เกริ่นนำ
เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่ง ที่หากพิจารณาตามเนื้อหาแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร แต่กลับไม่ค่อยมีคนไทยพูดถึงเท่าไรนัก
เนื้อหาของข่าวนี้ มีอยู่ว่า ศาลของเกาหลีใต้ ได้ออกคำสั่งยึดทรัพย์ของบริษัทเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น Nippon Steel & Sumitomo Metal ในประเทศเกาหลี ด้วยการสั่งอายัดหุ้นบริษัท Joint Venture ระหว่าง Nippon Steel & Sumitomo Metal และบริษัทเหล็ก POSCO ของเกาหลีเป็นจำนวนกว่า 80,000 หุ้น นอกจากนี้ ฝ่ายทนายความผู้เป็นตัวแทนของผู้ใช้แรงงานยังพยายามมุ่งเป้าหมายไปยังทรัพย์สินทางปัญญาที่บริษัท Nippon Steel ถิออยู่ในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย
คำสั่งอายัดนี้ เป็นผลมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาเกาหลีใต้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยศาลได้ตัดสินให้ ทางบริษัท Nippon Steel & Sumitomo Metal ของญี่ปุ่น ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ฝ่ายโจทก์ 4 คน คนละประมาณ 90,000 เหรียญสหรํฐ ในข้อหาที่ทางฝ่ายจำเลยได้นำฝ่ายโจทก์ชาวเกาหลีไปใช้แรงงานในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม ทาง Nippon Steel นั้น ได้ปฏิเสธที่จะชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์
หลังจากที่มีคำสั่งยึดทรัพย์ออกมา ทางรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการยื่นคำประท้วงไปยังเกาหลี และวิจารณ์คำตัดสินดังกล่าว ว่า ฝ่ายเกาหลีใต้เอง ไเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง (Extremely Regrettable) และจะหาทางเจรจาหาทางออกกับทางรัฐบาลเกาหลีใต้ต่อไป
สำหรับคนที่พอมีความรู้เกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศมาโดยคร่าวๆ ก็คงจะมองว่า นี่เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เพราะญี่ปุ่นในสมัยยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองนั้น จัดว่าได้กดขี่และก่อกรรมทำเข็ญกับเกาหลีใต้ไว้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลากจักรพรรดินีองค์สุดท้าของเกาหลียออกมาฆ่าหน้าวัง เรื่องของ Comfort Woman และอื่นๆ คำตัดสินนี้ ก็ถือว่าเป็นการให้ “ผู้ร้าย” อย่างญี่ปุ่นได้ชดใช้กรรมให้กับ เหยื่อผู้น่าสงสาร ฝ่ายเกาหลีใต้ นับเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
อย่างไรก็ดี เรื่องราวกลับไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เพราะในข้อพิพาทครั้งนี้ มีตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่ง ก็คือ สนธิสัญญาพื้นฐานว่าด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี ในปี 1965 ซึ่งทางฝั่งญี่ปุ่นมักจะนำมาเป็นข้อต่อสู้อยู่เสมอ ๆ เมื่อมีข้อพิพาทเรียกร้องค่าเสียหายจากญี่ปุ่นโดยฝั่งเกาหลีใต้ แต่สื่อต่างๆ (โดยเฉพาะสื่อไทย) กลับไม่กล่าวรายละเอียด เกี่ยวกับสนธิสัญญาฉบับนี้เท่าที่ควร
เนื่องจากผมเอง เคยศึกษาเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเรื่อง สนธิสัญญาปี 1965 ในสมัยที่กำลังเรียนต่อที่ต่างประเทศ และได้เขียนรายงานสั้นๆเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้ว ผมจึงขอนำเนื้อหาที่ผมเคยศึกษา มาเล่าให้ทุกๆคนไว้เป็นความรู้ครับ
ผมเห็นว่า เมื่อเราพิจารณาเนื้อหาและความเป็นมาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว ประกอบกกับข้อมูต่างๆเกี่ยวกับดราม่าระหว่างประเทศเรื่องนี้แล้ว เราก็จะรู้สึกได้ว่า เรื่องนี้ มีความลับ-ลวง-พรางมากกว่าที่คิด และ “แกะน้อยที่น่าสงสาร” ก็ใช้ว่าจะใสซื่อบริสุทธิ์เสมอไป
ดราม่า “ชักดาบ” ที่จุดชนวนความขัดแย้งบทใหม่ของเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่ง ที่หากพิจารณาตามเนื้อหาแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร แต่กลับไม่ค่อยมีคนไทยพูดถึงเท่าไรนัก
เนื้อหาของข่าวนี้ มีอยู่ว่า ศาลของเกาหลีใต้ ได้ออกคำสั่งยึดทรัพย์ของบริษัทเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น Nippon Steel & Sumitomo Metal ในประเทศเกาหลี ด้วยการสั่งอายัดหุ้นบริษัท Joint Venture ระหว่าง Nippon Steel & Sumitomo Metal และบริษัทเหล็ก POSCO ของเกาหลีเป็นจำนวนกว่า 80,000 หุ้น นอกจากนี้ ฝ่ายทนายความผู้เป็นตัวแทนของผู้ใช้แรงงานยังพยายามมุ่งเป้าหมายไปยังทรัพย์สินทางปัญญาที่บริษัท Nippon Steel ถิออยู่ในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย
คำสั่งอายัดนี้ เป็นผลมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาเกาหลีใต้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยศาลได้ตัดสินให้ ทางบริษัท Nippon Steel & Sumitomo Metal ของญี่ปุ่น ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ฝ่ายโจทก์ 4 คน คนละประมาณ 90,000 เหรียญสหรํฐ ในข้อหาที่ทางฝ่ายจำเลยได้นำฝ่ายโจทก์ชาวเกาหลีไปใช้แรงงานในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม ทาง Nippon Steel นั้น ได้ปฏิเสธที่จะชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์
หลังจากที่มีคำสั่งยึดทรัพย์ออกมา ทางรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการยื่นคำประท้วงไปยังเกาหลี และวิจารณ์คำตัดสินดังกล่าว ว่า ฝ่ายเกาหลีใต้เอง ไเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง (Extremely Regrettable) และจะหาทางเจรจาหาทางออกกับทางรัฐบาลเกาหลีใต้ต่อไป
สำหรับคนที่พอมีความรู้เกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศมาโดยคร่าวๆ ก็คงจะมองว่า นี่เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เพราะญี่ปุ่นในสมัยยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองนั้น จัดว่าได้กดขี่และก่อกรรมทำเข็ญกับเกาหลีใต้ไว้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลากจักรพรรดินีองค์สุดท้าของเกาหลียออกมาฆ่าหน้าวัง เรื่องของ Comfort Woman และอื่นๆ คำตัดสินนี้ ก็ถือว่าเป็นการให้ “ผู้ร้าย” อย่างญี่ปุ่นได้ชดใช้กรรมให้กับ เหยื่อผู้น่าสงสาร ฝ่ายเกาหลีใต้ นับเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
อย่างไรก็ดี เรื่องราวกลับไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เพราะในข้อพิพาทครั้งนี้ มีตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่ง ก็คือ สนธิสัญญาพื้นฐานว่าด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี ในปี 1965 ซึ่งทางฝั่งญี่ปุ่นมักจะนำมาเป็นข้อต่อสู้อยู่เสมอ ๆ เมื่อมีข้อพิพาทเรียกร้องค่าเสียหายจากญี่ปุ่นโดยฝั่งเกาหลีใต้ แต่สื่อต่างๆ (โดยเฉพาะสื่อไทย) กลับไม่กล่าวรายละเอียด เกี่ยวกับสนธิสัญญาฉบับนี้เท่าที่ควร
เนื่องจากผมเอง เคยศึกษาเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเรื่อง สนธิสัญญาปี 1965 ในสมัยที่กำลังเรียนต่อที่ต่างประเทศ และได้เขียนรายงานสั้นๆเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้ว ผมจึงขอนำเนื้อหาที่ผมเคยศึกษา มาเล่าให้ทุกๆคนไว้เป็นความรู้ครับ
ผมเห็นว่า เมื่อเราพิจารณาเนื้อหาและความเป็นมาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว ประกอบกกับข้อมูต่างๆเกี่ยวกับดราม่าระหว่างประเทศเรื่องนี้แล้ว เราก็จะรู้สึกได้ว่า เรื่องนี้ มีความลับ-ลวง-พรางมากกว่าที่คิด และ “แกะน้อยที่น่าสงสาร” ก็ใช้ว่าจะใสซื่อบริสุทธิ์เสมอไป