ได้ตั๋วฟรีเนื่องในวันครูที่ทางเมเจอร์แจกให้ค่ะ
ก็พอดีกับที่หนังไทยเรื่องนี้เข้าโรงวันแรกพอดี เราไปดูรอบบ่ายสองครึ่ง ที่เมเจอร์สุขุมวิท
มันก็มีหนังหลายเรื่องให้เลือกนะ แต่เราไม่อิน Glass เบื่อการ์ตูนสไปดี้ หนังอินดี้ก็ไม่มีอารมณ์ติสต์พอจะดู
เลยเลือกเรื่อง แช่ง เพราะน่าจะเป็นเรื่องผีเรื่องเดียวที่ช่วยเขย่าประสาทวันเบื่อๆจากการเรียนการสอนบ้าง
ประกอบกับเป็นครูสอนวิชานิเทศ ต้องทำเกี่ยวกับหนัง เลยเลือกดูเพื่อเก็บประสบการณ์หน่อยซิว่า หนังผีไทยทำไปถึงไหนแล้ว
ดูทีเซอร์แล้วน่าสนใจที่คุณเดวิท อัศวนนท์ และ ชินวุฒิ แสดงนี่แหละ
ความนอยที่ 1
หน้าหนังว่าต่ำกว่า 15 เลยทำให้วันนั้นเจอแก็งส์เด็กผู้ชาย อายุก็น่าจะเกิน 15 แต่ไม่น่าเกิน 18 มาดูกันฝูงใหญ่ด้านหน้าเราฝั่งซ้าย
ออกจะแปลกใจว่าเด็กรุ่นนี้น่าจะไปดูพวกสไปดี้หรืออควาแมนนะ ไม่คิดว่าจะเลือกดูหนังไทย
แต่พวกเอ็งไม่ให้เกียรติหนังเล้ย หัวเราะเสียงดังเอิ๊กอ๊ากลั่นโรง ท่าทางโรงเรียนสอนเรื่องมารยาทแล้ว แต่ไม่จำกันเอง (ใครเป็นคนที่เราพาดพิง จะเม้นท์ด่าเราในนี้ก็ได้นะ แต่เราไม่ชอบการกระทำของพวกเอ็งสุดๆ เป็นนักเรียนเรานี่จะเรียกว่าอบรมเรียงตัว)
อารมณ์เราอยากขว้างป็อบคอร์นลงไปกลางดงมาก แต่เสียดายเงิน 200 กว่าบาทค่าป็อบคอร์น ประกอบกับรีบมาจองตั๋ว เลยหิวข้าว ไม่ขว้างดีกว่า
เท่านั้นยังไม่พอ ที่นั่งติดกัน ยังเจอสามสาวจอมขยับตัวหนักหน่วงไปมา ลุกนั่งแบบเขย่าเบาะจนเรายังสะเทือน ทั้งที่ถ้าเป็นเรา ต้องขยับตัวเบาๆ เกรงใจอีกฝ่าย ขยับตัวว่าแย่ ยังเจอคุยงุ้งงิ้งกุ้งกิ้ง เปิดมือถือส่องอีก (เราเจอเปิดมือถือส่องประมาณ 3 คน ถ้าเกิดเจอคนไหนอัดคลิป คงมีได้ตะโกนให้อายแน่)
นี่ถ้าไม่กลัวได้ลงฟาดหัวหน้าหนึ่ง ครูอ้วนสาวปรี๊ดแตกฉะคนดูในโรง คงทำไปแล้ว แต่ไม่กล้าทำ กลัวเป็นข่าว นี่ยังอยู่ในช่วงประเมินอยู่เลย
ผ่านเรื่องนอยแรกไปก่อนล่ะกัน
เริ่มมาเรื่องแรก วิปลาส หนังพูดเรื่องราวน่าจะช่วงยุครัชกาลที่ 5 บาทหลวงคุณเดวิทเข้าไปสืบการตายของเพื่อนบาทหลวงด้วยกันในหมู่บ้านป่าลึก ผ่านแผ่นอัดเสียงเพลง ที่คุณเดวิทฟังครั้งเดียวก็บอกได้ว่าเป็นเสียงปิศาจ อารมณ์เริ่มต้นแบบหนังเอ็กซ์โซซิสเลยทำให้ตื่นเต้น สถานที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านในป่าใหญ่ น่าจะเป็นหมู่บ้านที่ไม่มีวัดพุทธ มีแต่โบสถ์คริสต์ การจำลองฉากอุปกรณ์ประกอบฉากย้อนยุคถือว่าทำได้ดี ความหลอนมาแบบใช้ได้ ตัวผีไม่มี แต่มีอสูรกาย ที่เป็น Key คาแรคเตอร์กุมความลับ มีการหักมุมในตอนจุดไคลแมกซ์ ฉากตีแผ่สันดานมนุษย์ที่ไม่มีใครขาวสะอาดสักคนเดียว (แต่น่าจะยกเว้นบาทหลวง) อิทธิพลเอามาจากการล่าแม่มดของตะวันตก เพราะไหนๆเอาบาทหลวงมาแล้ว ก็ต้องมีกลิ่นฝรั่งเสริมมาด้วย บางฉากไม่สมเหตุผล แต่ยังพอมองเมินได้ ไม่มีฉากแหวะขนาดแบบหนังลองของ ไม่มีความแปลกแหวกแนวอะไรมาก ออกไปในทางสะเทือนใจมากกว่า ถ้าให้คะแนนเรื่องแรกคือ 8/10
เรื่องที่ 2 Tatto
เปิดเรื่องมารวดเร็วไม่เยินเย้อมากและมีปริศนาให้มาสงสัยเลย เฟิร์นเป็นสาวขี้เหงาและแร่ดกับผู้ชายไปทั่วแบบที่ไหนก็ได้ แต่สุดท้ายต้องกลับมาตายรังกับเฟรดดี้ ช่างสักร้านแฟลตเก่าๆ ที่ชั้นสองมีร้านขายของเก่าและลุงแก่ๆที่ดูลึกลับ ที่ชอบคือมีการเอาสิ่งของในเรื่องที่ 1 มาใส่ในเรื่องที่ 2 เหมือนแสดงความเชื่อมโยงกันด้วย...กลับมาที่ความสัมพันธ์ของเฟิร์นและเฟรดดี้ ถ้าดูในทีเซอร์ก็บอกชัดเจนแล้วว่า เฟรดดี้สักลายให้เฟิร์นตรงไหน แล้วเฟิร์นบอกว่าเพื่อนชายของเฟรดดี้ น่าจะชื่อเชษ ที่มาหาที่ร้านเฟรดดี้ คุยทีเล่นทีจริงว่า อยากเห็นรอยสักตรงนั้นของเฟิร์น แต่เฟิร์นบอกว่า ใครเห็นตายหมด ยกเว้นเฟรดดี้คนเดียวที่เป็นคนสัก และแน่นอนว่าคุยเล่นกันขนาดนี้ แถมนิสัยเฟิร์นก็เคยบอกกับเฟรดดี้ว่า ตัวเองทนความเหงาไม่ได้ (อาการคืออยู่กับผู้ชายคนเดียวไม่ได้ ต้องแร่ดไปมีอะไรกับคนอื่นเพื่อชดเชยความเหงานั้น) เดาไม่ยากหรอกว่าเฟิร์นกับเชษจะเป็นไงกันต่อ
ตัวเฟิร์นไม่บอกว่าทำอาชีพอะไร รู้แต่นางต้องมานอนอยู่ห้องเฟรดดี้ที่ใช้เป็นร้านสักเหมือนกัน ก็คือบอกตรงๆว่าเป็นแฟนกัน
แม้แต่ตัวเชษก็ไม่บอกว่าทำอาชีพอะไร นอกจากหลอกสวมเขาให้เพื่อน
เช่นเดิม หนังเรื่องนี้ไม่มีผี แต่มีอสูรกาย และมีปมให้เราสงสัยความผีเข้าผีออกของเฟิร์น ความแหวะในอสูรกายนี่หลอนระดับ 9 จริงๆแค่เห็นภาพเลือนลางจากข้างหลัง หรือเดินลงมาจากบันได แต่เฉลยปมไม่เหนือความคาดหมาย เพราะตัวละครลุงทำให้เราเดาทางถูกแต่ไม่ถึงขั้นพูดซะให้หมดอารมณ์ลุ้น
สรุปความสัมพันธ์ของคนสามคนนี้ เหมือนสะท้อนชีวิตมนุษย์กรุงเทพวัยรุ่นในปัจจุบัน ไม่มีอนาคต หรือมีอนาคตแต่ดูไม่มีความสุข ดูเป็นโทนมืดหม่น ภาพตอนกลางวันไม่มี หรือถ้ามีในตอนแรกมันก็ไม่สว่างไสวเหมือนที่เรื่องแรกยังมีบ้าง เส้นบางๆระหว่างการใช้ร่างกายสิ้นเปลือง VS อิสรภาพที่จะใช้ร่างกายยังไงก็ได้ ใครหวังจะเห็นเลิฟซีนแบบเปลืองเนื้อเปลืองตัวมาก ขอบอกเลยไม่มี มีการแต่ใช้มุมกล้องหลังเบาะบัง กับจูบแลกกันไปมาเท่านั้น
มีการพูดให้ความรู้เรื่องการเล่นของ และลุงเล่นของยังพูดอีกว่า ไม่ควรทำของใส่คน เพราะจะทำให้คนเป็นบ้าได้ ซึ่งมันตรงกับคำเตือนของคนเล่นของสายนี้เตือนไว้ ว่าการทำของใส่คน จะทำให้คนรับเป็นบ้าได้ แต่เป็นบ้ายังไง ขอไม่สัมป่อย
ฉากสะดุ้งตุ้งแช่มีเยอะใช้ได้กำลังดี
เรายังจำภาพติดต่อความโรคจิตได้ดีของชินวุฒิในเรื่อง ทองสุก13 สำหรับเรื่องนี้ลดระดับความโรคจิตมาหน่อย เพราะมันมีอารมณ์ของคนที่เกลียดความแร่ดของคนรัก แต่ก็ขาดเขาไปไม่ได้ ทั้งรักทั้งเกลียด สีหน้าชินยังไม่แสดงออกมาก แต่น้ำเสียงที่นั้นโรคจิตและโหด อาจจะซอฟท์กว่าทองสุก 13 หน่อย
แต่ตอนจบฉากเรื่องนี้ มีหลอนแน่ๆ
ให้คะแนน 8.5/10
ความนอยที่ 2
นอยมาจากตอนเปิดฉากแรกที่มีเลิฟซีนของเฟิร์น (กวาง เดอะเฟส) กับผู้ชายวัยรุ่นในรถแวน คือมันไม่มีฉากถอดเสื้อผ้า แค่ฉากมีอะไรกันบนเบาะรถแบบท่าลิงอุ้มแตง แต่ใช้เบาะบัง แต่เท้าของดิวฟาดบนไหล่ผู้ชายแค่นั้น แต่พวกกลุ่มเด็กคนเดิม คราวนี้ส่งเสียงหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ลั่นโรงเอามากๆ ส่งเสียงแบบไม่เกรงใจอะไรเลยประมาณ 5 นาที จนมีเพื่อนคนนึงคงอายทนไม่ไหว เลยว๊ากประมาณว่า พวกเมิงหยุดได้แล้ว เลยเงียบกันไป
...คือเราด้านชากับฉากนี้นะ มันไม่เห็นจะต้องซี๊ดปากอะไรขนาดนั้น แต่เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ที่ยอมรับว่าผ่านดูอะไรพวกนี้มาบ้าง แต่พวกเด็กเวงนี่มันอะไรกันนักหนา แล้วรู้สึกเหมือนสมเพชว่า เฮ้ย นี่พวกแกสนุกสนานกับการดูฉากเลิฟซีนหรือเนี่ย น่ากลัวอ่ะ เพราะสังคมไทยเมื่อเร็วๆนี้ก็มีข่าวเยาวชนข่มขืนเยาวชน เลยรู้สึกสมเพชว่าเด็กผู้ชายเดี๋ยวนี้เป็นกันขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย นี่ขนาดไม่ใช่ฉากแก้ผ้ากันจะๆนะ (หรือเราจะคิดมากเวอร์เกินเหตุ) แต่ก็ขอบคุณน้องในแก๊งส์ที่ว๊ากห้ามเพื่อนด้วย ถ้าน้องคนนั้นไม่ว๊าก ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้จะหัวเราะคิกคักอะไรขนาดไหน
เรื่องสุดท้าย
คำแช่ง หรือเอาจริงๆเราว่า
เมียแช่ง ดีกว่า
เล่าแบบสั้นๆ คือนักเขียนที่ชื่อซัน ตื่นขึ้นมาหลังจากนอนไป 3 วัน ความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้ แล้วเห็นผีผู้หญิงหลอนติดตาไปทั่ว
ที่เล่าสั้นๆ คือเป็นเรื่องที่นอยสุดๆ บทป่วยมากๆ นักแสดงผู้หญิงที่แคสมา ไม่รู้ใช่กระเทยไหม แต่เสียงนี่เหมือนพวกกระเทยปากจัด ไม่รู้ทำไมให้แคสมาเป็นนางเอก ไม่ได้มีอคติ แต่พอมาเล่นกับพระเอกแล้วกลายเป็นน่ารำคาญ ไหนจะหัวหน้างานที่มาเฉลยอะไรทุกอย่างแบบไม่ต้องลุ้นอะไรอีกจนเฟล เฉลยปมออกมาก็ไม่เมกเซ้นส์ ยัดเรื่องแฟลชแบกย้อนเวลา แถมมีการย้อนมิติไปหาตัวเองในวัยเด็ก แล้วไหนจะยัดตลกเข้ามาอีก อย่างกับมาดูซิทคอม คนหัวเราะกันลั่นโรงจริงๆ แต่สำหรับเราคือนอย เพราะเราตั้งใจมาดูหนังผี สองเรื่องแรกอารมณ์หลอนมาแล้ว แต่เรื่องหลังมันหลอนไปไม่สุด คือไม่รู้จะเอาอารมณ์ไหนกันแน่ ไคลแมกซ์ดราม่า แถมตอนจบมาอารมณ์ feel good อีก ถ้าเป็นเครื่องปรุง คือใส่ลงมาหมด เปรี้ยวหวานมันเค็ม แต่ไม่พอดีสักอย่างสำหรับเรา
ที่นั่งทนดู เพราะอยากรู้ว่าไอ่สิ่งของที่เชื่อมโยงเรื่องที่ 1 กับ 2 มันจะมาในเรื่องที่ 3 ไหม
ปรากฎว่าไม่ เรื่องที่ 3 ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เลยเฟลอีก
แถมพอเพิ่มตัวละครขึ้นมาอีกตัว ไอ่เราก็นึกว่าจะเป็นตัว Key สรุปหายไปดื้อๆ หายไปสองตัวเลยนะ เป็นตัวไหนไปดูกันเอง
ไม่มีอสูรกาย มีแต่ตัวละครหลอน กับตัวละครติ๊งต๊อง เท่านั้น
ถ้ารู้ว่าเรื่องที่ 3 แย่ขนาดนี้ คงลุกออกจากโรงไปแล้ว ค่าตั๋วไม่เสีย แต่เสียดายเวลา กับประสบการณ์แย่ๆที่เจอคนดูไม่มีมารยาทในการดูหนังเกรงใจคนอื่น
แต่ถ้าชอบความตลก จะนั่งดูต่อก็ได้
แต่เราไม่ตลกพอ ให้คะแนน 4/10 ล่ะกัน โทษฐานเอามาทุกมู้ดเกินไป เขียนบทป่วยและเวียนหัว เสียงนางเอกไม่ชวนให้น่าเห็นใจ
ตอนออกจากโรงนี้มีตกใจ เพราะเห็นคนดูน่าจะมีกลุ่มเด็กที่น่าจะอายุต่ำกว่า 15 เข้าไปดู
ตกใจกว่านั้นอีกคือ พ่อเอาลูกเล็ก น่าจะ 3-4 ขวบเข้าไปดูด้วย (ดีนะเด็กไม่ร้องไห้)
สรุปทุกวันนี้ก็ไม่เข้าใจว่า พ่อแม่จะเอาลูกเล็กเข้าไปดูหนังผีทำไม หรือพ่อแม่อยากดู แต่ไม่มีใครเลี้ยงลูก เลยต้องกระเตงเข้าไปด้วย
สรุปรวมให้ 7/10 พอแระ นี่คือหนังผีเกรด A- ยังเทียบเท่ากับลองของไม่ได้ การพูดเรื่องไสยศาสตร์พิธีกรรมมีน้อย
จุดที่ดูน่าจะเชื่อมสามเรื่องนี้กัน น่าจะเป็นเรื่องของคำแช่ง ทั้งจากตัวผู้แช่งที่ถูกกระทำการอย่างไร้ความยุติธรรม และการถูกด่าถูกประจานสาบแช่งจากสังคมยุคเก่าและสังคมแบบโซเซียล (แช่งบนเฟสบุค) ดูเป็นจุดเดียวที่ยังยึด word ของคำว่าหนังได้อยู่
ถ้าชอบความแหวะของอสูรกาย ก็แนะนำให้ดูเรื่องที่ 2 แต่เรื่องแรกก็ให้ความหลอนในป่าลึกดี
แต่ถ้าชอบหมดครบทุกรส ก็นั่งดูจนจบโรงเลยก็ได้จ้า
[SR] แช่ง น่ากลัวไม่แหวะ แต่ไปไม่สุด แถมนอยเรื่องสุดท้าย (แถมเจอเด็กเล็กเข้าไปดูอีกต่างหาก) 7/10 พอแระ
ก็พอดีกับที่หนังไทยเรื่องนี้เข้าโรงวันแรกพอดี เราไปดูรอบบ่ายสองครึ่ง ที่เมเจอร์สุขุมวิท
มันก็มีหนังหลายเรื่องให้เลือกนะ แต่เราไม่อิน Glass เบื่อการ์ตูนสไปดี้ หนังอินดี้ก็ไม่มีอารมณ์ติสต์พอจะดู
เลยเลือกเรื่อง แช่ง เพราะน่าจะเป็นเรื่องผีเรื่องเดียวที่ช่วยเขย่าประสาทวันเบื่อๆจากการเรียนการสอนบ้าง
ประกอบกับเป็นครูสอนวิชานิเทศ ต้องทำเกี่ยวกับหนัง เลยเลือกดูเพื่อเก็บประสบการณ์หน่อยซิว่า หนังผีไทยทำไปถึงไหนแล้ว
ดูทีเซอร์แล้วน่าสนใจที่คุณเดวิท อัศวนนท์ และ ชินวุฒิ แสดงนี่แหละ
ความนอยที่ 1
หน้าหนังว่าต่ำกว่า 15 เลยทำให้วันนั้นเจอแก็งส์เด็กผู้ชาย อายุก็น่าจะเกิน 15 แต่ไม่น่าเกิน 18 มาดูกันฝูงใหญ่ด้านหน้าเราฝั่งซ้าย
ออกจะแปลกใจว่าเด็กรุ่นนี้น่าจะไปดูพวกสไปดี้หรืออควาแมนนะ ไม่คิดว่าจะเลือกดูหนังไทย
แต่พวกเอ็งไม่ให้เกียรติหนังเล้ย หัวเราะเสียงดังเอิ๊กอ๊ากลั่นโรง ท่าทางโรงเรียนสอนเรื่องมารยาทแล้ว แต่ไม่จำกันเอง (ใครเป็นคนที่เราพาดพิง จะเม้นท์ด่าเราในนี้ก็ได้นะ แต่เราไม่ชอบการกระทำของพวกเอ็งสุดๆ เป็นนักเรียนเรานี่จะเรียกว่าอบรมเรียงตัว)
อารมณ์เราอยากขว้างป็อบคอร์นลงไปกลางดงมาก แต่เสียดายเงิน 200 กว่าบาทค่าป็อบคอร์น ประกอบกับรีบมาจองตั๋ว เลยหิวข้าว ไม่ขว้างดีกว่า
เท่านั้นยังไม่พอ ที่นั่งติดกัน ยังเจอสามสาวจอมขยับตัวหนักหน่วงไปมา ลุกนั่งแบบเขย่าเบาะจนเรายังสะเทือน ทั้งที่ถ้าเป็นเรา ต้องขยับตัวเบาๆ เกรงใจอีกฝ่าย ขยับตัวว่าแย่ ยังเจอคุยงุ้งงิ้งกุ้งกิ้ง เปิดมือถือส่องอีก (เราเจอเปิดมือถือส่องประมาณ 3 คน ถ้าเกิดเจอคนไหนอัดคลิป คงมีได้ตะโกนให้อายแน่)
นี่ถ้าไม่กลัวได้ลงฟาดหัวหน้าหนึ่ง ครูอ้วนสาวปรี๊ดแตกฉะคนดูในโรง คงทำไปแล้ว แต่ไม่กล้าทำ กลัวเป็นข่าว นี่ยังอยู่ในช่วงประเมินอยู่เลย
ผ่านเรื่องนอยแรกไปก่อนล่ะกัน
เริ่มมาเรื่องแรก วิปลาส หนังพูดเรื่องราวน่าจะช่วงยุครัชกาลที่ 5 บาทหลวงคุณเดวิทเข้าไปสืบการตายของเพื่อนบาทหลวงด้วยกันในหมู่บ้านป่าลึก ผ่านแผ่นอัดเสียงเพลง ที่คุณเดวิทฟังครั้งเดียวก็บอกได้ว่าเป็นเสียงปิศาจ อารมณ์เริ่มต้นแบบหนังเอ็กซ์โซซิสเลยทำให้ตื่นเต้น สถานที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านในป่าใหญ่ น่าจะเป็นหมู่บ้านที่ไม่มีวัดพุทธ มีแต่โบสถ์คริสต์ การจำลองฉากอุปกรณ์ประกอบฉากย้อนยุคถือว่าทำได้ดี ความหลอนมาแบบใช้ได้ ตัวผีไม่มี แต่มีอสูรกาย ที่เป็น Key คาแรคเตอร์กุมความลับ มีการหักมุมในตอนจุดไคลแมกซ์ ฉากตีแผ่สันดานมนุษย์ที่ไม่มีใครขาวสะอาดสักคนเดียว (แต่น่าจะยกเว้นบาทหลวง) อิทธิพลเอามาจากการล่าแม่มดของตะวันตก เพราะไหนๆเอาบาทหลวงมาแล้ว ก็ต้องมีกลิ่นฝรั่งเสริมมาด้วย บางฉากไม่สมเหตุผล แต่ยังพอมองเมินได้ ไม่มีฉากแหวะขนาดแบบหนังลองของ ไม่มีความแปลกแหวกแนวอะไรมาก ออกไปในทางสะเทือนใจมากกว่า ถ้าให้คะแนนเรื่องแรกคือ 8/10
เรื่องที่ 2 Tatto
เปิดเรื่องมารวดเร็วไม่เยินเย้อมากและมีปริศนาให้มาสงสัยเลย เฟิร์นเป็นสาวขี้เหงาและแร่ดกับผู้ชายไปทั่วแบบที่ไหนก็ได้ แต่สุดท้ายต้องกลับมาตายรังกับเฟรดดี้ ช่างสักร้านแฟลตเก่าๆ ที่ชั้นสองมีร้านขายของเก่าและลุงแก่ๆที่ดูลึกลับ ที่ชอบคือมีการเอาสิ่งของในเรื่องที่ 1 มาใส่ในเรื่องที่ 2 เหมือนแสดงความเชื่อมโยงกันด้วย...กลับมาที่ความสัมพันธ์ของเฟิร์นและเฟรดดี้ ถ้าดูในทีเซอร์ก็บอกชัดเจนแล้วว่า เฟรดดี้สักลายให้เฟิร์นตรงไหน แล้วเฟิร์นบอกว่าเพื่อนชายของเฟรดดี้ น่าจะชื่อเชษ ที่มาหาที่ร้านเฟรดดี้ คุยทีเล่นทีจริงว่า อยากเห็นรอยสักตรงนั้นของเฟิร์น แต่เฟิร์นบอกว่า ใครเห็นตายหมด ยกเว้นเฟรดดี้คนเดียวที่เป็นคนสัก และแน่นอนว่าคุยเล่นกันขนาดนี้ แถมนิสัยเฟิร์นก็เคยบอกกับเฟรดดี้ว่า ตัวเองทนความเหงาไม่ได้ (อาการคืออยู่กับผู้ชายคนเดียวไม่ได้ ต้องแร่ดไปมีอะไรกับคนอื่นเพื่อชดเชยความเหงานั้น) เดาไม่ยากหรอกว่าเฟิร์นกับเชษจะเป็นไงกันต่อ
ตัวเฟิร์นไม่บอกว่าทำอาชีพอะไร รู้แต่นางต้องมานอนอยู่ห้องเฟรดดี้ที่ใช้เป็นร้านสักเหมือนกัน ก็คือบอกตรงๆว่าเป็นแฟนกัน
แม้แต่ตัวเชษก็ไม่บอกว่าทำอาชีพอะไร นอกจากหลอกสวมเขาให้เพื่อน
เช่นเดิม หนังเรื่องนี้ไม่มีผี แต่มีอสูรกาย และมีปมให้เราสงสัยความผีเข้าผีออกของเฟิร์น ความแหวะในอสูรกายนี่หลอนระดับ 9 จริงๆแค่เห็นภาพเลือนลางจากข้างหลัง หรือเดินลงมาจากบันได แต่เฉลยปมไม่เหนือความคาดหมาย เพราะตัวละครลุงทำให้เราเดาทางถูกแต่ไม่ถึงขั้นพูดซะให้หมดอารมณ์ลุ้น
สรุปความสัมพันธ์ของคนสามคนนี้ เหมือนสะท้อนชีวิตมนุษย์กรุงเทพวัยรุ่นในปัจจุบัน ไม่มีอนาคต หรือมีอนาคตแต่ดูไม่มีความสุข ดูเป็นโทนมืดหม่น ภาพตอนกลางวันไม่มี หรือถ้ามีในตอนแรกมันก็ไม่สว่างไสวเหมือนที่เรื่องแรกยังมีบ้าง เส้นบางๆระหว่างการใช้ร่างกายสิ้นเปลือง VS อิสรภาพที่จะใช้ร่างกายยังไงก็ได้ ใครหวังจะเห็นเลิฟซีนแบบเปลืองเนื้อเปลืองตัวมาก ขอบอกเลยไม่มี มีการแต่ใช้มุมกล้องหลังเบาะบัง กับจูบแลกกันไปมาเท่านั้น
มีการพูดให้ความรู้เรื่องการเล่นของ และลุงเล่นของยังพูดอีกว่า ไม่ควรทำของใส่คน เพราะจะทำให้คนเป็นบ้าได้ ซึ่งมันตรงกับคำเตือนของคนเล่นของสายนี้เตือนไว้ ว่าการทำของใส่คน จะทำให้คนรับเป็นบ้าได้ แต่เป็นบ้ายังไง ขอไม่สัมป่อย
ฉากสะดุ้งตุ้งแช่มีเยอะใช้ได้กำลังดี
เรายังจำภาพติดต่อความโรคจิตได้ดีของชินวุฒิในเรื่อง ทองสุก13 สำหรับเรื่องนี้ลดระดับความโรคจิตมาหน่อย เพราะมันมีอารมณ์ของคนที่เกลียดความแร่ดของคนรัก แต่ก็ขาดเขาไปไม่ได้ ทั้งรักทั้งเกลียด สีหน้าชินยังไม่แสดงออกมาก แต่น้ำเสียงที่นั้นโรคจิตและโหด อาจจะซอฟท์กว่าทองสุก 13 หน่อย
แต่ตอนจบฉากเรื่องนี้ มีหลอนแน่ๆ
ให้คะแนน 8.5/10
ความนอยที่ 2
นอยมาจากตอนเปิดฉากแรกที่มีเลิฟซีนของเฟิร์น (กวาง เดอะเฟส) กับผู้ชายวัยรุ่นในรถแวน คือมันไม่มีฉากถอดเสื้อผ้า แค่ฉากมีอะไรกันบนเบาะรถแบบท่าลิงอุ้มแตง แต่ใช้เบาะบัง แต่เท้าของดิวฟาดบนไหล่ผู้ชายแค่นั้น แต่พวกกลุ่มเด็กคนเดิม คราวนี้ส่งเสียงหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ลั่นโรงเอามากๆ ส่งเสียงแบบไม่เกรงใจอะไรเลยประมาณ 5 นาที จนมีเพื่อนคนนึงคงอายทนไม่ไหว เลยว๊ากประมาณว่า พวกเมิงหยุดได้แล้ว เลยเงียบกันไป
...คือเราด้านชากับฉากนี้นะ มันไม่เห็นจะต้องซี๊ดปากอะไรขนาดนั้น แต่เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ที่ยอมรับว่าผ่านดูอะไรพวกนี้มาบ้าง แต่พวกเด็กเวงนี่มันอะไรกันนักหนา แล้วรู้สึกเหมือนสมเพชว่า เฮ้ย นี่พวกแกสนุกสนานกับการดูฉากเลิฟซีนหรือเนี่ย น่ากลัวอ่ะ เพราะสังคมไทยเมื่อเร็วๆนี้ก็มีข่าวเยาวชนข่มขืนเยาวชน เลยรู้สึกสมเพชว่าเด็กผู้ชายเดี๋ยวนี้เป็นกันขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย นี่ขนาดไม่ใช่ฉากแก้ผ้ากันจะๆนะ (หรือเราจะคิดมากเวอร์เกินเหตุ) แต่ก็ขอบคุณน้องในแก๊งส์ที่ว๊ากห้ามเพื่อนด้วย ถ้าน้องคนนั้นไม่ว๊าก ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้จะหัวเราะคิกคักอะไรขนาดไหน
เรื่องสุดท้าย คำแช่ง หรือเอาจริงๆเราว่า เมียแช่ง ดีกว่า
เล่าแบบสั้นๆ คือนักเขียนที่ชื่อซัน ตื่นขึ้นมาหลังจากนอนไป 3 วัน ความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้ แล้วเห็นผีผู้หญิงหลอนติดตาไปทั่ว
ที่เล่าสั้นๆ คือเป็นเรื่องที่นอยสุดๆ บทป่วยมากๆ นักแสดงผู้หญิงที่แคสมา ไม่รู้ใช่กระเทยไหม แต่เสียงนี่เหมือนพวกกระเทยปากจัด ไม่รู้ทำไมให้แคสมาเป็นนางเอก ไม่ได้มีอคติ แต่พอมาเล่นกับพระเอกแล้วกลายเป็นน่ารำคาญ ไหนจะหัวหน้างานที่มาเฉลยอะไรทุกอย่างแบบไม่ต้องลุ้นอะไรอีกจนเฟล เฉลยปมออกมาก็ไม่เมกเซ้นส์ ยัดเรื่องแฟลชแบกย้อนเวลา แถมมีการย้อนมิติไปหาตัวเองในวัยเด็ก แล้วไหนจะยัดตลกเข้ามาอีก อย่างกับมาดูซิทคอม คนหัวเราะกันลั่นโรงจริงๆ แต่สำหรับเราคือนอย เพราะเราตั้งใจมาดูหนังผี สองเรื่องแรกอารมณ์หลอนมาแล้ว แต่เรื่องหลังมันหลอนไปไม่สุด คือไม่รู้จะเอาอารมณ์ไหนกันแน่ ไคลแมกซ์ดราม่า แถมตอนจบมาอารมณ์ feel good อีก ถ้าเป็นเครื่องปรุง คือใส่ลงมาหมด เปรี้ยวหวานมันเค็ม แต่ไม่พอดีสักอย่างสำหรับเรา
ที่นั่งทนดู เพราะอยากรู้ว่าไอ่สิ่งของที่เชื่อมโยงเรื่องที่ 1 กับ 2 มันจะมาในเรื่องที่ 3 ไหม
ปรากฎว่าไม่ เรื่องที่ 3 ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เลยเฟลอีก
แถมพอเพิ่มตัวละครขึ้นมาอีกตัว ไอ่เราก็นึกว่าจะเป็นตัว Key สรุปหายไปดื้อๆ หายไปสองตัวเลยนะ เป็นตัวไหนไปดูกันเอง
ไม่มีอสูรกาย มีแต่ตัวละครหลอน กับตัวละครติ๊งต๊อง เท่านั้น
ถ้ารู้ว่าเรื่องที่ 3 แย่ขนาดนี้ คงลุกออกจากโรงไปแล้ว ค่าตั๋วไม่เสีย แต่เสียดายเวลา กับประสบการณ์แย่ๆที่เจอคนดูไม่มีมารยาทในการดูหนังเกรงใจคนอื่น
แต่ถ้าชอบความตลก จะนั่งดูต่อก็ได้
แต่เราไม่ตลกพอ ให้คะแนน 4/10 ล่ะกัน โทษฐานเอามาทุกมู้ดเกินไป เขียนบทป่วยและเวียนหัว เสียงนางเอกไม่ชวนให้น่าเห็นใจ
ตอนออกจากโรงนี้มีตกใจ เพราะเห็นคนดูน่าจะมีกลุ่มเด็กที่น่าจะอายุต่ำกว่า 15 เข้าไปดู
ตกใจกว่านั้นอีกคือ พ่อเอาลูกเล็ก น่าจะ 3-4 ขวบเข้าไปดูด้วย (ดีนะเด็กไม่ร้องไห้)
สรุปทุกวันนี้ก็ไม่เข้าใจว่า พ่อแม่จะเอาลูกเล็กเข้าไปดูหนังผีทำไม หรือพ่อแม่อยากดู แต่ไม่มีใครเลี้ยงลูก เลยต้องกระเตงเข้าไปด้วย
สรุปรวมให้ 7/10 พอแระ นี่คือหนังผีเกรด A- ยังเทียบเท่ากับลองของไม่ได้ การพูดเรื่องไสยศาสตร์พิธีกรรมมีน้อย
จุดที่ดูน่าจะเชื่อมสามเรื่องนี้กัน น่าจะเป็นเรื่องของคำแช่ง ทั้งจากตัวผู้แช่งที่ถูกกระทำการอย่างไร้ความยุติธรรม และการถูกด่าถูกประจานสาบแช่งจากสังคมยุคเก่าและสังคมแบบโซเซียล (แช่งบนเฟสบุค) ดูเป็นจุดเดียวที่ยังยึด word ของคำว่าหนังได้อยู่
ถ้าชอบความแหวะของอสูรกาย ก็แนะนำให้ดูเรื่องที่ 2 แต่เรื่องแรกก็ให้ความหลอนในป่าลึกดี
แต่ถ้าชอบหมดครบทุกรส ก็นั่งดูจนจบโรงเลยก็ได้จ้า
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม