[CR] บอกต่อเครื่องสำอางในเซเว่นใช้ดีในราคาประหยัด คุณภาพสูสีกับของแพงวางห้าง??


จนหรอถึงใช้คสอ. ในเซเว่น? แหม ไม่อยากจะบอกว่าของเค้าดีในราคาประหยัดนะจ๊ะแกร

อยู่ๆก็รู้สึกครื้นใจ มองของของตัวเองแล้วก็มีความรู้สึกว่าทำไมชอบซื้อแต่ของเดิมๆ คล้ายๆเดิม ซ้ำๆกันมาอยู่นั่นแหละ ทาแล้วบางทีก็รู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างอะไรมากมายนะ แต่ที่ต่างค่อนข้างจะมากก็คือ ราคาเนี่ยแหละค่ะ55555 วันนี้ก็เลยจับคู่มาประชันกันหน่อย ว่าถ้างบไม่พอ ใจไม่ถึง เราจะพอมีตัวไหนใช้แทนกัน ที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกันเนี่ยมีมั้ยน้า ในราคาประหยัด พร้อมแล้วเดี๋ยวไปเจอกันเลยค๊า


-แป้งพัฟ Laura Mercier และ แป้งพัฟ Babalah-

มวยเอกคู่แรกขออนุญาตเป็นแป้งผสมรองพื้นค่ะ   สองตัวนี้ค่อนข้างที่จะมีความใกล้เคียงกันมากจากการใช้งานเองของเราล้วนๆนะคะรีวิวนี้ ไม่ได้บอกว่าเหมือนกันเด๊ะๆนะ แต่ก็ใช้งานแทนกันได้ในราคาประหยัดค่ะ  ในแง่ของความละเอียด ความนุ่มของเนื้อแป้ง ทาแล้วให้ผิวที่คล้ายกันมาก คือแมททั้งคู่ เป็นแป้งผสมรองพื้นทั้งคู่ โดยที่ในส่วนของ Babalah จะปกปิดได้ค่อนข้างดีมาก ในส่วนของ Laura Mecier จะให้ความบางเบามากกว่า แมทไม่มากเท่าค่ะ ทั้งสองตัวคุมมันได้ค่อนข้างจะใกล้เคียงกันนะ แต่จะมันบริเวณที่ต่างกันค่ะ Laura Mecier จะมันทั่วๆหน้า  Babalah จะมันตรง T zone เท่านั้น แต่ทั้งสองแบรนด์หลังจากนั้นซับมันออกยังมีแป้งติดผิวอยู่ทั้งสองแบรนด์ค่ะไม่ได้หลุดหายออกไปหมด ถือว่าติดทนพอๆกัน

สองตัวนี้ให้งานผิวที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันเลยค่ะ ส่วนตัวรู้สึกว่า Babalah แน่นกว่านะ แต่ก็แล้วแต่คนชอบค่ะ เพราะทางฝั่ง Laura Mecier ก็ปกปิดได้ดีในระดับที่ใกล้เคียงกัน เน้นไปที่งานผิวใสๆสวยซะมากกว่า ผิวหลังจากการทา Finish ออกมาคล้ายกันมาก ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบแบรนด์ไหน แล้วไหวที่ราคาไหนนะคะ ถ้าให้แนะนำคนผิวมันมาก Babalah น่าจะตอบโจทย์กว่าเพราะแมทกว่า แต่ถ้าใครผิวผสมลองไป Laura Mecier ค่ะ แล้วจะไม่ผิดหวังให้งานผิวที่สวยเชียวแหละ หรือจะลองลง Babalah ด้วยแปรงก็ได้นะอันนี้ก็ทำให้บางเบาลุคใสๆได้เหมือนกัน กันน้ำกันเหงื่อได้ทั้งคู่ค่ะ ราวๆ 80 % ขึ้นไป

แพคเกจ ด้วยความที่ Laura Mecier เป็นตลับไซส์ปกติ แน่นอนว่าความแข็งแรงของตลับ ขนาดต่างๆ ออกแบบมาให้จับพอดีมือ แข็งแรง คงทนค่ะ พัฟให้มาถึง 2 แบบเลยด้วย เป็นทั้งพัฟฟองน้ำแล้วพัฟกำมะหยี่ ส่วนทางฝั่ง Babalah ทำออกมาสำหรับการพกพา การเดินทาง หรือมาในขนาดที่ให้ทดลองก่อน ตัวตลับก็จะเล็กค่ะ ตอนใช้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ พัฟจิ๋วไปหน่อย อาจจะหาพัฟอื่นมาใช้แทนค่ะ พัฟเล็กเกินทาแป้งไม่ทั่วหน้าซักทีพอดีเป็นคนหน้าใหญ่ แต่เนื้อดียอมเค้าเถอะ55555


ทั้งสองตัวนี้เอาเป็นว่าถ้าใครชอบผิวแบบไหน มีปัญหาแบบไหน ให้เลือกใช้เอาละกันค่ะ ส่วนตัวชอบทั้งคู่ แต่จะใช้ในช่วงที่ต่างกัน หากช่วงไหนผิวดีไม่มีรอยก็จะใช้  Laura Mecier เพราะให้งานผิวแบบเบาๆ ปกปิดได้นิดหน่อย แต่ถ้ารอยสิว รอยดำบุกมาก็จะใช้ Babalah ค่ะ ผิวแน่นเนืองปกปิดดีเชียวแหละ

----------------------------------------------------------------------


-ลิปสติก The Balm  #Chivalrous และ Sis2Sis Lip #2-

สองตัวนี้คล้ายกันแค่สีค่ะ สีเท่านั้น เนื้อ กลิ่น รูปลักษณ์ไม่ได้มีความคล้ายกันเลย แต่โทนสีใกล้เคียงอยู่เด้อ ราคาต่างกันหลายขุมเลยด้วย ตัวแพงจะเป็นของ The Balm สี #Chivalrious ค่ะ ส่วนของถูกประจำเซเว่นจะเป็นของ Sis2Sis เครื่องสำอางแบบซองที่ออกมาตอบโจทย์สำหรับการเดินทาง สายชอบนอนบ้านคนอื่นไรงี้ ฉุกเฉินก็เข้าไปซื้อแบบสะดวกๆ

สีคล้ายกันมาก โทนเดียวกันเลย เรียกตามประสาชาวบ้านว่าชมพูบานเย็นนั่นแหละ5555 เป็นสีที่ทาแล้วทำให้หน้าสว่าง ริมฝีปากดูโดดเด่นมากขึ้น เนื้อสีของ The Balm จะแมทมาก แมทแทบจะสนิทเลย แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ติดขอบแก้วนะ ก็มีติดมีหลุดออกมาบ้าง แต่โดยรวมคือติดทนค่ะ เป็นชมพูบานเย็นแบบแปร๊นๆเลย ส่วน Sis2Sis เนื้อจะออกจะเป็นทินต์+ครีม ก็จะมีความบางเบา เนื้อครีมมีความชุ่มชื้น ทาแล้วไม่แห้งมากค่ะ ติดทนน้อยแต่อาศัยเติมเอาบ่อยๆไม่ต้องกลัวเปลืองเพราะราคาถูก สีอันนี้จะทาง่ายกว่านิดนึงเพราะมีความแดงๆเบรคสีชมพูไว้ค่ะ แต่สองยี่ห้อนี้สีค่อนข้างจะพอใช้แทนกันได้อยู่นะ

แพคเกจ ของแพงอย่าง The Balm ก็มาเลยจ้า เป็นแท่งจิ้มจุ่มสวยงาม แพคเกจดีมีระดับ แต่นี่ว่าก็ไม่ได้ดูสวยเว่อขนาดนั้นนะ ก็เป็นธรรมดาตามสไตล์ The Balm อ่ะแหละ ส่วนของถูกอย่าง Sis2Sis ก็มาในซองที่ไม่ได้สวยนะนี่ว่า555 ก็ซองง่ะ ซองบางๆ แต่มีหัวจิ้มจุ่มอยู่เด้อ ใช้สะดวกไม่ต้องใช้นิ้วควักบีบอะไรแบบนั้นนะ ถือว่าออกแบบมาเอื้อต่อการใช้งานค่ะ


ในแง่มุมของโทนสีมีความใกล้เคียงในราคาที่ต่างมากค่ะ เราก็เอามาเสนอทางเลือกกันเนอะ เผื่อสาวๆงบน้อย จะอยากมีลิปสีสวยๆได้ลองกัน เนื้ออาจจะไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นข้อดีข้อเสียแล้วแต่ให้เลือกใช้กันดูค่ะ ใครชอบแบบแมทไป The Balm ชอบแบ๊วใสๆ กรุบๆ จะลองเป็น Sis2Sis เราว่าก็น่าสนใจค่ะ

----------------------------------------------------------------------


-เจลล้างหน้า La Roche-Posay และ เจลล้างหน้า Smooth E Baby Face Gel -

ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ดีสำหรับเราคือต้องไม่มีฟองค่ะ เพราะว่าสารสร้างฟองก็ทำร้ายผิวได้เหมือนกันน้า เราเลยเลือกใช้เฉพาะเจลใส แบบไม่มีฟองเท่านั้นค่ะ และสองตัวนี้ก็ตอบโจทย์มากๆ ล้างแล้วหน้าไม่ตึง อ่อนโยน ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ล้างหน้าสะอาดไร้ปัญหาสิวอุดตันค้า

ขอบอกว่าใสไม่มีสีเหมือนกันเด๊ะๆ แต่ทางฝั่ง La Roche-Posay จะมีความเหลวเป็นน้ำมากกว่า ส่วน  Smooth E จะเป็นเจลข้นๆ มีความหนืดนิดหน่อยค่ะ ในเรื่องของกลิ่นเราเองยังสัมผัสได้ว่า La Roche-Posay กลิ่นน้ำหอมแรงอยู่นะ แรงเลยแหละ ใครแพ้ง่ายก็ขอบอกไว้ก่อน  แต่ทางฝั่ง Smooth E จะสัมผัสได้เลยว่าอ่อนโยนดูธรรมชาติกว่าเยอะ ไม่มีฟองเลย กลิ่นก็อ่อนกว่ามากๆ

แพคเกจ ทั้งคู่ก็ไม่ได้สวยงามไปกว่ากันค่ะ ก็ดูเป็นสไตล์ใครสไตล์มัน หลอดบีบ หยิบใช้งานได้สะดวกทั้งคู่


ทั้งสองตัวราคาแตกต่างกัน อันนี้ก็มาจากส่วนประกอบที่ต่างกันนะคะ ทาง La Roche-Posay จะมีส่วนผสมของน้ำแร่ที่พรีเมี่ยมกว่า แต่ทั้งสองแบรนด์ก็ล้างแล้วสะอาดเช่นเดียวกันค่ะ จากสภาพผิวของเราเองไม่ได้สัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจนค่ะ ก็ล้างแล้วสะอาด หน้าลื่นๆ นุ่มๆ ไม่แห้งตึงกันทั้งคู่เลย

----------------------------------------------------------------------


-Innisfree Green Tea Seed Serum และ Best Korea Tea Tree Perfect Anti Acne Serum -

เซรั่มที่กู้ผิวเราได้ดีทั้งคู่และมีความคล้ายกันในเรื่องของส่วนประกอบ เรายกให้สองตัวนี้ค่ะ เป็นของ Innisfree และ Best Korea เอาดีๆ ทาแล้วบำรุงผิวเราได้แทบไม่ต่างกันเลย อาจจะต่างในเรื่องของเนื้อเซรั่ม กลิ่น สี แต่ผลลัพธ์ไม่ต่างอ่ะ เป็นเราเราเลือกของถูกนะอันนี้ แต่ก็จะว่าไป ของแพงส่วนประกอบก็ต้องดีกว่า บำรุงได้ล้ำลึกกว่าแหละ แต่มันก็ค้านๆในใจ เพราะเราทาแล้วก็ไม่ค่อยจะต่าง555555

สองตัวนี้บำรุงผิวได้ดีทั้งคู่ คือเนื้อตอนเกลี่ยแทบจะถอดแบบกันออกมาเลย หลับตาทาคือคล้ายกันเว่อแบบแยกไม่ออก แต่กลิ่นต่างนะจ๊ะ ก็จะเป็นกลิ่นออกแนวๆ สมุนไพรทั้งคู่เลย แต่ในความคล้ายมันก็มีความต่างค่ะทุกโคน คือ Innisfree จะเน้นเรื่องให้ความชุ่มชื้น ต้านอนุมูลอิสระ ปลอบประโลมผิว ส่วนBest Korea จะเน้นเรื่องการลดสิว ลดการอักเสบของผิวต่างๆค่ะ แต่เท่าที่ใช้ทั้งสองตัว เอาจริงๆ ไม่เห็นความแตกต่างชัดเจนอะไรนะคะ ใช้แทนกันได้ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต่างกันเลย5555

แพคเกจ ขวด Innisfree เป็นขวดปั๊มสีเขียวต้นแบบของเซรั่มแบบนี้ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ก๊อปกันเยอะ ก๊อปกันเก่งเชียวแหละ สำหรับนี่นี่ว่าออกแบบมาดูดีใช้งานง่ายค่ะ ในส่วนของ Best Korea ก็มาในซองตามราคาเลยจ้า ซองแบบนี้ก็มีข้อดีนะ พกพาสะดวก หยิบใช้ง่าย แล้วก็ทำให้เนื้อเซรั่มด้านในสดใหม่ด้วยเพราะใช้เวลาไม่นานหมดซองก็ซื้อซองใหม่สะอาดๆมาใช้ได้ใหม่ละ อิอิ


สำหรับในแง่ของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างจะคล้ายกัน การให้ความชุ่มชื้นเราว่าทำได้ดีพอๆกันในราคาที่แตกต่างอย่างชัดเจนค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผิวแต่ละคนด้วยเนอะว่าอยากบำรุงแบบไหน ส่วนตัวเราเองใช้แล้วรู้สึกว่ามันดีทั้งคู่ก็เลยเอามาแนะนำบอกต่อกันจ้า

----------------------------------------------------------------------


-มาส์กโคลน Origins และ มาส์กโคลน Loreal-

แฝดแบบไม่รู้จะพูดยังไง คือเหมือนเป๊ะ เนื้อ กลิ่น คือคล้ายมาก มันมีกลิ่นที่ต่างนะ ออกไปแนวแบบกลิ่นแรงกว่าไรงั้น แต่สัมผัสได้ว่าเค้าคือกลิ่นเดียวกัน เนื้อสีเดียวกัน สัมผัสเดียวกันเด๊ะๆ ข้น หนืด พอๆกันเลย แต่ที่ต่างคือราคาเจ้าค่ะ ก็นะราคาต่างส่วนประกอบที่ใส่มาก็ต่างค่ะ แต่ใช้แล้วผลมันก็คือกันเลยนะสำหรับผิวเรา ชั้นซื้อมาทำไมทั้ง 2 อย่าง แง T_T

แต่ตอนพอกรู้สึกได้นิดหน่อยว่า Loreal จะแห้งไวกว่าเล็กน้อย ไม่รู้คิดไปเองมั้ยนะ55555 มาส์กโคลนแบบนี้ก็ตามสไตล์ค่ะช่วยเรื่องดึงดูดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน ลดสิวเสี้ยน ลดความมันของผิว ข้อดีของทั้งสองตัวนี้ที่รู้สึกได้ชัดเจนเลยก็คือ ถ้าเราล้างก่อนที่โคลนเค้าจะแห้งผากเนี่ย หน้าจะไม่แห้งตึงค่ะ แต่อย่าทิ้งนานจนแห้งน้าแบบนั้นยังไงหน้าก็แห้งแน่นอน เพราะตัวโคลนดูดความชุ่มชื้นที่ใบหน้าไปด้วยค่ะ

แพคเกจ ส่วนตัวชอบของ Origins มากกว่าเพราะว่าเป็นหลอดแบบรู้สึกว่าใช้ง่ายแค่บีบออกมาป้ายๆ ก็เสร็จละ แต่ตัว Loreal บางทีถ้าเราเล็บยาวมันชอบติดซอกเล็บ แต่ก็จำไม่ได้อีกว่าเค้าแถมไม้พายมาให้หรือเปล่า อย่าไปโทษเค้าเลย เอาเป็นว่าเราชอบหลอดบีบๆมากกว่าละกันค่ะ สะดวกเวลาใช้ดี


แนะนำเลยแหละสำหรับใครที่มีปัญหาหน้ามัน สิวเสี้ยนเยอะ หรือรู้สึกว่าช่วงนี้ฝ่ามลภาวะแบบหนักหน่วงเหลือเกิน ก็ลองหามาใช้ซักอาทิตย์ละครั้ง สองครั้งก็พอค่ะ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยู่นะ อันนึงใช้ได้นานหลายเดือนเชียวแหละ บอกเลยว่าคู่นี้ใช้แล้วค่อนข้างจะเหมือนกันเด๊ะ น้ำตาจะไหล ขอแชร์เลยค่ะ5555

----------------------------------------------------------------------
ชื่อสินค้า:   Laura Mercier, Babalah, The Balm, Sis2Sis Lip, La Roche-Posay, Smooth E Baby Face Gel, Innisfree Green Tea Seed Serum, Best Korea Tea Tree Perfect Anti Acne Serum, Origins, Lorea, Biotherm Life Plankton Essence, Ocean Skin Speedy Miracle Deep Ocean Water Essence
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่