เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นในเกมถุงมือนักเขียน
ผู้เขียนได้นำมาปรับแก้ไขและเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยค่ะ
นักฆ่ารับจ้าง
ผมชื่ออ้วน รังสิมันต์ และมีอีกชื่อหนึ่งว่าล็อคจอร์ ซึ่งเป็นชื่อในซุ้มมือปืน ชื่อนี้มีไว้สำหรับติดต่อรับงานกับผู้ว่าจ้างเท่านั้น
ผมฆ่าคนมาแล้วห้าราย สามรายแรกเป็นพวกผัวน้อยเมียน้อยที่โดนสั่งเก็บ ผมละไม่เข้าใจไอ้คนพวกนี้เหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าเขา หรือ เธอ มีผัวมีเมียอยู่แล้วยังคิดเข้าไปยุ่ง จนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง คนเรานี่ก็แปลกได้เป็นชู้ผัวเมียคนอื่นมันมีความสุขนักหรือไง ยังไงผมก็ไม่เข้าใจ
แล้วไอ้คนพวกนี้ก็สรรหาคำเลิศหรู สวยงาม มาใช้เป็นข้ออ้าง อย่างคำว่า “รัก” ฟังแล้วอยากจะอ้วกใส่หน้าพวกมันจริงๆ
พวกแกจะรักกัน โดยไม่มีคำว่าผิดศีลธรรม รักกันโดยอยู่เหนือกิเลสตัณหาไม่ได้เชียวหรือ พวกแกรักกันยังไง ถึงทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ลูกๆทนทุกข์ทรมานกับคำว่ารักของพวกแก
ผมตั้งคำถามมายมากกับไอ้คนพวกนี้ ก่อนจะลั่นไกปืนเจาะทะลุกะโหลก เขา หรือ เธอ แล้วปล่อยให้คำถามจมหายไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเหยื่อ
สองรายถัดมา โดนสั่งเก็บเพราะแย่งมรดกกันระหว่างญาติพี่น้อง มรดกราวพันล้าน มันก็น่าแย่งอยู่หรอกนะ ผมเรียกเงินจากคนจ้างรายละสี่แสนบาท
ปกติแล้วจะเรียกจากคนจ้างรายละแสนเท่านั้น แต่ระดับพันล้าน ก็ต้องเรียกให้สูงหน่อย เพราะไม่ง่ายเลย ที่จะวางแผนฆ่าคนรวย
และต้องแสร้งทำให้เหมือนว่ามันเป็นการตายโดยอุบัติเหตุ และเหมือนซาตานจะเข้าข้างคนทำชั่วอย่างผมจนออกนอกหน้า
เพราะเหยื่อสองรายที่ต้องฆ่า กำลังนั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน ผมแค่ทำอะไรสักอย่างให้ดูเหมือนว่ารถคันนี้เกิดอุบัติเหตุ...วางแผน...ลงมือ...แล้วรถก็ระเบิดตูมตามบนถนน ส่งเหยื่อไปพบมัจจุราชได้อีกสองราย ปิดงานฆ่าได้อย่างหมดจดสวยงาม
และงานใหม่ล่าสุดของผม คือการฆ่านักร้องชื่อดัง ผู้ได้ฉายาว่าเสียงร้องแห่งเทพเจ้า
รายนี้ผู้ว่าจ้างให้เงินค่าจ้างหนึ่งล้านบาท วู้...เป็นค่าจ้างที่สูงที่สุดเท่าที่ผมเคยได้มา ยังไงก็ต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ
พรุ่งนี้แล้วสินะ...นักร้องฉายาเสียงร้องแห่งเทพเจ้าจะได้ไปพบเทพเจ้าของเธอ ฮึฮึ
เหยื่อรายนี้ผมไม่รู้ว่าทำไม คนจ้างถึงต้องการฆ่าเธอ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ที่ต้องถาม เมื่อคนจ้างไม่เอ่ยปากบอก ส่วนรายต้นๆที่ผมเล่าให้ฟัง ผู้จ้างล้วนเป็นคนบอกเองทั้งนั้น
คงอยากให้นักฆ่าอย่างผมรับรู้ถึงความเคียดแค้นที่ตนมีต่อเหยื่อสินะ ใครจะไปสนความแค้นของเมิง กูสนแต่เงินโว้ย....ฮะฮ้า
คนว่าจ้างฆ่านักร้องสาวรายนี้ แตกต่างจากทุกคน แม้ผมจะมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของคนว่าจ้างก็เถอะ เพราะมีผ้าม่านกั้นเราสองคนไว้
แต่ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความสงบนิ่ง สุขุมและดูไม่เหมือนคนที่มีอะไรแค้นเคืองกับนักร้องสาวเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมถึงอยากให้เธอตายล่ะ
ข้อนี้ผมยังสงสัย แต่คิดไปก็หนักกระบาล ไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก ผมสนแต่เงินค่าจ้างหนึ่งล้านบาทเท่านั้น
ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ ผมเฝ้าติดตามดูเธอออกงานแสดงคอนเสิร์ต ถ่ายแบบโฆษณา และทุกครั้งผู้จัดการของเธอจะมาส่งเธอที่คอนโด แล้วกลับออกไป
เธอเป็นบุคคลสาธารณะ ทำให้การวางแผนฆ่าในที่โล่งไม่อาจทำได้โดยง่าย ทางเดียวที่จะสามารถฆ่าเธอได้ โดยไม่มีใครเห็น คือ ต้องฆ่าเธอที่คอนโดในห้องพักของเธอ
พรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นปี เธอมีงานร้องเพลงเค้าท์ดาวน์สองเวที คาดว่าน่าจะกลับมาที่คอนโดราวๆตีหนึ่งตีสอง
ก่อนเริ่มแผนสังหาร ผมต้องงัดรถผู้จัดการนักร้องสาว แล้วขโมยเอาคีย์การ์ดคอนโดที่นักร้องสาวพักอยู่ มาเก็บไว้ที่ตนซะก่อน
จะเข้าไปในคอนโดหรูทั้งที จำต้องแต่งตัวให้ดูดีสักหน่อย ผมลงทุนซื้อชุดสูทเพื่อทำงานนี้ ไม่สวมกางเกงยีนส์ขาดกับเสื้อเชิ้ตมอซอในภารกิจสังหารเหยื่อรายนี้เด็ดขาด ใส่สูทเวลาเดินเข้ามาในคอนโดจะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตของใคร
แผนการสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เพราะตอนนี้ ผมได้เข้ามาอยู่ในห้องนักร้องเสียงแห่งเทพเจ้าเป็นเรียบร้อยแล้ว
และทำได้เพียงรอเธอ...ใช่...แค่รอ...รอเธอกลับมา
หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาหน่อย เดินสำรวจห้องนานๆชักเมื่อยขา สายตาไม่หยุดนิ่งหรอก ห้องหรูหราสวยงามขนาดนี้ คงไม่มีวาสนาได้เป็นเจ้าของ อย่างน้อยก็ขอเก็บบันทึกไว้ในหัวก็พอ
โอ้..ไวน์ขาว ไวน์แดงชั้นเลิศ วางเรียงเป็นแถวบนชั้นไม้ น่าจะลองชิมดูสักหน่อย ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะกลับมา เพิ่งห้าทุ่มเอง ยังไม่นับถอยหลังกันด้วยซ้ำ
จะถึงปีใหม่ทั้งที ผมก็อยากฉลองบ้าง ใครจะอยากมาฆ่าคนข้ามปี ถ้าไม่เพราะเงินหนึ่งล้านนะ ป่านนี้ผมคงนอนเปลือยกายเบียดเสียดกับสาวสวยสักสองสามคนบนเตียงนุ่มๆแล้วเปลี่ยนกันสำรวจร่างกายของกันและกัน ก่อนจะพากันขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ...ฮะฮ้า
วู้..แค่คิด..เลือดในกายผมก็สูบฉีด รู้สึกสยิวกาย ต้องดับกระหายด้วยไวน์พวกนี้ซะแล้ว งานนี้ต้องลองชิมให้หมดทุกขวด
แก้วพร้อม ไวน์พร้อม.....กระดกมันเข้าปาก....ว้าว!..ไวน์ชั้นเลิศมันรสชาติดีอย่างนี้นี่เอง อีกสักแก้ว และขอเปิดขวดใหม่ลิ้มลองรสชาติหน่อย
ไวน์หมดไปสามขวดแล้ว....เสียงพลุดังสนั่นหวั่นไหว เสียงผู้คนโห่ร้อง กรี๊ดร้องปรบมือ แว่วผ่านเข้ามาในโสตประสาท
ผมเดินไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างเพื่อดูพลุบนท้องฟ้า โอ้...สวยงามจริงๆ
“สวัสดีปีใหม่โว้ย คืนนี้กูอยู่คนเดียว” ตะโกนสวัสดีปีใหม่คนเดียวก็ได้ใครสนพวกเมิง
เดินกลับมานั่งที่โซฟา แล้ววางแก้วไวน์ไว้บนโต๊ะ ร่างกายของผมชักนั่งไม่ค่อยจะตรง
หลังทำท่าจะทิ้งราบลงบนโซฟา....ก็ต้านไม่อยู่นะสิ..โธ่เว้ย.....ครอก!
หากเป็นนก ฉันจะโผบิน
แต่ได้ยิน เธอนั้นหลายใจ
ฉันคงบินไปไม่ไหว..ปีกหัก..ทันใดเพราะเธอ
หากเป็นนก ฉันคงเหลิงลม
สิ่งที่ชมคือความพร่ำเพ้อ
ความรัก ชักนำพบเจอ กลับเห็นเธอนั้นมีคู่ใจ...
เสียงเพลงบ้าๆข้างบนนั้นทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา และพบว่าตนนอนอยู่บนโซฟาในห้องนักร้องสาวเสียงเทพเจ้า หนำซ้ำบนตัวยังมีผ้าห่มอีกด้วย นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกันนี่
พรวดพราดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ใครจะไม่ตกใจก็ช่างหัวมัน
“ตื่นแล้วหรือคะ รับกาแฟหรือจะรับอะไรดีคะ”
น้ำเสียงใสราวระฆังเงิน ดึงผมให้หันไปมอง และได้เห็นเธอ นักร้องสาวฉายาเสียงแห่งเทพเจ้า เจ้าหล่อนยืนส่งยิ้มแฉ่งมาให้
ปืน..ปืนอยู่ไหน นั่นมันเหยื่อที่ผมต้องฆ่า จะมายืนถือแก้วกาแฟ ยิ้มหน้าระรื่นแบบนี้ได้ไง นรกชัดๆ เธอต้องตายวันนี้ และตอนนี้
เจอแล้วปืนที่พกมาเพื่อฆ่าเธอ ผมลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหาเธอ เล็งปืนไปที่หัวใจ พร้อมแล้วที่จะปลิดชีพเหยื่อรายนี้
“เต..ส่งคุณมาฆ่าฉันหรือคะ คุณเป็นมือปืนรายที่สามแล้วค่ะที่เตส่งมา”
เรื่องอะไรจะอยากเสวนากับหล่อน ใครเต..เตไหน จะไปรู้ชื่อคนที่จ้างมาฆ่าหรือไง พูดมากเดี๋ยวยิงไส้แตกซะเลย
“อย่าเพิ่งยิงฉันนะคะ ก่อนที่คุณจะยิงฉัน ฉันต้องบอกความจริงอะไรบ้างอย่างกับคุณก่อนค่ะ คุณยินดีจะฟังไหมคะ”
ไม่ยินดีก็บ้าแล้ว แค่เสียงพูดของเจ้าหล่อนก็ไพเราะ เกินจะกล้าตอบปฏิเสธ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ฉายานักร้องเสียงแห่งเทพเจ้า
ผมแค่พยักหน้าเป็นคำตอบว่ายินดีที่จะฟัง นักร้องสาวจึงเดินมานั่งบนโซฟาแล้ววางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ
“คุณคงพอรู้มาแล้วว่าฉันได้ฉายาว่านักร้องเสียงแห่งเทพเจ้า และนั่นอาจเป็นเรื่องจริง อืมม์...ฉันเป็นนางฟ้าค่ะ ถูกส่งมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคนบนโลก เรา ฉันหมายถึงเหล่าเทพทั้งหลาย ไม่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์เพื่อช่วยเหลือคนได้เท่าที่ควร การจะทำอะไรบางอย่างล้วนมีข้อจำกัดเสมอ เชื่อเถอะค่ะ
การเป็นนักร้อง เป็นบุคคลที่เด็กเยาวชนชื่นชอบ ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถเข้าหาทุกๆคนบนโลกได้รวดเร็ว ทั่วถึงในโลกยุคนี้
ฉันทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้เยาวชนได้เห็น พาพวกเขาร่วมทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม ต่อโลก เยาวชนหลายคนทำตามและยึดฉันเป็นแบบอย่าง ถือว่าเป็นสิ่งที่ประสบผลสำเร็จในขั้นแรกกับการลงมาช่วยเหลือผู้คนบนโลก
ส่วนเตอยากให้ฉันตาย เพราะเตเป็นซาตานค่ะ เขาคอยขัดขวางคนที่จะทำความดีอยู่เสมอ เตไม่เคยหยุดที่จะทำร้ายคนดี เช่นเดียวกับที่ไม่เคยหยุดส่งเสริมคนทำชั่ว เตทำอย่างนี้เสมอ เขาทำมาตลอดชั่วชีวิตของเขา เขาทำอย่างอื่นไม่เป็นหรอกค่ะนอกจากฝักใฝ่ในความชั่วร้าย คุณตกเป็นเครื่องมือของเขา คุณสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีกว่านี้ เพียงคุณกล้าพอ กล้าที่จะเปิดใจ”
“พูดพล่ามอะไรของเธอ กลัวตายจนเพี้ยนบอกว่าตัวเองเป็นนางฟ้า เชื่อก็โง่แล้ว”
ปืนถูกยกขึ้นเล็งไปที่เธออีกครั้ง
“คุณไม่เชื่อฉัน ฉันจะไม่หนีไปไหน จะยืนให้คุณยิง แต่ก่อนที่คุณจะยิง ฉันก็อยากพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง”
เจ้าหล่อนลุกขึ้นยืน ผมก็ต้องขยับปลายกระบอกปืนตามสิ หากหล่อนคิดตุกติกจะหนีละก็ น้องสาวคนสวยเอ๋ยได้ไปพบเทพเจ้าแน่ๆ พี่ล็อคจอร์คนนี้ไม่ปรานีหรอกนะ พี่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเอง ไม่ปล่อยให้เหยื่อที่ต้องสังหารรอดชีวิตไปได้ง่ายๆหรอก แต่ขอดูหน่อยสิ จะพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นนางฟ้ายังไง
นักร้องสาวส่งยิ้มมา และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นก็เกิดขึ้น
ปีกสีขาวเปล่งประกายระยิบระยับ แผ่สยายออกมาจากแผ่นหลังหญิงสาว มันค่อยๆเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น โอ้...เป็นปีกนางฟ้าที่สวยงามมาก ผมยืนตะลึง อึ้ง จนเกือบเผลอปล่อยปืนหลุดมือ
เธอโบกสะบัดปีกไปมา แล้วร่างก็ค่อยๆลอยขึ้น ลอยขึ้น บินอยู่เหนือศีรษะผม
“ทีนี้คุณเชื่อฉันหรือยัง ว่าฉันเป็นนางฟ้าจริงๆ”
“ถึงเธอจะเป็นนางฟ้าจริงๆ ยังไงก็ต้องฆ่า”
“ก็ได้ ฉันจะลงไปให้คุณฆ่า”
นางฟ้านักร้องบินลงมายืนอยู่ตรงหน้าผม
“แต่ก่อนที่คุณจะฆ่าฉัน ฉันขอร้องเพลงให้คุณฟังก่อนค่ะ”
จะมามีลีลาอะไรอีก แต่ผมก็ยอมเจ้าหล่อนอีกละ จะตายอยู่แล้วยังคิดจะร้องเพลง เฮ้อ...เอ้า..ฟังก็ฟัง
เธอกำลังร้องเพลง น้ำเสียงนุ่ม กังวาน สุดแสนไพเราะทำผมเคลิบเคลิ้ม จิตใจปลอดโปร่ง ดวงตาพร่ามัวกระทั่งมืดมิดลง
ผมหลับไปโดยไม่รู้ตัว เพราะเสียงร้องเพลงของนางฟ้านักร้อง และตื่นขึ้นมาอีกที บนเตียงสีขาวสะอาด แถมยังมีกลิ่นหอมชวนหลงใหล
“ตื่นสักที”
น้ำเสียงหญิงสาว กล่าวทักทายผมทันทีที่เห็นว่าลืมตาขึ้น
“ผมอยู่ที่ไหน”
“สถานีบำบัดคนชั่วให้กลายเป็นคนดีค่ะ เอ้าละ ลุกขึ้น แล้วเดินตามฉันมาค่ะ”
ผมลุกขึ้นแต่ไม่โง่ เดินตามเธอไปหรอก บ้าบออะไรอีก สถานีบำบัดคนชั่วให้กลายเป็นดีเหรอ อยากจะเป็นคนดีตายแหละ เฮอะ ประกันได้เลยว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นนางฟ้าอีกแน่ๆ ก็สวยซะขนาดนี้
“เป็นนางฟ้าล่ะสิ”
“ใช่ค่ะ เธอส่งคุณมา”
เธอที่ว่านี้คงเป็นนางฟ้านักร้องนางนั่นแน่ๆ
“ผมไม่อยากเป็นคนดี ส่งผมกลับไปเดี๋ยวนี้”
“เราช่วยคุณได้นะคะ”
“ใครอยากให้ช่วย ส่งผมกลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะยิงคุณ” ผมควานหาปืนข้างสะเอว แต่มันไม่อยู่ตรงที่ควรอยู่ ให้ตายเถอะ บีบคอยัยนี่ให้ตายคามือเลยดีไหม
“ปืนวางอยู่ตรงโน่นค่ะ” เธอชี้นิ้วบอก ผมจึงเดินไปหยิบปืนที่วางอยู่บนโต๊ะไม้สีขาวข้างเตียง ยกปืนเล็งใช่นางฟ้าสาวสวยตรงหน้าทันที
“คุณยิงฉัน ฉันไม่ตายหรอก แต่คุณจะตกนรกนะคะ เราพยายามช่วยคุณอยู่ ฉันอยากให้คุณเชื่อมั่นในการทำความดี”
“เชื่อไปก็ไม่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นไปกว่านี้หรอก ส่งผมกลับไปเดี๋ยวนี้ ผมต้องทำงานให้เสร็จ”
ผมเล็งปืนไปที่หน้าผากนางฟ้าแสนสวย สายลมเย็นโบกสะบัดอยู่เหนือศีรษะ จึงต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นปีกสีขาวระยิบยับ กำลังบินเข้ามาใกล้ และผู้ที่ลงมาจากฟ้าเบื้องบนคือนางฟ้านักร้องที่ผมต้องฆ่า
ผมเลื่อนปืนมาเล็งที่เจ้าหล่อนทันที เพราะคนนี้คือเป้าหมายเงินหนึ่งล้านบาท เธอต้องตาย แล้วผมจะได้เงินค่าจ้างอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ” ทันทีที่เจ้าหล่อนลงมายืนบนพื้น จึงเอ่ยถาม
ผมมือสั่น สั่นใจ นึกอยากเปลี่ยนใจไม่ฆ่าเธอ แต่แรงขับเคลื่อนในอาชีพนักฆ่าที่ทำมายาวนาน และเงินที่ยั่วยวน ทำให้ตนต้องรับผิดชอบงานที่รับมาให้เสร็จสิ้น
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนสามนัดดังติด กระหน่ำยิงใส่นางฟ้านักร้อง ผมเห็นแววตาเศร้าหมองของเธอจ้องมาที่ผม เธอไม่ล้มลงอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีสีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดจากการถูกยิง
นักฆ่ารับจ้าง
ผู้เขียนได้นำมาปรับแก้ไขและเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยค่ะ
ผมชื่ออ้วน รังสิมันต์ และมีอีกชื่อหนึ่งว่าล็อคจอร์ ซึ่งเป็นชื่อในซุ้มมือปืน ชื่อนี้มีไว้สำหรับติดต่อรับงานกับผู้ว่าจ้างเท่านั้น
ผมฆ่าคนมาแล้วห้าราย สามรายแรกเป็นพวกผัวน้อยเมียน้อยที่โดนสั่งเก็บ ผมละไม่เข้าใจไอ้คนพวกนี้เหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าเขา หรือ เธอ มีผัวมีเมียอยู่แล้วยังคิดเข้าไปยุ่ง จนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง คนเรานี่ก็แปลกได้เป็นชู้ผัวเมียคนอื่นมันมีความสุขนักหรือไง ยังไงผมก็ไม่เข้าใจ
แล้วไอ้คนพวกนี้ก็สรรหาคำเลิศหรู สวยงาม มาใช้เป็นข้ออ้าง อย่างคำว่า “รัก” ฟังแล้วอยากจะอ้วกใส่หน้าพวกมันจริงๆ
พวกแกจะรักกัน โดยไม่มีคำว่าผิดศีลธรรม รักกันโดยอยู่เหนือกิเลสตัณหาไม่ได้เชียวหรือ พวกแกรักกันยังไง ถึงทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ลูกๆทนทุกข์ทรมานกับคำว่ารักของพวกแก
ผมตั้งคำถามมายมากกับไอ้คนพวกนี้ ก่อนจะลั่นไกปืนเจาะทะลุกะโหลก เขา หรือ เธอ แล้วปล่อยให้คำถามจมหายไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเหยื่อ
สองรายถัดมา โดนสั่งเก็บเพราะแย่งมรดกกันระหว่างญาติพี่น้อง มรดกราวพันล้าน มันก็น่าแย่งอยู่หรอกนะ ผมเรียกเงินจากคนจ้างรายละสี่แสนบาท
ปกติแล้วจะเรียกจากคนจ้างรายละแสนเท่านั้น แต่ระดับพันล้าน ก็ต้องเรียกให้สูงหน่อย เพราะไม่ง่ายเลย ที่จะวางแผนฆ่าคนรวย
และต้องแสร้งทำให้เหมือนว่ามันเป็นการตายโดยอุบัติเหตุ และเหมือนซาตานจะเข้าข้างคนทำชั่วอย่างผมจนออกนอกหน้า
เพราะเหยื่อสองรายที่ต้องฆ่า กำลังนั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน ผมแค่ทำอะไรสักอย่างให้ดูเหมือนว่ารถคันนี้เกิดอุบัติเหตุ...วางแผน...ลงมือ...แล้วรถก็ระเบิดตูมตามบนถนน ส่งเหยื่อไปพบมัจจุราชได้อีกสองราย ปิดงานฆ่าได้อย่างหมดจดสวยงาม
และงานใหม่ล่าสุดของผม คือการฆ่านักร้องชื่อดัง ผู้ได้ฉายาว่าเสียงร้องแห่งเทพเจ้า
รายนี้ผู้ว่าจ้างให้เงินค่าจ้างหนึ่งล้านบาท วู้...เป็นค่าจ้างที่สูงที่สุดเท่าที่ผมเคยได้มา ยังไงก็ต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ
พรุ่งนี้แล้วสินะ...นักร้องฉายาเสียงร้องแห่งเทพเจ้าจะได้ไปพบเทพเจ้าของเธอ ฮึฮึ
เหยื่อรายนี้ผมไม่รู้ว่าทำไม คนจ้างถึงต้องการฆ่าเธอ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ที่ต้องถาม เมื่อคนจ้างไม่เอ่ยปากบอก ส่วนรายต้นๆที่ผมเล่าให้ฟัง ผู้จ้างล้วนเป็นคนบอกเองทั้งนั้น
คงอยากให้นักฆ่าอย่างผมรับรู้ถึงความเคียดแค้นที่ตนมีต่อเหยื่อสินะ ใครจะไปสนความแค้นของเมิง กูสนแต่เงินโว้ย....ฮะฮ้า
คนว่าจ้างฆ่านักร้องสาวรายนี้ แตกต่างจากทุกคน แม้ผมจะมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของคนว่าจ้างก็เถอะ เพราะมีผ้าม่านกั้นเราสองคนไว้
แต่ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความสงบนิ่ง สุขุมและดูไม่เหมือนคนที่มีอะไรแค้นเคืองกับนักร้องสาวเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมถึงอยากให้เธอตายล่ะ
ข้อนี้ผมยังสงสัย แต่คิดไปก็หนักกระบาล ไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก ผมสนแต่เงินค่าจ้างหนึ่งล้านบาทเท่านั้น
ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ ผมเฝ้าติดตามดูเธอออกงานแสดงคอนเสิร์ต ถ่ายแบบโฆษณา และทุกครั้งผู้จัดการของเธอจะมาส่งเธอที่คอนโด แล้วกลับออกไป
เธอเป็นบุคคลสาธารณะ ทำให้การวางแผนฆ่าในที่โล่งไม่อาจทำได้โดยง่าย ทางเดียวที่จะสามารถฆ่าเธอได้ โดยไม่มีใครเห็น คือ ต้องฆ่าเธอที่คอนโดในห้องพักของเธอ
พรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นปี เธอมีงานร้องเพลงเค้าท์ดาวน์สองเวที คาดว่าน่าจะกลับมาที่คอนโดราวๆตีหนึ่งตีสอง
ก่อนเริ่มแผนสังหาร ผมต้องงัดรถผู้จัดการนักร้องสาว แล้วขโมยเอาคีย์การ์ดคอนโดที่นักร้องสาวพักอยู่ มาเก็บไว้ที่ตนซะก่อน
จะเข้าไปในคอนโดหรูทั้งที จำต้องแต่งตัวให้ดูดีสักหน่อย ผมลงทุนซื้อชุดสูทเพื่อทำงานนี้ ไม่สวมกางเกงยีนส์ขาดกับเสื้อเชิ้ตมอซอในภารกิจสังหารเหยื่อรายนี้เด็ดขาด ใส่สูทเวลาเดินเข้ามาในคอนโดจะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตของใคร
แผนการสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เพราะตอนนี้ ผมได้เข้ามาอยู่ในห้องนักร้องเสียงแห่งเทพเจ้าเป็นเรียบร้อยแล้ว
และทำได้เพียงรอเธอ...ใช่...แค่รอ...รอเธอกลับมา
หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาหน่อย เดินสำรวจห้องนานๆชักเมื่อยขา สายตาไม่หยุดนิ่งหรอก ห้องหรูหราสวยงามขนาดนี้ คงไม่มีวาสนาได้เป็นเจ้าของ อย่างน้อยก็ขอเก็บบันทึกไว้ในหัวก็พอ
โอ้..ไวน์ขาว ไวน์แดงชั้นเลิศ วางเรียงเป็นแถวบนชั้นไม้ น่าจะลองชิมดูสักหน่อย ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะกลับมา เพิ่งห้าทุ่มเอง ยังไม่นับถอยหลังกันด้วยซ้ำ
จะถึงปีใหม่ทั้งที ผมก็อยากฉลองบ้าง ใครจะอยากมาฆ่าคนข้ามปี ถ้าไม่เพราะเงินหนึ่งล้านนะ ป่านนี้ผมคงนอนเปลือยกายเบียดเสียดกับสาวสวยสักสองสามคนบนเตียงนุ่มๆแล้วเปลี่ยนกันสำรวจร่างกายของกันและกัน ก่อนจะพากันขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ...ฮะฮ้า
วู้..แค่คิด..เลือดในกายผมก็สูบฉีด รู้สึกสยิวกาย ต้องดับกระหายด้วยไวน์พวกนี้ซะแล้ว งานนี้ต้องลองชิมให้หมดทุกขวด
แก้วพร้อม ไวน์พร้อม.....กระดกมันเข้าปาก....ว้าว!..ไวน์ชั้นเลิศมันรสชาติดีอย่างนี้นี่เอง อีกสักแก้ว และขอเปิดขวดใหม่ลิ้มลองรสชาติหน่อย
ไวน์หมดไปสามขวดแล้ว....เสียงพลุดังสนั่นหวั่นไหว เสียงผู้คนโห่ร้อง กรี๊ดร้องปรบมือ แว่วผ่านเข้ามาในโสตประสาท
ผมเดินไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างเพื่อดูพลุบนท้องฟ้า โอ้...สวยงามจริงๆ
“สวัสดีปีใหม่โว้ย คืนนี้กูอยู่คนเดียว” ตะโกนสวัสดีปีใหม่คนเดียวก็ได้ใครสนพวกเมิง
เดินกลับมานั่งที่โซฟา แล้ววางแก้วไวน์ไว้บนโต๊ะ ร่างกายของผมชักนั่งไม่ค่อยจะตรง
หลังทำท่าจะทิ้งราบลงบนโซฟา....ก็ต้านไม่อยู่นะสิ..โธ่เว้ย.....ครอก!
หากเป็นนก ฉันจะโผบิน
แต่ได้ยิน เธอนั้นหลายใจ
ฉันคงบินไปไม่ไหว..ปีกหัก..ทันใดเพราะเธอ
หากเป็นนก ฉันคงเหลิงลม
สิ่งที่ชมคือความพร่ำเพ้อ
ความรัก ชักนำพบเจอ กลับเห็นเธอนั้นมีคู่ใจ...
เสียงเพลงบ้าๆข้างบนนั้นทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา และพบว่าตนนอนอยู่บนโซฟาในห้องนักร้องสาวเสียงเทพเจ้า หนำซ้ำบนตัวยังมีผ้าห่มอีกด้วย นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกันนี่
พรวดพราดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ใครจะไม่ตกใจก็ช่างหัวมัน
“ตื่นแล้วหรือคะ รับกาแฟหรือจะรับอะไรดีคะ”
น้ำเสียงใสราวระฆังเงิน ดึงผมให้หันไปมอง และได้เห็นเธอ นักร้องสาวฉายาเสียงแห่งเทพเจ้า เจ้าหล่อนยืนส่งยิ้มแฉ่งมาให้
ปืน..ปืนอยู่ไหน นั่นมันเหยื่อที่ผมต้องฆ่า จะมายืนถือแก้วกาแฟ ยิ้มหน้าระรื่นแบบนี้ได้ไง นรกชัดๆ เธอต้องตายวันนี้ และตอนนี้
เจอแล้วปืนที่พกมาเพื่อฆ่าเธอ ผมลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหาเธอ เล็งปืนไปที่หัวใจ พร้อมแล้วที่จะปลิดชีพเหยื่อรายนี้
“เต..ส่งคุณมาฆ่าฉันหรือคะ คุณเป็นมือปืนรายที่สามแล้วค่ะที่เตส่งมา”
เรื่องอะไรจะอยากเสวนากับหล่อน ใครเต..เตไหน จะไปรู้ชื่อคนที่จ้างมาฆ่าหรือไง พูดมากเดี๋ยวยิงไส้แตกซะเลย
“อย่าเพิ่งยิงฉันนะคะ ก่อนที่คุณจะยิงฉัน ฉันต้องบอกความจริงอะไรบ้างอย่างกับคุณก่อนค่ะ คุณยินดีจะฟังไหมคะ”
ไม่ยินดีก็บ้าแล้ว แค่เสียงพูดของเจ้าหล่อนก็ไพเราะ เกินจะกล้าตอบปฏิเสธ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ฉายานักร้องเสียงแห่งเทพเจ้า
ผมแค่พยักหน้าเป็นคำตอบว่ายินดีที่จะฟัง นักร้องสาวจึงเดินมานั่งบนโซฟาแล้ววางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ
“คุณคงพอรู้มาแล้วว่าฉันได้ฉายาว่านักร้องเสียงแห่งเทพเจ้า และนั่นอาจเป็นเรื่องจริง อืมม์...ฉันเป็นนางฟ้าค่ะ ถูกส่งมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคนบนโลก เรา ฉันหมายถึงเหล่าเทพทั้งหลาย ไม่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์เพื่อช่วยเหลือคนได้เท่าที่ควร การจะทำอะไรบางอย่างล้วนมีข้อจำกัดเสมอ เชื่อเถอะค่ะ
การเป็นนักร้อง เป็นบุคคลที่เด็กเยาวชนชื่นชอบ ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถเข้าหาทุกๆคนบนโลกได้รวดเร็ว ทั่วถึงในโลกยุคนี้
ฉันทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้เยาวชนได้เห็น พาพวกเขาร่วมทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม ต่อโลก เยาวชนหลายคนทำตามและยึดฉันเป็นแบบอย่าง ถือว่าเป็นสิ่งที่ประสบผลสำเร็จในขั้นแรกกับการลงมาช่วยเหลือผู้คนบนโลก
ส่วนเตอยากให้ฉันตาย เพราะเตเป็นซาตานค่ะ เขาคอยขัดขวางคนที่จะทำความดีอยู่เสมอ เตไม่เคยหยุดที่จะทำร้ายคนดี เช่นเดียวกับที่ไม่เคยหยุดส่งเสริมคนทำชั่ว เตทำอย่างนี้เสมอ เขาทำมาตลอดชั่วชีวิตของเขา เขาทำอย่างอื่นไม่เป็นหรอกค่ะนอกจากฝักใฝ่ในความชั่วร้าย คุณตกเป็นเครื่องมือของเขา คุณสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีกว่านี้ เพียงคุณกล้าพอ กล้าที่จะเปิดใจ”
“พูดพล่ามอะไรของเธอ กลัวตายจนเพี้ยนบอกว่าตัวเองเป็นนางฟ้า เชื่อก็โง่แล้ว”
ปืนถูกยกขึ้นเล็งไปที่เธออีกครั้ง
“คุณไม่เชื่อฉัน ฉันจะไม่หนีไปไหน จะยืนให้คุณยิง แต่ก่อนที่คุณจะยิง ฉันก็อยากพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง”
เจ้าหล่อนลุกขึ้นยืน ผมก็ต้องขยับปลายกระบอกปืนตามสิ หากหล่อนคิดตุกติกจะหนีละก็ น้องสาวคนสวยเอ๋ยได้ไปพบเทพเจ้าแน่ๆ พี่ล็อคจอร์คนนี้ไม่ปรานีหรอกนะ พี่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเอง ไม่ปล่อยให้เหยื่อที่ต้องสังหารรอดชีวิตไปได้ง่ายๆหรอก แต่ขอดูหน่อยสิ จะพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นนางฟ้ายังไง
นักร้องสาวส่งยิ้มมา และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นก็เกิดขึ้น
ปีกสีขาวเปล่งประกายระยิบระยับ แผ่สยายออกมาจากแผ่นหลังหญิงสาว มันค่อยๆเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น โอ้...เป็นปีกนางฟ้าที่สวยงามมาก ผมยืนตะลึง อึ้ง จนเกือบเผลอปล่อยปืนหลุดมือ
เธอโบกสะบัดปีกไปมา แล้วร่างก็ค่อยๆลอยขึ้น ลอยขึ้น บินอยู่เหนือศีรษะผม
“ทีนี้คุณเชื่อฉันหรือยัง ว่าฉันเป็นนางฟ้าจริงๆ”
“ถึงเธอจะเป็นนางฟ้าจริงๆ ยังไงก็ต้องฆ่า”
“ก็ได้ ฉันจะลงไปให้คุณฆ่า”
นางฟ้านักร้องบินลงมายืนอยู่ตรงหน้าผม
“แต่ก่อนที่คุณจะฆ่าฉัน ฉันขอร้องเพลงให้คุณฟังก่อนค่ะ”
จะมามีลีลาอะไรอีก แต่ผมก็ยอมเจ้าหล่อนอีกละ จะตายอยู่แล้วยังคิดจะร้องเพลง เฮ้อ...เอ้า..ฟังก็ฟัง
เธอกำลังร้องเพลง น้ำเสียงนุ่ม กังวาน สุดแสนไพเราะทำผมเคลิบเคลิ้ม จิตใจปลอดโปร่ง ดวงตาพร่ามัวกระทั่งมืดมิดลง
ผมหลับไปโดยไม่รู้ตัว เพราะเสียงร้องเพลงของนางฟ้านักร้อง และตื่นขึ้นมาอีกที บนเตียงสีขาวสะอาด แถมยังมีกลิ่นหอมชวนหลงใหล
“ตื่นสักที”
น้ำเสียงหญิงสาว กล่าวทักทายผมทันทีที่เห็นว่าลืมตาขึ้น
“ผมอยู่ที่ไหน”
“สถานีบำบัดคนชั่วให้กลายเป็นคนดีค่ะ เอ้าละ ลุกขึ้น แล้วเดินตามฉันมาค่ะ”
ผมลุกขึ้นแต่ไม่โง่ เดินตามเธอไปหรอก บ้าบออะไรอีก สถานีบำบัดคนชั่วให้กลายเป็นดีเหรอ อยากจะเป็นคนดีตายแหละ เฮอะ ประกันได้เลยว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นนางฟ้าอีกแน่ๆ ก็สวยซะขนาดนี้
“เป็นนางฟ้าล่ะสิ”
“ใช่ค่ะ เธอส่งคุณมา”
เธอที่ว่านี้คงเป็นนางฟ้านักร้องนางนั่นแน่ๆ
“ผมไม่อยากเป็นคนดี ส่งผมกลับไปเดี๋ยวนี้”
“เราช่วยคุณได้นะคะ”
“ใครอยากให้ช่วย ส่งผมกลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะยิงคุณ” ผมควานหาปืนข้างสะเอว แต่มันไม่อยู่ตรงที่ควรอยู่ ให้ตายเถอะ บีบคอยัยนี่ให้ตายคามือเลยดีไหม
“ปืนวางอยู่ตรงโน่นค่ะ” เธอชี้นิ้วบอก ผมจึงเดินไปหยิบปืนที่วางอยู่บนโต๊ะไม้สีขาวข้างเตียง ยกปืนเล็งใช่นางฟ้าสาวสวยตรงหน้าทันที
“คุณยิงฉัน ฉันไม่ตายหรอก แต่คุณจะตกนรกนะคะ เราพยายามช่วยคุณอยู่ ฉันอยากให้คุณเชื่อมั่นในการทำความดี”
“เชื่อไปก็ไม่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นไปกว่านี้หรอก ส่งผมกลับไปเดี๋ยวนี้ ผมต้องทำงานให้เสร็จ”
ผมเล็งปืนไปที่หน้าผากนางฟ้าแสนสวย สายลมเย็นโบกสะบัดอยู่เหนือศีรษะ จึงต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นปีกสีขาวระยิบยับ กำลังบินเข้ามาใกล้ และผู้ที่ลงมาจากฟ้าเบื้องบนคือนางฟ้านักร้องที่ผมต้องฆ่า
ผมเลื่อนปืนมาเล็งที่เจ้าหล่อนทันที เพราะคนนี้คือเป้าหมายเงินหนึ่งล้านบาท เธอต้องตาย แล้วผมจะได้เงินค่าจ้างอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ” ทันทีที่เจ้าหล่อนลงมายืนบนพื้น จึงเอ่ยถาม
ผมมือสั่น สั่นใจ นึกอยากเปลี่ยนใจไม่ฆ่าเธอ แต่แรงขับเคลื่อนในอาชีพนักฆ่าที่ทำมายาวนาน และเงินที่ยั่วยวน ทำให้ตนต้องรับผิดชอบงานที่รับมาให้เสร็จสิ้น
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนสามนัดดังติด กระหน่ำยิงใส่นางฟ้านักร้อง ผมเห็นแววตาเศร้าหมองของเธอจ้องมาที่ผม เธอไม่ล้มลงอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีสีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดจากการถูกยิง