สวัสดีค่ะ ทุกคน เรามีเรื่องไม่ชอบใจอยากแชร์ให้ทุกท่านได้รับทราบ เกี่ยวกับอู่ซ่อมรถนะคะ สืบเนื่องมาจากเราเป็นผู้หญิง เวลาไปซ่อมรถกับอู่ที่ไม่รู้จัก บางทีก็ทำให้เกิดโกงกันได้ง่าย ๆ อย่างครั้งนี้เราไปเข้าอู่ที่มีช่างประจำแนะนำไปแท้ ๆ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์สำหรับตัวเองค่ะ ทั้งที่จริงรู้สึกเครียดมากค่ะ
ขอเล่าเลยละกันนะคะ
ครั้งนี้เอารถไปซ่อมช่วงล่างค่ะ เนื่องจากมีเสียงดังเวลาขึ้นลงลูกระนาด เวลาเลี้ยวแล้วก็มีเสียงเอี๊ยด ๆ ดังที่ล้อตลอดเวลา เราศึกษาช้อมูลทางอินเทอร์เน็ตว่าเป็นที่เบรคค่ะ แต่คิดว่าให้ช่างเช็คดูหากต้องเปลี่ยนโช้คหรือช่วงล่างด้วยก็โอเค รถเราเป็นรถฮอนด้า ปี 96 นะคะ เปลี่ยนโช้คไปล่าสุดคือประมาณ 10 ปีที่แล้ว เราก็คิดว่าคงถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ รวมทั้งช่วงล่างด้วย
ไปถึงบอกอาการช่าง ช่างชี้ให้ดูเลยว่าเป็นที่เบรคหลัง จะให้เปลี่ยนเบรค 4 ล้อ โดยที่ยังไม่ได้ถอดล้อมาเช็ค (คือเราเพิ่งเปลี่ยนเบรคหน้ามาอ่ะค่ะ เราก็เลยบอกว่าเบรคหน้าด้วยเหรอ ช่างบอกว่าใช่ เราก็เลยบอกว่าเพิ่งเปลี่ยนมาเองนะ ช่างก็ทำหน้า ฮื้ม แบบสงสัยแล้วก็ไปถอดล้อออกมาเช็คแล้วไม่พูดอะไร พอเราถามว่าเปลี่ยนมาแล้วใช่ไหมก็ไม่ตอบค่ะ ) แล้วก็ทักว่าช่วงล่างหลวมหมดแล้ว ให้ยกปีกนกทั้งชุด ฯลฯ พวกลูกยางต่าง ๆ ให้เรารอสรุปราคา สักพัก ก็มีเจ้าของอู่ถือโทรศัพท์มา มีรายการอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนอยู่ในมือถือ ว่ารายการไหน ราคาเท่าไหร่ ก็มีเปลี่ยนปีกนกยกชุด ลูกหมาก โช้ค 4 ต้น ลูกหมากแร็ค ลูกหมากคันชักนอก สกรูกันโคลง ยางกันโคลงหน้า ยางหุ้มแร็ค ฟองน้ำกันกระแทกหน้า หลัง ใช้อะไหล่ของ 555 และให้เราไปดูที่รถด้วยว่าตัวไหนที่จะเปลี่ยน แจ้งว่าปีกนก จริง ๆ ซ่อมได้ แต่เนื่องจากรถเราผ่านการซ่อมมาแล้วครั้งนึงและช่างได้เชื่อมไปแล้ว ทำให้ต้องเปลี่ยนยกชุด อันนี้ดูราคาก็พอรับได้ ก็โอเค แต่ช่างไม่ได้รวมราคาสุดท้ายไว้ให้ค่ะ บอกให้รอรวมราคา ซึ่งรอนานมากค่ะ กับแค่บวกราคา ก็ไม่รู้ทำไม จนเราต้องไปเร่งว่ารออะไร สักพักเจ้าของอู่คนเดิมก็ถือกระดาษแผ่นนึงมาแจ้งราคารวม เราก็ถามว่าโช้คเช็คแล้วหรือว่าต้องเปลี่ยน เขาบอกเช็คโดยการกดแล้วไม่เด้ง แล้ววัดค่าออกมาแล้วว่าเสื่อม เราก็ขำ โช้คมันวัดค่าเสื่อมได้ด้วยเหรอ เค้าก็บอกว่าวัดเป็นค่าตัวเลขได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าเขาต้องการให้เปลี่ยน ถึงแม้จะไม่ได้เช็คก็ตามแล้วเราตั้งใจจะเปลี่ยนอยู่แล้ว เพราะอย่างว่ามัน 10 ปีแล้ว ส่วนรายการเบรคทางอู่ได้ตัดออกไปค่ะ ทั้ง4 ล้อเลยค่ะ บอกว่าซ่อมเอาได้ ทั้งที่ตอนแรกบอกให้เปลี่ยนเบรค 4 ล้อโดยไม่ได้เช็คอะไรเลย ก็คิดดูค่ะ ว่าถ้าโอเคไปแล้ว ช่างมาตรวจพบว่าเบรคหน้ายังหนาอยู่เขาก็คงเปลี่ยนหรืออาจจะไม่ได้เปลี่ยนแต่คิดราคาไปแล้วก็เป็นได้
และต่อไปนี้คือวิธีหากินของอู่นี้ค่ะ เราก็เพิ่งมาคิดได้ทีหลัง คือคิดช้า นั่นคือพอเสนอราคามา เราตกลงทำไปแล้ว ซักพักเดินมาบอก ขอโทษนะคะเมื่อสักครู่แจ้งรายการตกไป คือแจ้งราคาเฉพาะช่วงหน้า ช่วงหลังมีต้องเปลี่ยนบุชคานหลังอีก 12 ตัว ตัวละ 300 บาท เราก็เออออไป คือไม่ทันคิด แต่เนื่องจากช่างทำงานช้ามาก (จากที่อยู่ดูคือ มีคนทำ 4-5 คน แต่มาทำรถเราแค่ 2 คนแล้วทำแบบทำ ๆ พัก ๆ ) ช่วงที่รอนานเราก็นั่งคิดว่า เพิ่มอีก 3600 บาท เลยเหรอ ลูกยางอะไรจะแพงขนาดนั้น ก็เลยลองเช็คราคาดูค่ะ ปรากฎว่ามียางตัวเล็กกับใหญ่นะคะ ตัวใหญ่ราคา 100 บาท ตัวเล็ก ก็ 50 บาท เท่านั้น สรุปว่า 12 ตัว ราคาไม่ควรเกิน 1000 บาท เราก็เลยไปแย้งทางอู่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปถึงไหนแล้วนะ เขาก็บอกว่า เขาคิดค่าแรงเอามาถัวเฉลี่ยเข้าไปในค่าอะไหล่ นั่นแสดงว่าค่าแรงเพิ่มขึ้นมากอีก 2600 บาท เลยเหรอ ซึ่งตอนแรกที่แจ้งราคามาก็มีคิดค่าแรงไปแล้ว อู่อ้างว่านั่นเป็นค่าแรงช่วงหน้า ก็โอเค แต่ช่วงหลังค่าแรงเพิ่มอีก 2600 บาทเลยเหรอ แพงกว่าค่าแรงช่วงหน้าที่รายการมากมายอีก เหมือนกับมัดมือชกให้เราตกลงเพราะรื้อทำไปแล้ว หลังจากนั้นยังมีมาแจ้งรายการเพิ่มมาอีกค่า คือ เบ้าโช้ค 4 ข้างอันละ 500 บาท รวม 2000 บาท ซึ่งราคาอะไหล่ก็แพงเกินปกติอีก เพราะเราเช็คได้ว่า อันละ 350-400 บาท เท่านั้น เราถามว่านี่ก็รวมค่าแรงมาด้วยเเปล่า เขาบอกว่าเปล่า เขาอ้างว่าอะไหล่มีหลายยี่ห้อ (แต่ก็ไม่เห็นพูดให้ชัดเจนว่าคุณใช้ยี่ห้ออะไร) เพราะที่เราเช็คมาเป็นราคาของอะไหล่รถรุ่นนี้โดยเฉพาะ พอเห็นเราเริ่มโวยวายอู่ก็บอกว่านี่สุดท้ายแล้วไม่มีรายการเพิ่มแล้ว
จากเหตุการณ์นี้เรามองว่า อู่จงใจไม่แจ้งราคาที่แท้จริงให้เราก่อนลงมือทำ แต่ใช้วิธีแจ้งราคาไม่หมด (รวมทั้งค่าแรงด้วยที่คิดทั้งหมดแล้วประมาณ 3000 กว่า บาท เฉพาะค่าแรงนะคะซึ่งแพงมาก) เพื่อดูท่าทีว่าเรารับได้หรือไม่ โดยทำให้ดูไม่แพง ซึ่งจริง ๆ เราว่ามันแพงแต่แรกแล้ว แต่ก็พอรับได้ แล้วค่อยมาอ้างว่าแจ้งราคาตกไปเพื่อเพิ่มราคาส่วนที่แจ้งไม่หมด อันนี้คือวิธีการหากินของเขาค่ะ อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้ว จะไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่างนะคะ โดยเฉพาะช่างจะพูดติดตลกกับเราว่า ไม่รู้อะไรเลย ขับอย่างเดียว? เราขับรถคันนี้มานาน มีประวัติการซ่อมเก็บไว้ตลอด รวมทั้งราคา แต่อู่นี้มาเล่นมัดมือชกแบบนี้ ซึ่งเราก็รู้ ณ ตอนที่มาแจ้งรายการเพิ่มแล้วล่ะ แต่จะยกเลิกก็ต้องเสียค่าประกอบกลับอีก มันยิ่งทำให้เสียเวลาไปหาอู่อื่นทำ ประกอบกับเราไม่รู้จักอู่ไหนเลย และอีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่าเค้าทำอะไรกับรถเราไปแล้วบ้าง จะยกเลิกก็อาจจะโดนตุกติกนั่นนี่อยู่ดี (ขอนอกเรื่องนิด เรานึกถึงตอนที่เคยไปยืดผมแล้วขอช่างดูน้ำยาว่าเป็นยี่ห้อชิเซโด้ตรงตามที่ตกลงกันหรือไม่ ช่างบ่ายเบี่ยง จนสุดท้ายยอมบอกความจริงว่าใช้น้ำยายืดเป็นของเกาหลี แต่ใช้สเปรย์ฉีดผมที่เป็นตัวกันความร้อนเป็นชิเซโด้ พอรู้ปุ๊บขอยกเลิกทันทีเพราะไม่คุ้มหัวพัง โดนคิดค่าสระไดร์แบบราคาสูงสุดของร้านค่ะ แต่ตอนนั้นก็ต้องยอมเป็นหัวเรา แล้วถ้าทำต่อต้องใช้เวลาอีก 3-4 ชม. ซึ่งถึงทำไปผมก็อยู่ไม่ทน ไม่คุ้มเสียเวลา มันอารมณ์นี้เลย)
เราก็เห็นมีลูกค้าเข้าอู่เรื่อย ๆ นะ ก็ไม่รู้ทำไมต้องใช้วิธีนี้ อีกอย่างนะคะ เราเริ่มไม่แน่ใจว่ารายการที่อู่ใส่มา มีการเปลี่ยนทุกรายการจริงหรือไม่ นี่เราก็พลาดอีกที่ไม่ได้ออกไปเช็คดูทุกรายการตอนอะไหล่มาส่ง โดยเฉพาะลูกยาง 12 ตัวที่อ้างว่าเพิ่มทีหลังกับตัวเบ้าโช้คนี่ ไม่มั่นใจมากว่ามีการเปลี่ยนจริงหรือเปล่า เพราะถ้ามันไม่ขาดช่างก็คงไม่เปลี่ยน ทำไมต้องแจ้งยกชุด
ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ค่ะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ถ้าทำแบบนี้ก็คงจบกันแค่ครั้งนี้ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน อยากมาแชร์เผื่อผู้หญิงที่จะไปซ่อมรถค่ะ เราคิดว่าเอารถเข้าศูนย์เพื่อเช็คก่อนดีกว่านะคะ เสีย 500 บาท ยังดีกว่าไปให้อู่ฟันมันจะเสียแพงกว่านั้นค่ะ แล้วค่อยมาเช็คราคารายการที่ศูนย์แจ้งว่าต้องเปลี่ยนกับร้านข้างนอกกับศูนย์ว่าควรทำที่ไหน แล้วก็โทรสั่งร้านอะไหล่มาส่งของให้ดีกว่าไปให้อู่ซื้อให้ แบบนี้จะชัวร์กว่านะคะ ส่วนพวกรายการที่ต้องเปลี่ยนประจำ พวกน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง น้ำมันเกียร์ น้ำยาหม้อน้ำ ฯลฯ ให้ศูนย์เปลี่ยนบางทีถูกกว่าอู่ข้างนอกค่ะ อย่างน้ำมันเครื่องเขาคิดเป็นลิตรที่เติม ไม่ได้เหมาทั้งถัง เพราะเอามาก็ไม่ได้ใช้ต่ออยู่ดี
วิธีการหากินของอู่ซ่อมรถ
ขอเล่าเลยละกันนะคะ
ครั้งนี้เอารถไปซ่อมช่วงล่างค่ะ เนื่องจากมีเสียงดังเวลาขึ้นลงลูกระนาด เวลาเลี้ยวแล้วก็มีเสียงเอี๊ยด ๆ ดังที่ล้อตลอดเวลา เราศึกษาช้อมูลทางอินเทอร์เน็ตว่าเป็นที่เบรคค่ะ แต่คิดว่าให้ช่างเช็คดูหากต้องเปลี่ยนโช้คหรือช่วงล่างด้วยก็โอเค รถเราเป็นรถฮอนด้า ปี 96 นะคะ เปลี่ยนโช้คไปล่าสุดคือประมาณ 10 ปีที่แล้ว เราก็คิดว่าคงถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ รวมทั้งช่วงล่างด้วย
ไปถึงบอกอาการช่าง ช่างชี้ให้ดูเลยว่าเป็นที่เบรคหลัง จะให้เปลี่ยนเบรค 4 ล้อ โดยที่ยังไม่ได้ถอดล้อมาเช็ค (คือเราเพิ่งเปลี่ยนเบรคหน้ามาอ่ะค่ะ เราก็เลยบอกว่าเบรคหน้าด้วยเหรอ ช่างบอกว่าใช่ เราก็เลยบอกว่าเพิ่งเปลี่ยนมาเองนะ ช่างก็ทำหน้า ฮื้ม แบบสงสัยแล้วก็ไปถอดล้อออกมาเช็คแล้วไม่พูดอะไร พอเราถามว่าเปลี่ยนมาแล้วใช่ไหมก็ไม่ตอบค่ะ ) แล้วก็ทักว่าช่วงล่างหลวมหมดแล้ว ให้ยกปีกนกทั้งชุด ฯลฯ พวกลูกยางต่าง ๆ ให้เรารอสรุปราคา สักพัก ก็มีเจ้าของอู่ถือโทรศัพท์มา มีรายการอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนอยู่ในมือถือ ว่ารายการไหน ราคาเท่าไหร่ ก็มีเปลี่ยนปีกนกยกชุด ลูกหมาก โช้ค 4 ต้น ลูกหมากแร็ค ลูกหมากคันชักนอก สกรูกันโคลง ยางกันโคลงหน้า ยางหุ้มแร็ค ฟองน้ำกันกระแทกหน้า หลัง ใช้อะไหล่ของ 555 และให้เราไปดูที่รถด้วยว่าตัวไหนที่จะเปลี่ยน แจ้งว่าปีกนก จริง ๆ ซ่อมได้ แต่เนื่องจากรถเราผ่านการซ่อมมาแล้วครั้งนึงและช่างได้เชื่อมไปแล้ว ทำให้ต้องเปลี่ยนยกชุด อันนี้ดูราคาก็พอรับได้ ก็โอเค แต่ช่างไม่ได้รวมราคาสุดท้ายไว้ให้ค่ะ บอกให้รอรวมราคา ซึ่งรอนานมากค่ะ กับแค่บวกราคา ก็ไม่รู้ทำไม จนเราต้องไปเร่งว่ารออะไร สักพักเจ้าของอู่คนเดิมก็ถือกระดาษแผ่นนึงมาแจ้งราคารวม เราก็ถามว่าโช้คเช็คแล้วหรือว่าต้องเปลี่ยน เขาบอกเช็คโดยการกดแล้วไม่เด้ง แล้ววัดค่าออกมาแล้วว่าเสื่อม เราก็ขำ โช้คมันวัดค่าเสื่อมได้ด้วยเหรอ เค้าก็บอกว่าวัดเป็นค่าตัวเลขได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าเขาต้องการให้เปลี่ยน ถึงแม้จะไม่ได้เช็คก็ตามแล้วเราตั้งใจจะเปลี่ยนอยู่แล้ว เพราะอย่างว่ามัน 10 ปีแล้ว ส่วนรายการเบรคทางอู่ได้ตัดออกไปค่ะ ทั้ง4 ล้อเลยค่ะ บอกว่าซ่อมเอาได้ ทั้งที่ตอนแรกบอกให้เปลี่ยนเบรค 4 ล้อโดยไม่ได้เช็คอะไรเลย ก็คิดดูค่ะ ว่าถ้าโอเคไปแล้ว ช่างมาตรวจพบว่าเบรคหน้ายังหนาอยู่เขาก็คงเปลี่ยนหรืออาจจะไม่ได้เปลี่ยนแต่คิดราคาไปแล้วก็เป็นได้
และต่อไปนี้คือวิธีหากินของอู่นี้ค่ะ เราก็เพิ่งมาคิดได้ทีหลัง คือคิดช้า นั่นคือพอเสนอราคามา เราตกลงทำไปแล้ว ซักพักเดินมาบอก ขอโทษนะคะเมื่อสักครู่แจ้งรายการตกไป คือแจ้งราคาเฉพาะช่วงหน้า ช่วงหลังมีต้องเปลี่ยนบุชคานหลังอีก 12 ตัว ตัวละ 300 บาท เราก็เออออไป คือไม่ทันคิด แต่เนื่องจากช่างทำงานช้ามาก (จากที่อยู่ดูคือ มีคนทำ 4-5 คน แต่มาทำรถเราแค่ 2 คนแล้วทำแบบทำ ๆ พัก ๆ ) ช่วงที่รอนานเราก็นั่งคิดว่า เพิ่มอีก 3600 บาท เลยเหรอ ลูกยางอะไรจะแพงขนาดนั้น ก็เลยลองเช็คราคาดูค่ะ ปรากฎว่ามียางตัวเล็กกับใหญ่นะคะ ตัวใหญ่ราคา 100 บาท ตัวเล็ก ก็ 50 บาท เท่านั้น สรุปว่า 12 ตัว ราคาไม่ควรเกิน 1000 บาท เราก็เลยไปแย้งทางอู่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปถึงไหนแล้วนะ เขาก็บอกว่า เขาคิดค่าแรงเอามาถัวเฉลี่ยเข้าไปในค่าอะไหล่ นั่นแสดงว่าค่าแรงเพิ่มขึ้นมากอีก 2600 บาท เลยเหรอ ซึ่งตอนแรกที่แจ้งราคามาก็มีคิดค่าแรงไปแล้ว อู่อ้างว่านั่นเป็นค่าแรงช่วงหน้า ก็โอเค แต่ช่วงหลังค่าแรงเพิ่มอีก 2600 บาทเลยเหรอ แพงกว่าค่าแรงช่วงหน้าที่รายการมากมายอีก เหมือนกับมัดมือชกให้เราตกลงเพราะรื้อทำไปแล้ว หลังจากนั้นยังมีมาแจ้งรายการเพิ่มมาอีกค่า คือ เบ้าโช้ค 4 ข้างอันละ 500 บาท รวม 2000 บาท ซึ่งราคาอะไหล่ก็แพงเกินปกติอีก เพราะเราเช็คได้ว่า อันละ 350-400 บาท เท่านั้น เราถามว่านี่ก็รวมค่าแรงมาด้วยเเปล่า เขาบอกว่าเปล่า เขาอ้างว่าอะไหล่มีหลายยี่ห้อ (แต่ก็ไม่เห็นพูดให้ชัดเจนว่าคุณใช้ยี่ห้ออะไร) เพราะที่เราเช็คมาเป็นราคาของอะไหล่รถรุ่นนี้โดยเฉพาะ พอเห็นเราเริ่มโวยวายอู่ก็บอกว่านี่สุดท้ายแล้วไม่มีรายการเพิ่มแล้ว
จากเหตุการณ์นี้เรามองว่า อู่จงใจไม่แจ้งราคาที่แท้จริงให้เราก่อนลงมือทำ แต่ใช้วิธีแจ้งราคาไม่หมด (รวมทั้งค่าแรงด้วยที่คิดทั้งหมดแล้วประมาณ 3000 กว่า บาท เฉพาะค่าแรงนะคะซึ่งแพงมาก) เพื่อดูท่าทีว่าเรารับได้หรือไม่ โดยทำให้ดูไม่แพง ซึ่งจริง ๆ เราว่ามันแพงแต่แรกแล้ว แต่ก็พอรับได้ แล้วค่อยมาอ้างว่าแจ้งราคาตกไปเพื่อเพิ่มราคาส่วนที่แจ้งไม่หมด อันนี้คือวิธีการหากินของเขาค่ะ อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้ว จะไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่างนะคะ โดยเฉพาะช่างจะพูดติดตลกกับเราว่า ไม่รู้อะไรเลย ขับอย่างเดียว? เราขับรถคันนี้มานาน มีประวัติการซ่อมเก็บไว้ตลอด รวมทั้งราคา แต่อู่นี้มาเล่นมัดมือชกแบบนี้ ซึ่งเราก็รู้ ณ ตอนที่มาแจ้งรายการเพิ่มแล้วล่ะ แต่จะยกเลิกก็ต้องเสียค่าประกอบกลับอีก มันยิ่งทำให้เสียเวลาไปหาอู่อื่นทำ ประกอบกับเราไม่รู้จักอู่ไหนเลย และอีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่าเค้าทำอะไรกับรถเราไปแล้วบ้าง จะยกเลิกก็อาจจะโดนตุกติกนั่นนี่อยู่ดี (ขอนอกเรื่องนิด เรานึกถึงตอนที่เคยไปยืดผมแล้วขอช่างดูน้ำยาว่าเป็นยี่ห้อชิเซโด้ตรงตามที่ตกลงกันหรือไม่ ช่างบ่ายเบี่ยง จนสุดท้ายยอมบอกความจริงว่าใช้น้ำยายืดเป็นของเกาหลี แต่ใช้สเปรย์ฉีดผมที่เป็นตัวกันความร้อนเป็นชิเซโด้ พอรู้ปุ๊บขอยกเลิกทันทีเพราะไม่คุ้มหัวพัง โดนคิดค่าสระไดร์แบบราคาสูงสุดของร้านค่ะ แต่ตอนนั้นก็ต้องยอมเป็นหัวเรา แล้วถ้าทำต่อต้องใช้เวลาอีก 3-4 ชม. ซึ่งถึงทำไปผมก็อยู่ไม่ทน ไม่คุ้มเสียเวลา มันอารมณ์นี้เลย)
เราก็เห็นมีลูกค้าเข้าอู่เรื่อย ๆ นะ ก็ไม่รู้ทำไมต้องใช้วิธีนี้ อีกอย่างนะคะ เราเริ่มไม่แน่ใจว่ารายการที่อู่ใส่มา มีการเปลี่ยนทุกรายการจริงหรือไม่ นี่เราก็พลาดอีกที่ไม่ได้ออกไปเช็คดูทุกรายการตอนอะไหล่มาส่ง โดยเฉพาะลูกยาง 12 ตัวที่อ้างว่าเพิ่มทีหลังกับตัวเบ้าโช้คนี่ ไม่มั่นใจมากว่ามีการเปลี่ยนจริงหรือเปล่า เพราะถ้ามันไม่ขาดช่างก็คงไม่เปลี่ยน ทำไมต้องแจ้งยกชุด
ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ค่ะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ถ้าทำแบบนี้ก็คงจบกันแค่ครั้งนี้ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน อยากมาแชร์เผื่อผู้หญิงที่จะไปซ่อมรถค่ะ เราคิดว่าเอารถเข้าศูนย์เพื่อเช็คก่อนดีกว่านะคะ เสีย 500 บาท ยังดีกว่าไปให้อู่ฟันมันจะเสียแพงกว่านั้นค่ะ แล้วค่อยมาเช็คราคารายการที่ศูนย์แจ้งว่าต้องเปลี่ยนกับร้านข้างนอกกับศูนย์ว่าควรทำที่ไหน แล้วก็โทรสั่งร้านอะไหล่มาส่งของให้ดีกว่าไปให้อู่ซื้อให้ แบบนี้จะชัวร์กว่านะคะ ส่วนพวกรายการที่ต้องเปลี่ยนประจำ พวกน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง น้ำมันเกียร์ น้ำยาหม้อน้ำ ฯลฯ ให้ศูนย์เปลี่ยนบางทีถูกกว่าอู่ข้างนอกค่ะ อย่างน้ำมันเครื่องเขาคิดเป็นลิตรที่เติม ไม่ได้เหมาทั้งถัง เพราะเอามาก็ไม่ได้ใช้ต่ออยู่ดี