ทริปนี้เกิดจากการที่คุณสามีดู Mission Impossible 3 เห็นภาพเมืองโบราณริมน้ำจีน แล้วบอกว่า จะไปที่นี่
ภรรยาที่ดี(และชอบเที่ยว) เลยไปเสิร์ชข้อมูล พบว่า ในหนังถ่ายทำที่เมืองริมน้ำไม่ไกลจากเซี่ยงไฮ้มาก แต่ก็มีภาพเมืองโบราณริมน้ำอื่นๆขึ้นมาด้วย ดูรูปแล้วเมืองที่ชื่อเฟิ่งหวงดูตระการตาไม่เบา จัดการเอารูปไปเสนอสามี นี่ไงริมน้ำแบบในหนังเลย โปรเจคทริปนี้จึงผ่านการอนุมัติ
ขั้นต่อไปก็ไปหาตั๋วเครื่องบินค่ะ โชคดีเป็นจังหวะที่ทั้ง Air Asia ทั้งไทยสมายล์กำลังมีโปรอยู่เลย รักพี่เสียดายน้อง เลือกไม่ถูก เลยจัดไปทั้งคู่ค่ะ ขาไปเราจะเดินทางด้วยแอร์เอเซียไปลงที่ฉางซา ส่วนขากลับกลับจากฉงชิ่งกับไทยสมายล์ค่ะ รวมค่าตั๋วไปกลับ สำหรับสองคน (รวมน้ำหนักสัมภาระขาไป 1 ใบ 20 กก.) อยู่ที่ประมาณเจ็ดพันบาทค่ะ ตกคนละประมาณ สามพันห้าค่ะ
ทริปของเราเป็นทริป 9 วัน เริ่มเดินทางวันที่ 14 ธันวาค่ะ เข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ก็เลยต้องมีเสื้อผ้า สัมภาระเยอะนิดนึงค่ะ
ปกติเวลาเดินทางไปไหน เราจะมีเอกสารการจองที่พัก ตั๋วอะไรให้เพื่อนร่วมเดินทางอีกชุด กันไว้เวลาติดอยู่ที่ ตม. เวลาเค้าถามแผนการเดินทางอะไรจะได้ให้ข้อมูลได้ค่ะ เพราะส่วนมากเราจะเป็นคนจัดทริปคนเดียว แต่ทริปนี้ด้วยความชะล่าใจ ไม่เคยได้ยินใครมีปัญหาที่จีน เลยไม่ได้เอาเอกสารอะไรให้สามีเลย แถมสามีอนุมัติทริปแล้วปล่อยให้เราจัดการคนเดียว ไม่รู้แผนการเดินทางอะไรเลยค่ะ ตอนอยู่บนเครื่องเพิ่งเล่าแผนให้ฟังคร่าวๆ (แต่สามีคงไม่ได้ใส่ใจจำอะไร ตามๆเมียไปก็พอ) คราวนี้พอถึง ตม.จีน มีต่างชาติกันอยู่สองสามคน คาดว่าตม.อาจจะเหงาแถมเธอพูดภาษาอังกฤษเก่งค่ะ สามีเข้าไปก่อน พาสปอร์ตหน้าขาวเพราะทำเล่มใหม่ เราต่อแถวอยู่ด้านหลัง ตม.ถามสามีว่า ไปพักที่ไหน สามีตอบว่า hotel เธอถามต่อ สามีเลยหันมาขอเอกสาร ตม.ถามเยอะเลยค่ะ ขอดูตั๋วขากลับด้วย สามีไม่รู้เรื่องทริปด้วย แต่เราบอกให้โชว์ไปหมด เดี๋ยวเค้ารู้เองแหละ สุดท้ายสามีก็ผ่านตม.ไปได้ พอตอนเราเข้าไป พาสปอร์ตเล่มใหม่เหมือนกันค่ะ ตม.ชวนคุยอีก ถามว่า this is your first time in China? ตอบไปว่า It's my third time. เธอก็ให้ผ่านไปได้ค่ะ
เดี๋ยวส่งก่อนแล้วเดี๋ยวมาต่อนะคะ
[CR] สองไท่กั๋วเหริน ไปเดินเฟิ่งหวง-ฉงชิ่ง
ภรรยาที่ดี(และชอบเที่ยว) เลยไปเสิร์ชข้อมูล พบว่า ในหนังถ่ายทำที่เมืองริมน้ำไม่ไกลจากเซี่ยงไฮ้มาก แต่ก็มีภาพเมืองโบราณริมน้ำอื่นๆขึ้นมาด้วย ดูรูปแล้วเมืองที่ชื่อเฟิ่งหวงดูตระการตาไม่เบา จัดการเอารูปไปเสนอสามี นี่ไงริมน้ำแบบในหนังเลย โปรเจคทริปนี้จึงผ่านการอนุมัติ
ขั้นต่อไปก็ไปหาตั๋วเครื่องบินค่ะ โชคดีเป็นจังหวะที่ทั้ง Air Asia ทั้งไทยสมายล์กำลังมีโปรอยู่เลย รักพี่เสียดายน้อง เลือกไม่ถูก เลยจัดไปทั้งคู่ค่ะ ขาไปเราจะเดินทางด้วยแอร์เอเซียไปลงที่ฉางซา ส่วนขากลับกลับจากฉงชิ่งกับไทยสมายล์ค่ะ รวมค่าตั๋วไปกลับ สำหรับสองคน (รวมน้ำหนักสัมภาระขาไป 1 ใบ 20 กก.) อยู่ที่ประมาณเจ็ดพันบาทค่ะ ตกคนละประมาณ สามพันห้าค่ะ
ทริปของเราเป็นทริป 9 วัน เริ่มเดินทางวันที่ 14 ธันวาค่ะ เข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ก็เลยต้องมีเสื้อผ้า สัมภาระเยอะนิดนึงค่ะ
ปกติเวลาเดินทางไปไหน เราจะมีเอกสารการจองที่พัก ตั๋วอะไรให้เพื่อนร่วมเดินทางอีกชุด กันไว้เวลาติดอยู่ที่ ตม. เวลาเค้าถามแผนการเดินทางอะไรจะได้ให้ข้อมูลได้ค่ะ เพราะส่วนมากเราจะเป็นคนจัดทริปคนเดียว แต่ทริปนี้ด้วยความชะล่าใจ ไม่เคยได้ยินใครมีปัญหาที่จีน เลยไม่ได้เอาเอกสารอะไรให้สามีเลย แถมสามีอนุมัติทริปแล้วปล่อยให้เราจัดการคนเดียว ไม่รู้แผนการเดินทางอะไรเลยค่ะ ตอนอยู่บนเครื่องเพิ่งเล่าแผนให้ฟังคร่าวๆ (แต่สามีคงไม่ได้ใส่ใจจำอะไร ตามๆเมียไปก็พอ) คราวนี้พอถึง ตม.จีน มีต่างชาติกันอยู่สองสามคน คาดว่าตม.อาจจะเหงาแถมเธอพูดภาษาอังกฤษเก่งค่ะ สามีเข้าไปก่อน พาสปอร์ตหน้าขาวเพราะทำเล่มใหม่ เราต่อแถวอยู่ด้านหลัง ตม.ถามสามีว่า ไปพักที่ไหน สามีตอบว่า hotel เธอถามต่อ สามีเลยหันมาขอเอกสาร ตม.ถามเยอะเลยค่ะ ขอดูตั๋วขากลับด้วย สามีไม่รู้เรื่องทริปด้วย แต่เราบอกให้โชว์ไปหมด เดี๋ยวเค้ารู้เองแหละ สุดท้ายสามีก็ผ่านตม.ไปได้ พอตอนเราเข้าไป พาสปอร์ตเล่มใหม่เหมือนกันค่ะ ตม.ชวนคุยอีก ถามว่า this is your first time in China? ตอบไปว่า It's my third time. เธอก็ให้ผ่านไปได้ค่ะ
เดี๋ยวส่งก่อนแล้วเดี๋ยวมาต่อนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้