ยามเช้าในวันสุดท้ายของปี ฉันเชื่อนะใครหลายคนคงยังสลบไสลอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ กับผ้านวมอุ่นๆ
แต่คงไม่ใช่ฉันหรอก . . .
3.00 น. ฉันได้สัมผัสกับสายน้ำอันอบอุ่น จากฝักบัวที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสม่ำเสมอ
4.20 น. การเดินทางของฉันเริ่มต้น ณ สถานีรถไฟสระโกสินารายณ์ อำเภอ บ้านโป่ง จังหวัด ราชบุรี
เสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้น กลางความเงียบสงัดของยามเช้า
" รถไฟจะเข้าเทียบชานชลา เวลาสี่นาฬิกาสี่สิบแปดนาทีเปรี๊ยยย!! "
ฉันมองหน้าเพื่อนร่วมทางที่แสนน่ารักแล้วอมยิ้ม นี่สินะความสุข
4.30 น. หลังจากได้สอบถามข้อมูลจากนายสถานี ในที่สุดฉันก็ได้ ตั๋ว
เนื่องจาก วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ทำให้รอบของรถไฟนั้นมีน้อยกว่าปกติ
รถไฟออกจากสถานีต้นทางหนองปลาดุก เวลาสี่นาฬิกาสามสิบห้านาที
4.48 น. เสียง ฉึก-กะ-ฉัก ดังมาแต่ไกล ในที่สุดรถไฟก็เทียบท่าได้ตามเวลาที่กำหนดเปรี้ยยย!!
ฉันขึ้นรถไฟตู้ที่ใกล้ที่สุด แล้วก็ได้พบกับความว่างเปล่า ไม่มีใครเลย ไม่มีใครเลยจริงๆ
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงสักครู่ . . .
เช้าขนาดนี้ภายนอกขบวนรถนั้น มืดมิดและเงียบสงบ พอจะมีรถยนต์และการสัญจรอยู่บ้าง
ลมอ่อนจากการเคลื่อนขบวนของรถไฟพัดโชยเข้ามาในตู้โดยสาร
ฉันปล่อยให้ความคิดนั้นล่องลอยไปสู่ความฝันอันว่างเปล่า
5.36 น. ผู้ร่วมทางที่แสนน่ารัก ปลุกฉันให้ตื่นขึ้น ท้องฟ้าเริ่มจะมีแสงส่องผ่านปุยเมฆ
สถานีแล้วสถานีเล่า ที่ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวผ่าน ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันขึ้นมาบนตู้ที่ฉันนั่งอยู่
บ้างจะเดินทางไปทำงาน บ้างเดินทางไปเที่ยว แต่ก็คงจะมีบ้างแหละนะที่หนีความวุ่นวายของชุมชนเมือง
ไปสู่ความสุขกายสุขใจภายใต้ธรรมชาติอันงดงาม
6.00 น. ขบวนรถไฟหยุดลง เสียงผู้คนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จากหัวขบวน
" ตรวจตั๋วด้วยครับ " นายสถานีมาดเข้มพูดขณะเดินเข้ามาในตู้โดยสาร
หลังจากรถไฟกลับมาเคลื่อนตัวได้ไม่นาน ความคิดของฉันก็กลับสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง . . .
7.21 น. อากาศเย็นประทะเข้าที่ใบหน้าของฉัน ถึงแล้วสินะ จุดพักรถถ้ำกระแซ
ฉันยังไม่ลงตรงนี้หรอก มันอาจจะแปลกสักหน่อย เพราะ ที่นี่มีสองจุดพักรถด้วยกัน
ตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างเต็มที่ ความเย็นที่ผ่านเข้ามา กลิ่นไอของธรรมชาติ มันดีมากเลยนะฉันว่า
7.26 น. ยามเช้าของที่นี่ไม่ต่างจากที่อื่นเท่าไร ข้าวราดแกง ร้านเสื้อผ้าของฝากต่างๆที่ยังไม่เปิด
7.40 น. หลังจากทำธุระต่างๆเสร็จสิ้น ก็ได้เวลาที่ฉันจะเดินหน้าสู่ที่หมาย ถ้ำกระแซ
ผู้คนจากบนขบวนรถไฟไม่ได้ลงตามฉันมาหรอกนะ ทำให้ที่นี่ตอนนี้ไม่เต็มไปด้วยฝูงชน
ถ้ำกระแซ เป็นอีกหนึ่งถ้ำประวัติศาสตร์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสงครามโลกครั้งที่ สอง
ในอดีตเชื่อกันว่าเคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟจากไทยไปพม่า
ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ (หลวงพ่อถ้ำกระแซ) ประดิษฐานอยู่ภายใน
8.00 น. อากาศภายนอกถ้ำร้อนขึ้น ผู้คนมากขึ้น แต่ความสวยงามก็มากขึ้นเช่นกัน
ทางรถไฟแห่งนี้นั้น เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม ที่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ
ทางรถไฟสายมรณะ . . .
ชื่อนี้คงคุ้นหูของใครหลายคนรวมถึงฉันด้วย บางทีฉันเคยคิดนะ ว่าอยากมาที่นี่สักครั้ง
แล้วในวันนี้ ฉันก็ได้มาอยู่ที่นี่ มาอยู่ตรงนี้จริงๆ และเชื่อว่า ฉันคงจำไม่มีลืม
ทางรถไฟสายนี้ มีความยาวสี่ร้อยเมตร บนหน้าผาเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในลำน้ำแควน้อย
8.30 น. ก้าวสุดท้ายของฉัน บนทางรถไฟสายมรณะสิ้นสุดที่ จุดพักรถสวนไทรโยก (จุดพักรถถ้ำกระแซจุดแรก)
เพราะขากลับฉันไม่ได้เดินบนทางรถไฟหรอก . . .
บางครั้งการกลัวอะไรสักอย่าง ฉันว่ามันก็ทำให้ได้พบกับอะไรใหม่ๆเหมือนกันนะ
แต่ก็นั่นแหละ ทางรถไฟสายมรณะนั้นเป็นสะพานไม้เลียบหน้าผา มีความสูงพอพอจะทำให้ใจหวิวได้เลย
9.02 น. ฉันยังอยู่ที่จุดพักรถสวนไทรโยก หิวซะแล้วสิ อากาศร้อนพอสมควร
หวังว่าคงจะมีอะไรกินให้ชุ่มช่ำหัวใจนะ
สุดท้ายแล้วฉันก็ลงเอยด้วย น้ำแข็งใสถ้ำกระแซ เป็นอะไรที่สุขใจจริงๆ
9.15 น. ได้เวลาเดินกลับ อย่างที่ฉันได้บอกไป ฉันไม่ได้เดินกลับบนทางรถไฟหรอกนะ
ทางเดินเลียบทางรถไฟ เดิมทีเป็นทางที่ต้องเดินผ่านสวนไทรโยค หรือไม่ก็ต้องเดินลงตรงข้างสะพาน
9.46 น. นี่สินะวันสุดท้ายของปี ปริมาณคน ร้านค้า ความสุข และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือความร้อนจากสภาพอากาศ
เวลานี้ร้านรวงเปิดขายกันหมดแล้ว เสื้อผ้า ชุดพื้นบ้าน อาหาร ของฝากต่างๆ มีมากมายให้เราได้จับจ่ายใช้สอย
ในราคาที่ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป แต่ฉันไม่ได้ซื้อหรอกนะเสื้อผ้า เพราะกินอย่างเดียว
การมาเที่ยวเมืองกาญฯในครั้งนี้ แทบจะไม่ได้วางแผนอะไรเลยแหละ คิดอยากจจะมาก็มา อยากใช้เวลาวันสุดท้ายของปีให้คุ้ม
10.01 น. นี่เป็นการกินมื้อไหนก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือ อิ่มมาก
ปล. คนร้านเครปเยอะมาก ถึงมากที่สุดเลย
เวลาใกล้จะหมดซะแล้วสิ รถไฟใกล้จะมาแล้ว
หรอออ!!
12.07 น. ผู้คนเริ่มวิ่ง วิ่ง และ วิ่ง วิ่งไปดูรถไฟเคลื่อนขบวนเข้าเทียบชานชลา แต่ฉันไม่ได้วิ่งหรอกนะ
ด้วยตรงที่ฉันนั่งนั้น ใกล้กับจุดที่รถไฟจะจอด ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะเดินไปดักรอรถไฟเลย
รถไฟขบวนนี้ ไม่ได้เป็นรถไฟขากลับหรอก ฉันนั่งรถไฟไปสถานีน้ำตกก่อน เพื่อที่จะมีที่นั่งในขากลับ
(ดูขี้โกงจังเนอะ)
12.32 น. รถไฟวิ่งถึงสถานีน้ำตก เพื่อนร่วมทางที่แสนน่ารักของฉัน ลงไปซื้อตั๋วเพื่อไปถ้ำกระแซอีกครั้ง
เนื่องจากในตอนเช้าตรู่ ตอนที่ฉันซื้อตั๋วนั้นฉัน ซื้อตั๋วไป-กลับ ถ้ำกระแซ - สระโกสินารายณ์ ไว้ในราคา สี่คน
หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกบาท ตกเที่ยวละ ยี่สิบสองบาทต่อคน
ครั้งนี้ฉันจึงซื้อตั๋วแค่ไปถ้ำกระแซในราคา สี่คน สิบหกบาท ซึ่งถือว่าถูกมาก
13.00 น. ได้เวลาต้องจากกันซะแล้วนะ
ระหว่างทาง ผ่านสถานีมากมาย หลายจุดพักรถ บรรยากาศของแต่ละสถานีนั้นแทบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่มันก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่นะ ความสุข และ รอยยิ้ม ของคนเดินทาง มันเป็นอะไรที่ฉันคิดว่าไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยนัก
13.40 น.การเดินทางในวันสุดท้ายนั้นใกล้จะถึงจุดจบเต็มที
รถไฟใช้เวลาสักพักใหญ่ กว่าจะเดินทางมาถึง สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว
ตอนนี้ฉันมองท้องฟ้าที่ทอดยาวออกไปผ่านสายน้ำ ของแม่น้ำแม่กรอง อาจจะเป็นภาพที่ชินตาของฉันสักหน่อย
เพราะเป็นแม่น้ำสายเดียวกันกับที่ไหลผ่านหน้าบ้านของฉัน แต่การที่ฉันได้มองจากมุมนี้
มองผ่านโครงเหล็กของสะพานสีดำแห่งนี้ กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฉันไม่ได้ลงไปหรอกนะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย
14.12 น. สถานีกาญจนบุรี เป็นสถานที่ที่รถไฟหยุดอยู่ในตอนนี้
ผู้คนมากมายต่างเฝ้ารอขบวนรถไฟเพื่อที่จะโดยสารกลับสู่บ้านอันเป็นที่รัก
กระแสผู้คนเริ่มทะยอยหลั่งไหลขึ้นมาบนขบวน ไทยบ้าง ต่างชาติบ้างสลับกันไป จะว่าไปแล้วมันก็เป็นอีกสีสันหนึ่งนะ
สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟในครั้งนี้
15.03 น. บางครั้ง บางที การเดินทางก็ทำให้เวลาเร็วขึ้น เวลาในชีวิตจริงมันไม่ได้เร็วขึ้นหรอก แต่เวลาที่เรารู้สึกมันเร็วขึ้น ฉันว่านะ หากเรามองย้อนไปในทุกการเดินทาง เราอาจจะไปต่างที่ หรือเราอาจจะกลับมาที่เดิมแต่เชื่อฉันสิ ความรู้สึกในแต่ละครั้งมันไม่มีทางเหมือนเดิม
15.32 น. สิ้นสุดการเดินทาง
ถึงแม้ว่าวันนี้ตอนนี้เวลาของเราจะหมดลง แต่ฉันยังเชื่อว่าเร็วๆนี้เราจะได้พบกันอีกครั้งนะ
กาญนะจ๊ะบุรี . . . .
[CR] ถ้ำกระแซ - ทางรถไฟสายมรณะ
แต่คงไม่ใช่ฉันหรอก . . .
3.00 น. ฉันได้สัมผัสกับสายน้ำอันอบอุ่น จากฝักบัวที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสม่ำเสมอ
4.20 น. การเดินทางของฉันเริ่มต้น ณ สถานีรถไฟสระโกสินารายณ์ อำเภอ บ้านโป่ง จังหวัด ราชบุรี
เสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้น กลางความเงียบสงัดของยามเช้า
" รถไฟจะเข้าเทียบชานชลา เวลาสี่นาฬิกาสี่สิบแปดนาทีเปรี๊ยยย!! "
ฉันมองหน้าเพื่อนร่วมทางที่แสนน่ารักแล้วอมยิ้ม นี่สินะความสุข
4.30 น. หลังจากได้สอบถามข้อมูลจากนายสถานี ในที่สุดฉันก็ได้ ตั๋ว
เนื่องจาก วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ทำให้รอบของรถไฟนั้นมีน้อยกว่าปกติ
รถไฟออกจากสถานีต้นทางหนองปลาดุก เวลาสี่นาฬิกาสามสิบห้านาที
4.48 น. เสียง ฉึก-กะ-ฉัก ดังมาแต่ไกล ในที่สุดรถไฟก็เทียบท่าได้ตามเวลาที่กำหนดเปรี้ยยย!!
ฉันขึ้นรถไฟตู้ที่ใกล้ที่สุด แล้วก็ได้พบกับความว่างเปล่า ไม่มีใครเลย ไม่มีใครเลยจริงๆ
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงสักครู่ . . .
เช้าขนาดนี้ภายนอกขบวนรถนั้น มืดมิดและเงียบสงบ พอจะมีรถยนต์และการสัญจรอยู่บ้าง
ลมอ่อนจากการเคลื่อนขบวนของรถไฟพัดโชยเข้ามาในตู้โดยสาร
ฉันปล่อยให้ความคิดนั้นล่องลอยไปสู่ความฝันอันว่างเปล่า
5.36 น. ผู้ร่วมทางที่แสนน่ารัก ปลุกฉันให้ตื่นขึ้น ท้องฟ้าเริ่มจะมีแสงส่องผ่านปุยเมฆ
สถานีแล้วสถานีเล่า ที่ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวผ่าน ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันขึ้นมาบนตู้ที่ฉันนั่งอยู่
บ้างจะเดินทางไปทำงาน บ้างเดินทางไปเที่ยว แต่ก็คงจะมีบ้างแหละนะที่หนีความวุ่นวายของชุมชนเมือง
ไปสู่ความสุขกายสุขใจภายใต้ธรรมชาติอันงดงาม
6.00 น. ขบวนรถไฟหยุดลง เสียงผู้คนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จากหัวขบวน
" ตรวจตั๋วด้วยครับ " นายสถานีมาดเข้มพูดขณะเดินเข้ามาในตู้โดยสาร
หลังจากรถไฟกลับมาเคลื่อนตัวได้ไม่นาน ความคิดของฉันก็กลับสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง . . .
7.21 น. อากาศเย็นประทะเข้าที่ใบหน้าของฉัน ถึงแล้วสินะ จุดพักรถถ้ำกระแซ
ฉันยังไม่ลงตรงนี้หรอก มันอาจจะแปลกสักหน่อย เพราะ ที่นี่มีสองจุดพักรถด้วยกัน
ตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างเต็มที่ ความเย็นที่ผ่านเข้ามา กลิ่นไอของธรรมชาติ มันดีมากเลยนะฉันว่า
7.26 น. ยามเช้าของที่นี่ไม่ต่างจากที่อื่นเท่าไร ข้าวราดแกง ร้านเสื้อผ้าของฝากต่างๆที่ยังไม่เปิด 7.40 น. หลังจากทำธุระต่างๆเสร็จสิ้น ก็ได้เวลาที่ฉันจะเดินหน้าสู่ที่หมาย ถ้ำกระแซ
ผู้คนจากบนขบวนรถไฟไม่ได้ลงตามฉันมาหรอกนะ ทำให้ที่นี่ตอนนี้ไม่เต็มไปด้วยฝูงชน
ถ้ำกระแซ เป็นอีกหนึ่งถ้ำประวัติศาสตร์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสงครามโลกครั้งที่ สอง
ในอดีตเชื่อกันว่าเคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟจากไทยไปพม่า
ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ (หลวงพ่อถ้ำกระแซ) ประดิษฐานอยู่ภายใน
8.00 น. อากาศภายนอกถ้ำร้อนขึ้น ผู้คนมากขึ้น แต่ความสวยงามก็มากขึ้นเช่นกัน
ทางรถไฟแห่งนี้นั้น เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม ที่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ
ทางรถไฟสายมรณะ . . .
ชื่อนี้คงคุ้นหูของใครหลายคนรวมถึงฉันด้วย บางทีฉันเคยคิดนะ ว่าอยากมาที่นี่สักครั้ง
แล้วในวันนี้ ฉันก็ได้มาอยู่ที่นี่ มาอยู่ตรงนี้จริงๆ และเชื่อว่า ฉันคงจำไม่มีลืม
ทางรถไฟสายนี้ มีความยาวสี่ร้อยเมตร บนหน้าผาเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในลำน้ำแควน้อย
8.30 น. ก้าวสุดท้ายของฉัน บนทางรถไฟสายมรณะสิ้นสุดที่ จุดพักรถสวนไทรโยก (จุดพักรถถ้ำกระแซจุดแรก)
เพราะขากลับฉันไม่ได้เดินบนทางรถไฟหรอก . . .
บางครั้งการกลัวอะไรสักอย่าง ฉันว่ามันก็ทำให้ได้พบกับอะไรใหม่ๆเหมือนกันนะ
แต่ก็นั่นแหละ ทางรถไฟสายมรณะนั้นเป็นสะพานไม้เลียบหน้าผา มีความสูงพอพอจะทำให้ใจหวิวได้เลย
9.02 น. ฉันยังอยู่ที่จุดพักรถสวนไทรโยก หิวซะแล้วสิ อากาศร้อนพอสมควร
หวังว่าคงจะมีอะไรกินให้ชุ่มช่ำหัวใจนะ
สุดท้ายแล้วฉันก็ลงเอยด้วย น้ำแข็งใสถ้ำกระแซ เป็นอะไรที่สุขใจจริงๆ
9.15 น. ได้เวลาเดินกลับ อย่างที่ฉันได้บอกไป ฉันไม่ได้เดินกลับบนทางรถไฟหรอกนะ
ทางเดินเลียบทางรถไฟ เดิมทีเป็นทางที่ต้องเดินผ่านสวนไทรโยค หรือไม่ก็ต้องเดินลงตรงข้างสะพาน
9.46 น. นี่สินะวันสุดท้ายของปี ปริมาณคน ร้านค้า ความสุข และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือความร้อนจากสภาพอากาศ
เวลานี้ร้านรวงเปิดขายกันหมดแล้ว เสื้อผ้า ชุดพื้นบ้าน อาหาร ของฝากต่างๆ มีมากมายให้เราได้จับจ่ายใช้สอย
ในราคาที่ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป แต่ฉันไม่ได้ซื้อหรอกนะเสื้อผ้า เพราะกินอย่างเดียว
การมาเที่ยวเมืองกาญฯในครั้งนี้ แทบจะไม่ได้วางแผนอะไรเลยแหละ คิดอยากจจะมาก็มา อยากใช้เวลาวันสุดท้ายของปีให้คุ้ม
10.01 น. นี่เป็นการกินมื้อไหนก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือ อิ่มมาก
ปล. คนร้านเครปเยอะมาก ถึงมากที่สุดเลย
เวลาใกล้จะหมดซะแล้วสิ รถไฟใกล้จะมาแล้ว
หรอออ!!
12.07 น. ผู้คนเริ่มวิ่ง วิ่ง และ วิ่ง วิ่งไปดูรถไฟเคลื่อนขบวนเข้าเทียบชานชลา แต่ฉันไม่ได้วิ่งหรอกนะ
ด้วยตรงที่ฉันนั่งนั้น ใกล้กับจุดที่รถไฟจะจอด ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะเดินไปดักรอรถไฟเลย
รถไฟขบวนนี้ ไม่ได้เป็นรถไฟขากลับหรอก ฉันนั่งรถไฟไปสถานีน้ำตกก่อน เพื่อที่จะมีที่นั่งในขากลับ
(ดูขี้โกงจังเนอะ)
12.32 น. รถไฟวิ่งถึงสถานีน้ำตก เพื่อนร่วมทางที่แสนน่ารักของฉัน ลงไปซื้อตั๋วเพื่อไปถ้ำกระแซอีกครั้ง
เนื่องจากในตอนเช้าตรู่ ตอนที่ฉันซื้อตั๋วนั้นฉัน ซื้อตั๋วไป-กลับ ถ้ำกระแซ - สระโกสินารายณ์ ไว้ในราคา สี่คน
หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกบาท ตกเที่ยวละ ยี่สิบสองบาทต่อคน
ครั้งนี้ฉันจึงซื้อตั๋วแค่ไปถ้ำกระแซในราคา สี่คน สิบหกบาท ซึ่งถือว่าถูกมาก
13.00 น. ได้เวลาต้องจากกันซะแล้วนะ
ระหว่างทาง ผ่านสถานีมากมาย หลายจุดพักรถ บรรยากาศของแต่ละสถานีนั้นแทบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่มันก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่นะ ความสุข และ รอยยิ้ม ของคนเดินทาง มันเป็นอะไรที่ฉันคิดว่าไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยนัก
13.40 น.การเดินทางในวันสุดท้ายนั้นใกล้จะถึงจุดจบเต็มที
รถไฟใช้เวลาสักพักใหญ่ กว่าจะเดินทางมาถึง สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว
ตอนนี้ฉันมองท้องฟ้าที่ทอดยาวออกไปผ่านสายน้ำ ของแม่น้ำแม่กรอง อาจจะเป็นภาพที่ชินตาของฉันสักหน่อย
เพราะเป็นแม่น้ำสายเดียวกันกับที่ไหลผ่านหน้าบ้านของฉัน แต่การที่ฉันได้มองจากมุมนี้
มองผ่านโครงเหล็กของสะพานสีดำแห่งนี้ กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฉันไม่ได้ลงไปหรอกนะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย
14.12 น. สถานีกาญจนบุรี เป็นสถานที่ที่รถไฟหยุดอยู่ในตอนนี้
ผู้คนมากมายต่างเฝ้ารอขบวนรถไฟเพื่อที่จะโดยสารกลับสู่บ้านอันเป็นที่รัก
กระแสผู้คนเริ่มทะยอยหลั่งไหลขึ้นมาบนขบวน ไทยบ้าง ต่างชาติบ้างสลับกันไป จะว่าไปแล้วมันก็เป็นอีกสีสันหนึ่งนะ
สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟในครั้งนี้
15.03 น. บางครั้ง บางที การเดินทางก็ทำให้เวลาเร็วขึ้น เวลาในชีวิตจริงมันไม่ได้เร็วขึ้นหรอก แต่เวลาที่เรารู้สึกมันเร็วขึ้น ฉันว่านะ หากเรามองย้อนไปในทุกการเดินทาง เราอาจจะไปต่างที่ หรือเราอาจจะกลับมาที่เดิมแต่เชื่อฉันสิ ความรู้สึกในแต่ละครั้งมันไม่มีทางเหมือนเดิม
15.32 น. สิ้นสุดการเดินทาง
ถึงแม้ว่าวันนี้ตอนนี้เวลาของเราจะหมดลง แต่ฉันยังเชื่อว่าเร็วๆนี้เราจะได้พบกันอีกครั้งนะ
กาญนะจ๊ะบุรี . . . .
ธันวาคม
2018
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้