[SR] Kawasaki Z400 อร่อยจริงเหรอ !!!

Z400 อร่อยจริงเหรอ !!!


ครั้งหนึ่งเคยได้นั่งคุยทิศทางการสร้างรถกับทีมงานของคาวาซากิ ในเรื่องของความต้องการปรับตัวรถสไตล์สายเขียว ให้เข้าถึงคนขับขี่มากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการผลิกโฉมคาแร็คเตอร์ของตัวรถที่เคยดุดัน กระโชกโฮกฮากของความเป็นรถคาวาซากิไปเลย มันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากและยังไม่รู้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะถูกใจสาวกสายเขียวจริงหรือเปล่า กระทั่งรถโมเดลแรกที่เดินตามความฝันในการเปลี่ยนแปลง KAWASAKI Ninja 650 ที่ผลลัพธ์คือเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง ช่วงล่างยวบยาบ จากการปรับรถเขาหาคนขี่ แต่ทว่าไม่รู้ไปเอาต้นแบบผู้ขับขี่มาจากไหน  จนกระทั่งรถเจน 2 ได้ออกมาสู่ตลาด คราวนี้ผลลัพธ์แตกต่างอย่างชัดเจน KAWASAKI NINJA 400 รถที่ได้ทำการปรับโครงสร้างใหม่หมดตั้งแต่ตัวเฟรมหิ้วเครื่อง ที่มีแท่นเครื่องยึดเกาะแนวตั้งอยู่กลางรถ เรียกว่าได้ผลทั้งเรื่องการลดน้ำหนัก และบาลานซ์น้ำหนักได้ดีทีเดียว เครื่องยนต์เพิ่มความจุจากที่เคยขายอยู่ 300 cc มาเป็น 399 CC ใส่ความนุ่มนวลด้วยชุด assist slipper clutch พร้อมทั้งปรับเกลี่ยย่านรอบเครื่องใช้งานให้ลงตัวตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ซึ่งแต่เดิมมันคือจุดเด่นของคาวาซากิอยู่แล้ว แต่ของเดิมเวลาออกตัวมันจะค่อนข้างควบคุมยากเหมือนม้าดีดกระโหลกไปเสียหน่อย  ในส่วนช่วงล่างเองก็เปลี่ยนจากอะไรที่มันเคยกระด้าง ก็ทำให้มันนิ่มนวลลง ทว่ามันกลับเป็นผลร้ายเมื่อเวลาที่เราต้องเอารถเดิมไปทดสอบแบบหนักๆในสนามแข่ง ช่วงล่างเดิมเลยไม่ค่อยจะตอบโจทย์ตรงนี้สักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าตัวโช้คอัพหลังจะสามารถปรับความแข็งของสปริงได้ก็ตาม  แต่องค์ประกอบโดยรวมก็ถือว่าเป็นการจูนเข้าหาคนขี่ได้กึ่งหนึ่ง และเริ่มตอบโจทย์ที่คาวาซากิตั้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้น !!!!


สุดท้ายเมื่อโฉมสปอร์ตอย่าง NINJA 400 ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมมาแล้ว ก็ถึงคราวที่จะต้องมาถอดแฟริ่งประกอบแฮนด์เดิลบาร์เข้าไปใหม่ เพื่อสร้างคู่หูสไตล์เน็คเก็ตไบค์ มันจึงกลายมาเป็น KAWASAKI Z400 ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา  จากรูปโฉมที่เห็นแว็ปแรกทางอินเตอร์เน็ต แอดถึงกับร้อง เจ๊ยกกก เพราะว่าดีไซน์ในรูปมัน โอ้ย......... ไม่ถูกใจเอาเสียเลยพับผ่าซิ  แต่พอตัวจริงมาถึงบ้านเรา เอ้ย มันสวยนะ ตั้งแต่ตัวโคมไฟหน้าที่ยังรักษาดวงตาคู่อันเป็นเอกลักษ์ของ Z Series เอาไว้ได้ เสริมความทันสมัยด้วยหลอด LED ที่จัดวางไว้อย่างสวยงาม  ช่วงของแผงบังหม้อน้ำ มันดูดีมีความพิถีพิถันในการออกแบบมาหน่อย ไม่ได้แค่หาอะไรมาแปะๆเอาไว้แก้ขัด ส่วนของตัวถังและช่วงท้ายอันนี้ยกจาก Ninja 400 มาทั้งยวง ซึ่งคือดีแล้วที่ไม่ไปออกแบบมันใหม่นะ หน้าปัดเรือนไมล์อันนี้ถอดแบบ Z650 มาเลย ซึ่งส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบไอ้ระบบดิจิตอล ที่แสดงผลคล้ายเข็มวัดรอบอนาล็อกตัวนี้สักเท่าไหร่ เพราะตอนกลางวันมันดูยาก แอะหรือแอดแก่แล้วหว่า !!!!
ตัวเครื่องยนต์เองก็อย่างที่บอก ยกมาจาก Ninja 400 ไม่ได้มีแยกรุ่นเหมือนตอนขาย 250 300 cc แล้ว เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 399 cc มีชุด assist slipper clutch ตัดกับเกียร์ 6 สปีด และขับเคลื่อนด้วยชุดโซ่สเตอร์



หลังจากที่ได้ลงทำการทดสอบในสนามมอเตอร์สปอร์ตปาร์ค สุวรรณ์ภูมิ รอบเช้าพื้นแทร็ กนั้นค่อนข้างจะลื่นสักหน่อยเพราะมีหมอกลงหนาจัด ทำให้การเปิดคันเร่งหลักๆมีอาการท้ายสไลด์ออกเล็กน้อย เราเลยเปลี่ยนโหมด (ตัวเอง) การขับขี่มาเป็นตั้งรถตรงและเลี้ยวแคบกว่าเดิม ผลคือตัวรถเองมีท่านั่งที่กำลังดี ไม่ได้หลังตรงขายืดสบายเหมือนกับรถทัวร์ริ่งทั่วไป มันยังคงมีท่านั่งกลิ่นอายความเป็นสปอร์ตอยู่ และแฮนด์เดิลบาร์เองก็ไม่ได้ยกสูงมากหรือก้มต่ำจนเกินไป เรียกว่านั่งสบายควบคุมง่าย องศาการเลี้ยวในมุมแคบทำได้ดีกว่าตัวรถแบบสปอร์ตอย่างชัดเจน  ที่ยอดเยี่ยมคือการบาลานซ์น้ำหนักหน้ารถและหลังรถทำได้ดีทีเดียว จนกระทั่งรอบบ่ายแดดจัดพื้นแทร็กเหมาะสมกับการทดสอบเราจึงได้หวดกันเต็มๆอีกครั้ง คราวนี้ขยับรอบเครื่องขึ้นมาที่  8-9000 RPM ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้สนามไม่ยาวมาก เกียร์ที่ใช้จึงสุดอยู่ที่ เกียร์ 4 แต่ทว่าในความที่สนามมันสั้นจึงทำให้เราต้องใช้เบรกค่อนข่างบ่อยเมื่อยกคันเร่งเข้าโค้งลึกๆ ระบบ ABS ไม่ได้ทำงาน แต่เรารู้ว่ามันมี ที่ประทับใจคือขนาดของปั๊มเบรกลูกบนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าตัว 300 และมีรูปทรงคล้ายกับรุ่นพี่ 650 มันทำงานได้นุ่มมือดี ทำให้มั่นใจที่จะใช้เบรกเข็มๆก่อนทิ้งตัวเข้าโค้ง



โดยรวมแล้วถือว่า KAWASAKI ทำรถออกมาได้ตอบโจทย์ทั้งตนเอง และลูกค้าได้ดีพอสมควร อัตราเร่งที่ไม่กระชาก แต่มีให้ใช้ตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ถือว่าทำได้ดี ส่วนรถรุ่นนี้แหมาะสมกับใครนั้น บอกได้ยาก เพราะหากคุณต้องการรถเริ่มต้นเข้าสู่ความเป็นบิ๊คไบค์คันแรก รถรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดี หรือสำหรับคนที่มีรถหลายคัน อยากได้รถเอาไว้ใช้งานมันส์ๆในเมืองอีกคัน อันนี้ก็ตอบโจทย์อยู่ หรือสุดท้ายเลยอยากได้รถ 2 บุคลิกที่สามารถขี่ใช้งานสบายๆได้ด้วย ไม่ต้องก้มเยอะ และสามารถเอามาร่วมกิจกรรมในสนามแข่งได้ด้วย อันนี้ก็ตอบโจทย์อีกนั้นแหละ กับราคาค่าตัว 186,000 บาท และ 195,000 บาทในรุ่น SE ที่มาพร้อมของแต่ง บังไมล์หน้า อกล่าง กันลอยถังน้ำมัน กันล้มข้างเครื่อง และ ครอบท้าย Racing สำหรับใครที่สนใจก็ไปลองชมตัวจริง และทดสอบได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถ KAWASAKI ใกล้บ้านได้เลย อย่าเชื่อผมทั้งหมดเพราะรถคุณ คุณต้องลองด้วยตัวเอง !!!




บทความจากเพจ It My Ride และมุมมองของผมหลังจบการทดสอบ ขอคุณที่แวะเข้ามาชมครับ สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่

https://www.facebook.com/Itmyride/
ชื่อสินค้า:   Kawasaki Z400
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่