตีนทีบ จนถึงทุกๆวันนนี้
และผมเคยไปขอความช่วยเหลือก็ไม่เห็นมีใครเต็มใจที่จะ ช่วย ผมลองมาหมดแล้วทุกวิถีทางที่จะขอความเป็นธรรม
ทนายดังๆ ศูนย์ช่วยเหลืออะไรนั้นน่ะหรอ หรือร้องเรียน ตำรวจคนดัง เปล่าประโยชน์ครับ สุดท้ายพวกนี้ก็หวังแต่ผลงานดังๆ ทั้งนั้น ความช่วยเหลือที่จริงใจมันไม่มจริงหรอกครับ
ผมรู้สึกแค้นครับ ว่าเค้าทำแบบนี้ได้ยังไง ผมต้องมาเห็น น้อง แม่ พ่อ ทุกทรมาน นอนร้องไห้ทุกวันเหมือนคนบ้าน แม่ผมก็พยายามที่จะฆ่าตัวตายในตอนนั้น ผมเจ็บใจมากครับ ข้างในมันช้าไปหมด ทุกวันนี้ พยายามที่จะมองไปข้างหน้าครับ แต่ในใจก็ยังคงมีส่วนนึงที่ สาปแช่งครับ
"ขอให้เค้าเห็นคนที่รักต้องทรมาน ขอให้มันดูแม่มันทรมานตาย ขอให้ครอบครัวมันไม่มีที่อยู่ ไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีอันจะกิน ขอให้ลูกหลานมันหมดอนาคต ขอให้มันจมอยู่กับความทุกข์ ร้อยเท่าพันเท่า"แค่ส่วนนึงที่ผมเผลอใจไปแช่งครับน่ะครับ แต่เอาจริงๆสุดท้ายแล้วผมอยากอโหสิให้สักวันนึง
ความแค้นนี้ผมเค้าใจแล้วครับ ว่ากว่าจะเลิกแค้นได้มันยากมากจริงๆ เค้าใจความรู้สึกตัวละครในหนังบ้างเรื่องดีเลยล่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน่ะครับ สุดท้ายแล้ว
ผมอยากจะฝากเค้าอาที่เป็นคนโกงทุกอย่างไปจากชีวิตผม เจ้าของ บ. P ที่นอนพารา 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ใหญ่ที่สุดคนนั้น หากสักวันคุณมาอ่าน
เราไม่เคยคิดที่จะกงเลยสักนิดเดียวเราไม่เคยคิดเลย พูดด้วยน้ำตา และเลือดเนื้อ
"จงจำไว้คำพูดที่คุณเคยให้ผมฟังว่า "จะฆ่าคนหรือไม่ตั้งใจฆ่า มันก็ฆ่าคนเหมือนกัน" ใช่ครับ จงจำไว้ว่า คุณได้ฆ่า คน 4 คนให้ตายทั้งเป็น"
******แล้วจงระวัง สักวันคุณก็จะฆ่าคนที่คุณรักให้ตายทั้งเป็นในสักวัน******
ผมหวังว่า ผมจะอโหสิให้คุณได้สักวันนึงในวันข้างหน้า ที่ความแค้นผมจางหายไป
จากเสียงและน้ำตาที่ไหลออกมา จากคับแค้นที่สุดในชีวิตของ คนวัย 25 คนนึง