สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การรักษาสิ่งที่ติดตัวเรากว่า 10 ปีภายใน 1 เดือนครึ่งค่ะ นั่นก็คือ นิสัยการแกะนิ้วนั่นเอง ใช่ค่ะ แกะนิ้วที่เราหมายถึงคือทั้งนิ้วมือและนิ้วเท้า และก็ทั้งเล็บและส่วนที่เป็นหนังรอบเล็บค่ะ ต้องขอเกริ่นก่อนนะคะ เรามีนิสัยนี้ติดตัวตั้งแต่จำความได้แล้วค่ะ T T ตอนนี้เราอายุ 17 ปีค่ะ เราจะแกะเวลาที่เผลอหรือเวลาที่เครียดหรือใช้ความคิดค่ะ บางทีก็แกะโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะเราเป็นคนมือแห้งด้วยค่ะเลยจะมีส่วนแข็งๆที่มือเยอะ แกะจนมือเป็นแผล เล็บกุด คนใกล้ตัวห้ามก็ยังทำอยู่ (ก็มันติดนิสัยนี่นา) แกะจนบางทีเป็นแบบนี้เลยค่ะ(รูปค่อนข้างน่ากลัวนะคะ แล้วก็ไม่ได้ถ่ายรูปนิ้วเท้าไว้ด้วย 555)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปสุดท้ายจริงๆคือเป็นแผลไม่ใหญ่นะคะ ตอนนั้นเราเอามือใส่ไว้ในเสื้อกันหนาวแล้วอากาศหนาว พอเอามือออกมาก็เลือดออกเลย T T (จริงๆการที่มีแผลติดตัวแบบนี้จะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย และทำให้ติดเชื้อได้นะคะ T T) เราเคยพยายามเลิกแกะได้ระยะหนึ่ง แต่ก็กลับมาแกะอยู่ดีค่ะ จนเดือนธันวาคม ปี 2561 แม่เราและป้าเราก็หาข้อมูลและได้ว่าจริงๆแล้วอาการนี้เป็น "โรคแกะผิวหนัง" ค่ะ ตอนฟังครั้งแรกเราก็ เอ๊ะะ มีโรคแบบนี้ด้วยหรอ 555 แต่ใช่ค่ะ มันมีโรคนี้จริงๆ กลุ่มอาการเดียวกับโรคย้ำคิดย้ำทำค่ะ เดี๋ยวเราจะแปะ link ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ไว้นะคะ (คุณหมอบอกว่ามีบทความที่เป็นภาษาไทยน้อยค่ะ แง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/ThaiPsychiatricAssociation/posts/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87excoriation-skin-picking-disorder%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%86-%E0%B9%83%E0%B8%99-dsm-5%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84/962950970475586/ และแม่เราก็แนะนำให้ไปปรึกษาจิตแพทย์ดูค่ะ เราใช้เวลาคิดสักพักเลยว่าจะบอกเพื่อนยังไงว่าพบจิตแพทย์ จะบอกครูยังไงดี(เราไปตอนในคาบเรียนบางวันค่ะและเราต้องแจ้งครูประจำชั้นหากจะออกนอกโรงเรียนค่ะ) เพราะเรากลัวจะถูกมองแปลกๆ แต่สุดท้ายเราก็บอกเพื่อนสนิทก่อน แล้วค่อยบอกครูและเพื่อนๆคนอื่นค่ะ เพื่อนๆทุกคนและครูเข้าใจถึงอาการและสิ่งที่เราเป็นค่ะ บางคนก็บอกว่า "เอออ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็รักษาไปเดี๋ยวก็หายแล้วว"
ต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่เรารักษานะคะ เราไปหาหมอครั้งแรกวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ค่ะ ตอนไปครั้งแรกก็จะมีพยาบาลซักประวัติคร่าวๆก่อนค่ะ แล้วก็รอคิวพบหมอ พอเจอหมอเราก็เกร็งๆนะคะ หมอก็จะถามแบบอาการเป็นยังไง แกะนิ้วเมื่อไหร่บ้าง อะไรแบบนี้ค่ะ เราควรเล่าอาการเราให้ละเอียดนะคะ หมอจะได้วินิจฉัยถูก หมอบอกว่าวิธีจะเลิกนิสัยนี้ได้จะมี 3 ส่วนใหญ่ๆ 1.คือกินยาช่วยปรับอะไรสักอย่างค่ะ เราจำไม่ได้ 555 แต่ฉลากยาเขียนว่ายาคลายเครียดค่ะ 2.ถ้าเรารู้ว่าเราเครียดให้หาวิธีคลายเครียดเช่นฟังเพลงค่ะ 3.ออกกำลังกายค่ะเพื่อให้เอนโดรฟินหลั่งค่ะ แล้วเราก็ได้ยามาทาน ครึ่งเม็ด ตอนเช้าทุกวันค่ะ ยาจะทำให้คลื่นไส้เล็กน้อยในช่วงแรกๆค่ะ แล้วหมอก็นัดให้มาพบอีก 1 สัปดาห์
ครั้งที่ 2 เราก็ไปพบหมอ แล้วหมอก็ได้รู้ว่าเป็นเพราะการนอนของเราด้วย คือเรานอนดึกค่ะ (นอนตี 2 ตื่น 7 โมง) หมอเลยแนะนำให้นอน 4 ทุ่ม ออกกำลังกายตอนเย็น ไม่ทานชา กาแฟและช็อคโกแลตหลังเที่ยง กินนมและกล้วยหลังอาหารเย็น ตื่นเวลาเดียวกันทุกวัน ทั้งหมดนี้มีผลต่อการนอนทั้งสิ้นค่ะ เพราะการนอนมีผต่อทั้งอารมณ์และสภาพร่างกายของเราด้วยค่ะ (เกี่ยวกับการหลั่ง growth hormones) แล้วหมอก็เริ่มนัดห่างเป็น 2 สัปดาห์ค่ะ แต่ยาทานครึ่งเม็ดเหมือนเดิม
ครั้งที่ 3 หมอเพิ่มยาให้เป็นวันละ 1 เม็ดค่ะ แล้วนัดให้พบหมออีก 2 สัปดาห์
ครั้งที่ 4 คือครั้งล่าสุดที่เราไปค่ะ วันที่ 10 มกราคม หมอให้ทานยา 1 เม็ด แล้วก็นัดครั้งต่อไปห่างเป็น 1 เดือนค่ะ
และนี่คือสิ่งที่เปลี่ยนไปของเราค่ะะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ทั้งหมดนี้ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมากร่วมด้วยนะคะ ต้องห้ามใจตัวเองให้ได้ เราทาวาสลีนหนาๆเลย ที่นิ้วตอนก่อนนอนทุกคืน(ถ้าไม่ลืม 555) พกกรรไกรตัดเล็บไว้ตลอด เวลาที่เล็บฉีกจะได้ไม่แกะค่ะ ทาพวกแฮนด์ครีมอะไรแบบนี้ให้มือชุ่มชื้นค่ะ แต่เราก็ยังมือแห้งอยู่ ก็ต้องดูแลกันต่อไปค่ะ 555
สุดท้ายนี้เราก็ขอเป็นกำลังให้กับคนที่อยากแก้ไขนิสัยติดตัวนะคะ ถือว่าท้าทายและเป็นการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่งเลยแหละ สู้ๆนะคะ ^ ^ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า
แชร์ประสบการณ์การแก้นิสัยที่ติดตัวมานานกว่า 10 ปี ใน 1 เดือนครึ่ง!
ต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่เรารักษานะคะ เราไปหาหมอครั้งแรกวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ค่ะ ตอนไปครั้งแรกก็จะมีพยาบาลซักประวัติคร่าวๆก่อนค่ะ แล้วก็รอคิวพบหมอ พอเจอหมอเราก็เกร็งๆนะคะ หมอก็จะถามแบบอาการเป็นยังไง แกะนิ้วเมื่อไหร่บ้าง อะไรแบบนี้ค่ะ เราควรเล่าอาการเราให้ละเอียดนะคะ หมอจะได้วินิจฉัยถูก หมอบอกว่าวิธีจะเลิกนิสัยนี้ได้จะมี 3 ส่วนใหญ่ๆ 1.คือกินยาช่วยปรับอะไรสักอย่างค่ะ เราจำไม่ได้ 555 แต่ฉลากยาเขียนว่ายาคลายเครียดค่ะ 2.ถ้าเรารู้ว่าเราเครียดให้หาวิธีคลายเครียดเช่นฟังเพลงค่ะ 3.ออกกำลังกายค่ะเพื่อให้เอนโดรฟินหลั่งค่ะ แล้วเราก็ได้ยามาทาน ครึ่งเม็ด ตอนเช้าทุกวันค่ะ ยาจะทำให้คลื่นไส้เล็กน้อยในช่วงแรกๆค่ะ แล้วหมอก็นัดให้มาพบอีก 1 สัปดาห์
ครั้งที่ 2 เราก็ไปพบหมอ แล้วหมอก็ได้รู้ว่าเป็นเพราะการนอนของเราด้วย คือเรานอนดึกค่ะ (นอนตี 2 ตื่น 7 โมง) หมอเลยแนะนำให้นอน 4 ทุ่ม ออกกำลังกายตอนเย็น ไม่ทานชา กาแฟและช็อคโกแลตหลังเที่ยง กินนมและกล้วยหลังอาหารเย็น ตื่นเวลาเดียวกันทุกวัน ทั้งหมดนี้มีผลต่อการนอนทั้งสิ้นค่ะ เพราะการนอนมีผต่อทั้งอารมณ์และสภาพร่างกายของเราด้วยค่ะ (เกี่ยวกับการหลั่ง growth hormones) แล้วหมอก็เริ่มนัดห่างเป็น 2 สัปดาห์ค่ะ แต่ยาทานครึ่งเม็ดเหมือนเดิม
ครั้งที่ 3 หมอเพิ่มยาให้เป็นวันละ 1 เม็ดค่ะ แล้วนัดให้พบหมออีก 2 สัปดาห์
ครั้งที่ 4 คือครั้งล่าสุดที่เราไปค่ะ วันที่ 10 มกราคม หมอให้ทานยา 1 เม็ด แล้วก็นัดครั้งต่อไปห่างเป็น 1 เดือนค่ะ
และนี่คือสิ่งที่เปลี่ยนไปของเราค่ะะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ทั้งหมดนี้ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมากร่วมด้วยนะคะ ต้องห้ามใจตัวเองให้ได้ เราทาวาสลีนหนาๆเลย ที่นิ้วตอนก่อนนอนทุกคืน(ถ้าไม่ลืม 555) พกกรรไกรตัดเล็บไว้ตลอด เวลาที่เล็บฉีกจะได้ไม่แกะค่ะ ทาพวกแฮนด์ครีมอะไรแบบนี้ให้มือชุ่มชื้นค่ะ แต่เราก็ยังมือแห้งอยู่ ก็ต้องดูแลกันต่อไปค่ะ 555
สุดท้ายนี้เราก็ขอเป็นกำลังให้กับคนที่อยากแก้ไขนิสัยติดตัวนะคะ ถือว่าท้าทายและเป็นการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่งเลยแหละ สู้ๆนะคะ ^ ^ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า